วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ศึกภายใน อาจทำให้ชาติเจริญรุ่งเรือง

ดูทั้งหมด

  •  

การศึกสงครามในประวัติศาสตร์ชาติไทยนั้น มีทั้งการศึกเพื่อขยายพระราชอาณาเขต การศึกเพื่อป้องกันศัตรูผู้รุกราน และการศึกเพื่อแย่งชิงอำนาจภายใน ซึ่งแน่นอนว่าในทุกการศึกต้องมีทั้งได้และเสีย

การศึกที่ถูกกล่าวขวัญถึงในเรื่องของความยิ่งใหญ่คือการศึกที่เกิดขึ้นระหว่างพระมหากษัตริย์ พระมหาอุปราชา หรือเจ้าผู้ครองเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการศึกที่ต่อสู้กันบนหลังช้างที่เรียกกันว่าศึกหรือการกระทำยุทธหัตถี


ศึกยุทธหัตถีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยุคกรุงศรีอยุธยานั้นคือศึกระหว่างเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา ที่เกิดขึ้นภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระนครินทราธิราช (เจ้านครอินทร์) พระราชบิดา พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๖ ของอาณาจักรอยุธยา

หลังจากเจ้านครอินทร์ขึ้นครองราชย์นั้น ทรงโปรดให้พระราชโอรส ๓ พระองค์ไปปกครองเมืองอื่นและหัวเมืองฝ่ายเหนือที่พระองค์ทรงปราบปรามได้สำเร็จ โดยให้พระราชโอรสองค์แรกคือเจ้าอ้ายพระยาไปครองเมืองสุพรรณบุรี องค์ที่สองคือเจ้ายี่พระยาไปครองเมืองแพรกศรีราชา(สรรคบุรี) และองค์ที่สามคือเจ้าสามพระยาไปครองเมืองพิษณุโลก

เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. ๑๙๖๗ ได้เกิดศึกแย่งชิงราชสมบัติ โดยเจ้ายี่พระยาซึ่งทราบข่าวก่อนได้ยกกำลังมาตั้งอยู่ที่ทางเข้าตลาดเจ้าพรหม ชุมชนใหญ่ชานกรุงศรีอยุธยาเพื่อเตรียมขึ้นครองแผ่นดิน แต่เจ้าอ้ายพระยาผู้เป็นพระเชษฐาทรงไม่ยินยอมให้พระอนุชากระทำการเช่นนั้น จึงยกกำลังจากเมืองสุพรรณบุรีมายังกรุงศรีอยุธยาโดยตั้งทัพที่วัดพลับพลาชัย ตำบลป่ามะพร้าว ทั้งสองพระองค์ทรงช้างต้นมาปะทะกันที่สะพานป่าถ่าน และเกิดศึกยุทธหัตถีขึ้น ซึ่งต่างก็มีฝีมือในการรบได้เข้าต่อสู้กันและต่างก็ใช้ของ้าวฟันเข้าหากันแบบพร้อมกันต้องพระศอของทั้งสองพระองค์ขาดทั้งคู่ สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง

ความทราบถึงเจ้าสามพระยา จึงเสด็จมายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อจัดการถวายพระเพลิงพระศพของพระเชษฐาทั้ง ๒ พระองค์ที่วัดมหาธาตุ และโปรดให้สร้างวัดราชบูรณะขึ้นพร้อมกับก่อพระเจดีย์ ๒ องค์ในบริเวณที่ตั้งพระเมรุ ซึ่งเป็นบริเวณที่พระเชษฐาทรงทำยุทธหัตถี เพื่อเป็นที่รำลึกถึงพระเชษฐา รวมทั้งการสร้างพระปรางค์ใหญ่ เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระราชบิดาในวาระนั้นด้วย แล้วจึงสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๗ ของกรุงศรีอยุธยา

กรุงศรีอยุธยาภายใต้การปกครองของพระองค์ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก มีความเจริญรุ่งเรือง เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถมีความเข้มแข็งทั้งด้านการรบและการปกครอง ทรงเอาใจใส่ทุกข์สุขของราษฎร แผ่นดินจึงมั่นคง ทรงขยายพระราชอาณาเขตและทรงยกทัพไปปราบปรามพวกขอม โดนยึดเมืองนครธมที่เป็นพระนครหลวงของขอมได้ แล้วสถาปนา พระราชโอรสคือพระนครอินทร์ให้เสวยราชสมบัตินครหลวง กวาดต้อนขุนนาง ราษฎร พร้อมกับนำทรัพย์จำนวนมากกลับมาสู่กรุงศรีอยุธยา ทำให้ขอมสิ้นไป และกรุงศรีอยุธยาว่างเว้นการรบด้านนี้ถึง ๑๐๐ ปี

พระองค์ยังทรงรวบรวมอาณาจักรสุโขทัยและอยุธยาเข้าเป็นแผ่นดินเดียวกันด้วย โดยใช้กุศโลบายทางการเมืองส่งพระราชโอรสคือสมเด็จพระราเมศวร ที่ประสูติจากพระมเหสีองค์หนึ่งที่เป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์สุโขทัย ขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลก ที่ครอบคลุมการปกครองถึงอาณาจักรสุโขทัยด้วย เมื่อพระราเมศวรขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ เป็นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ จึงทำให้อาณาจักรสุโขทัยถูกรวมเข้ากับกรุงศรีอยุธยาโดยสมบูรณ์ตั้งแต่นั้น

จดหมายเหตุทางประวัติศาสตร์ของวันวลิตหรือเยเรเมียส ฟาน ฟลีต พ่อค้าชาวฮอลันดาที่มาอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยาหลายปีได้บันทึกถึงเจ้าสามพระยาไว้ว่า “พระองค์ทรงเป็นนักเสรีนิยม สร้างและบูรณะวัดหลายแห่ง ให้ความช่วยเหลือทั้งพระและคนยากจน สมเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความเมตตามากที่สุด ที่ประเทศสยามเคยมี”

มีเรื่องน่าสนใจที่ต้องกล่าวถึงเจ้าสามพระยาอีกเรื่องหนึ่ง คือในปีพ.ศ ๒๔๙๙ กรมศิลปากรได้ทำการขุดกรุวัดราชบูรณะที่พระองค์ทรงสร้าง เนื่องจากได้ระแคะระคายว่ามีชาวบ้านไปขุดค้นหากรุสมบัติในองค์พระปรางค์ที่สร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระราชบิดา ปรากฏว่าได้พบห้องลับใต้ดิน ๓ ชั้น เก็บสมบัติอันมีค่ามหาศาล ทั้งพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปศิลปะอยุธยา พระแสงขรรค์ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องประดับทองคำของพระมหากษัตริย์ เชื่อกันว่าเครื่องทองราชูปโภคในกรุวัดราชบูรณะที่เจ้าสามพระยาสร้างไว้นี้ น่าจะมีอยู่ไม่น้อยกว่า ๑๐๐ กิโลกรัม แต่ก็ขุดมาได้เพียงส่วนหนึ่งที่เหลืออยู่ รวมทั้งตามกลับคืนจากกลุ่มขโมยที่ลักลอบขุดได้เพียงประมาณ ๒๐% สมบัติเหล่านี้กรมศิลปากรได้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะแสดงให้เห็นว่าการศึกทั้งหลาย ที่บางครั้งอาจจะเกิดจากความขัดแย้ง จากการช่วงชิงอำนาจ ในที่สุดก็ลงท้ายด้วยการที่มีผู้ปกครองที่เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ที่มีพระปรีชาสามารถและทำให้ชาติกลับมาเจริญรุ่งเรือง มีความเข้มแข็ง มั่นคง เป็นปึกแผ่น และประชาราษฎร์ได้อาศัยอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

การปกครองไม่ว่าจะในรูปแบบหรือระบอบใดก็ตาม ย่อมจะต้องมีผู้นำในการที่จะบริหารประเทศ ซึ่งรวมทั้งระบอบการปกครองที่เรียกว่าประชาธิปไตย ที่มักมีคนนำไปกล่าวอ้างว่า “ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” ก็หนีไม่พ้นการที่จะต้องมีผู้มานำการปกครอง เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเรียกจากคำว่าพระมหากษัตริย์มาเป็นประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง

ตำแหน่งที่ว่านี้ถึงแม้จะมาจากประชาชน แต่เมื่อได้ตำแหน่งแล้ว สิ่งที่จะตามมาเสมอก็คืออำนาจ และอาจจะบอกได้เลยว่าอำนาจนั้น หากเปรียบกับอาหารก็คืออาหารที่อร่อยสุดยอด มีความหอม และรสชาติหวาน เค็ม เปรี้ยว เผ็ด ร้อนอยู่ในตัว ซึ่งเมื่อได้ลิ้มลองแล้วยากที่จะลืมได้ จนถึงอาจจะกล่าวได้ว่าหลงในรสชาตินั้น

จึงไม่ต้องแปลกใจว่าประเทศไทยที่มีการปกครองในระบอบที่อ้างว่าเป็น ประชาธิปไตยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๕ และมีนายกรัฐมนตรีมาแล้วเป็นจำนวน ๓๐ คน จึงมีนายกบางคนที่เรียกได้ว่าติดหรือหลงอยู่ในอำนาจที่มีอยู่นั้น โดยเมื่อคิดว่าอยากจะทำอะไร โดยมีคณะรัฐมนตรีซึ่งตนเองเสนอแต่งตั้งเป็นผู้หนุนหลังอยู่ ก็จะต้องทำให้สำเร็จ ทั้งที่มีเรื่องจำนวนไม่น้อยที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นชอบในการกระทำดังกล่าว

ถึงแม้ว่าในระบอบประชาธิปไตยจะมีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ก็แทบจะไม่เคยเห็นความสำเร็จของการค้านนั้นเลย จึงทำให้ผู้ที่เป็นฝ่ายค้านต้องพยายามอย่างที่สุดในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไปว่าจะต้องกลับขึ้นมาเป็นฝ่ายรัฐบาล เพื่อสร้างโอกาสหรือแสวงหาอำนาจ และหากได้มาก็จะใช้อำนาจนั้นตามที่ตนเองปรารถนาเช่นกัน

จึงเป็นที่มาของการพยายามที่จะโค่นล้มการสืบทอดอำนาจ ซึ่งหากสืบทอดกันนานมาก อาจจะเปลี่ยนจากความหลงอำนาจเป็นความเหลิงอำนาจ จนทำให้เกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองอันเป็นเหตุผลให้ทหารที่เป็นผู้ปกปักรักษาชาติ ต้องทำการรัฐประหารเพื่อโค่นล้มอำนาจอันมิชอบเหล่านั้น

การรัฐประหารหลายครั้งทำให้สามารถหยุดยั้งอำนาจของบางคนหรือบางกลุ่ม ได้แค่เพียงชั่วคราว เพราะเมื่อการเมืองต้องดำเนินไปตามระบอบประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง เพื่อจะนำไปสู่การหาผู้บริหารประเทศชุดใหม่ ก็มักจะไม่พ้นอีหรอบเดิม ก็ยังจะเห็นคนเก่าๆ มาทำหน้าที่ มีคนใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาก็ไม่อาจคาดหวังได้เลยโดยเฉพาะกลุ่มที่มีแนวคิดในการลดบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อยู่คู่กับชาติไทยมาร่วม ๘๐๐ ปีแล้ว

ที่เลวร้ายคือการใช้อำนาจในการแก้ไขหรือออกกฎหมายเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ที่กระทำผิด แม้แต่การคอร์รัปชั่นโกงกินประเทศ จะได้โอกาสกลับมาบริหารประเทศชาติอีกครั้งหนึ่ง แล้วในที่สุดก็จะกลับมามีอำนาจ ใช้วงจรอุบาทว์ในการกระทำสิ่งใดๆ ที่ตัวเองปรารถนา โดยคิดถึงแต่ประโยชน์ของส่วนตนและพวกพ้องเป็นหลัก แอบอ้างเอาประชาชนมาบังหน้า ซึ่งในที่สุดย่อมเกิดผลเสียต่อประเทศชาติ

หรือยังจะต้องมีศึกภายในประเทศไทยเกิดขึ้นอีกสักครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้คนดี คนเก่ง คนกล้าหาญและมีความสามารถในการที่จะมาเปลี่ยนแปลงประเทศ นำพาประเทศไปให้เกิดความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรือง ให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ แต่ที่สำคัญยิ่ง จะต้องเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ยึดติดในอำนาจ และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และชาติอย่างแท้จริง

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:07 น. 'นเรศ'เปิดประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ อปท. ย้ำ 4 แนวทางบริหารสู่ความยั่งยืน
21:49 น. กลาโหมประณามกัมพูชา เปิดฉากยิงพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน
21:41 น. ‘ปธ.รัฐสภา’ลงพื้นที่หาดใหญ่ มอบเงิน 1.1 แสนบาทช่วยน้ำท่วม
21:17 น. บุรีรัมย์เคลื่อนทัพ ระดมกำลังเปิดศูนย์พักพิง รับผู้อพยพ3.5หมื่นคน รับมือสถานการณ์ปะทะ
20:48 น. ต๊ะ นารากร ติงสื่อ! เปิดเผยชีวิตส่วนตัว นัทปง ไม่เกรงใจญาติ
ดูทั้งหมด
เปิดประวัติ นานา ไรบีนา พี่ใหญ่แห่งแก๊งนางฟ้า ตัวแม่ตัวมัมของเมืองไทย
ทรงเป็นแบบอย่าง! สมเด็จพระราชินี เก็บขยะเกาะราชาใหญ่ หลังแข่งคิงส์คัพรีกัตต้า (คลิป)
เปิดประวัติ เวย์ ไทยเทเนี่ยม แร็ปเปอร์ดังคู่ชีวิตดาราสาว นานา ไรบีนา
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 5-11 ธ.ค.68
จับตา พายุลูกใหม่ กำลังก่อตัวช่วง 8-10 ธ.ค. บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง
ดูทั้งหมด
อียิปต์ที่เต็มไปด้วยคำถาม (ตอน7)
ความดีที่ทุกคนทำได้ในแต่ละวัน
‘การเมือง’ กำลัง ‘สาดสีเทา’ เข้าใส่กัน
เบน, ทักษิณ, อนุทิน, แพทองธาร
ก๊วน แก๊ง หลักสูตรอภิสิทธิ์ชน กับการทุจริตในสังคมไทย
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กลาโหมประณามกัมพูชา เปิดฉากยิงพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน

ต๊ะ นารากร ติงสื่อ! เปิดเผยชีวิตส่วนตัว นัทปง ไม่เกรงใจญาติ

อรรถกร แจงดราม่าป้ายซีเกมส์ เป็นของท้องถิ่น-เอกชนไม่ได้ใช้งบกกท.

หลักฐานชัด!!! กัมพูชายิงทหารไทย บาดเจ็บ 2 นาย

ชาวบ้านกรวด บุรีรัมย์ ขนของขึ้นรถ หลังปะทะชายแดนเดือด แห่เติมน้ำมันแน่นปั๊มอพยพทันที

'นายกฯ-บิ๊กเล็ก'บินด่วน ลงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 8 ธ.ค.นี้

  • Breaking News
  • \'นเรศ\'เปิดประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ อปท. ย้ำ 4 แนวทางบริหารสู่ความยั่งยืน 'นเรศ'เปิดประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ อปท. ย้ำ 4 แนวทางบริหารสู่ความยั่งยืน
  • กลาโหมประณามกัมพูชา เปิดฉากยิงพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน กลาโหมประณามกัมพูชา เปิดฉากยิงพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน
  • ‘ปธ.รัฐสภา’ลงพื้นที่หาดใหญ่ มอบเงิน 1.1 แสนบาทช่วยน้ำท่วม ‘ปธ.รัฐสภา’ลงพื้นที่หาดใหญ่ มอบเงิน 1.1 แสนบาทช่วยน้ำท่วม
  • บุรีรัมย์เคลื่อนทัพ ระดมกำลังเปิดศูนย์พักพิง รับผู้อพยพ3.5หมื่นคน รับมือสถานการณ์ปะทะ บุรีรัมย์เคลื่อนทัพ ระดมกำลังเปิดศูนย์พักพิง รับผู้อพยพ3.5หมื่นคน รับมือสถานการณ์ปะทะ
  • ต๊ะ นารากร ติงสื่อ! เปิดเผยชีวิตส่วนตัว นัทปง ไม่เกรงใจญาติ ต๊ะ นารากร ติงสื่อ! เปิดเผยชีวิตส่วนตัว นัทปง ไม่เกรงใจญาติ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

คุณและโทษของน้ำ มนุษย์จะจัดการอย่างไร

คุณและโทษของน้ำ มนุษย์จะจัดการอย่างไร

1 ธ.ค. 2568

ความสัมพันธ์ไทย-จีน‘เราเป็นครอบครัวเดียวกัน’

ความสัมพันธ์ไทย-จีน‘เราเป็นครอบครัวเดียวกัน’

24 พ.ย. 2568

เขมร ยังจะต้องไว้ใจกันอีกหรือ

เขมร ยังจะต้องไว้ใจกันอีกหรือ

17 พ.ย. 2568

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

10 พ.ย. 2568

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

3 พ.ย. 2568

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

27 ต.ค. 2568

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

20 ต.ค. 2568

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

13 ต.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved