วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สัปดาห์ที่แล้วเขียนถึง…การใช้กฎหมายอย่างฉ้อฉล ด้วยการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้รอการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราเป็นการชั่วคราวของรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา อันนำไปสู่การรัฐประหารในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๗๖ ซึ่งถือเป็นการทำรัฐประหารครั้งแรกของประเทศไทย นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕....
ภายหลังนายปรีดี พนมยงค์ เดินทางออกนอกประเทศไปฝรั่งเศส ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มขุนนางเก่าของพระยามโนปรณ์นิติธาดากับกลุ่มคณะราษฎรสายพระยาพหลพลพยุหเสนามีแนวโน้มแสดงให้เห็นว่ากลุ่มพระยามโนปกรณ์ฯ กำลังจะมีอิทธิพลเหนือกลุ่มคณะราษฎร ดังนั้นจึงทำให้พระยาพหลฯตัดสินใจเป็นหัวหน้าทำการรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๗๖ โดยขอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และให้เปิดสภาผู้แทนราษฎร โดยได้ออกแถลงการณ์ถึงสาเหตุของการทำรัฐประหารไว้๒ ประการ คือ
ประการแรก คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินทำไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญโดยการปิดสภาผู้แทนราษฎรและงดใช้รัฐธรรมนูญ คณะรัฐประหารจึงต้องดำเนินการเพื่อให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ
ประการที่สอง การทำรัฐประหารครั้งนี้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย
ในวันเดียวกัน พระยาพหลฯ มีหนังสือกราบทูล รัชกาลที่ ๗ ที่ประทับอยู่ ณ พระราชวังไกลกังวล เรื่องการยึดอำนาจให้ทรงทราบว่ามีความประสงค์ที่จะเปิดสภาผู้แทนราษฎรซึ่งก็ทรงอนุญาต และต่อมามีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพระยาพหลฯ เป็นนายกรัฐมนตรี
ต่อมาในวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๖ พระยาพหลฯ นายกรัฐมนตรี ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชกฤษฎีกาที่ให้ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๗๖ โดยมีคำปรารภของพระราชบัญญัตินี้ว่า.......
“โดยที่สภาผู้แทนราษฎรถวายคำปรึกษาว่า โดยที่คณะรัฐมนตรี มีมหาอำมาตย์โทพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกฯ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายคำปรึกษาให้ประกาศพระราชกฤษฎีกาลงวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๗๖ และรับสนองพระบรมราชโองการปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราโดยมิได้อาศัยอำนาจในรัฐธรรมนูญประการใด ซึ่งทำให้เสื่อมทรามความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ....”
นั้นเป็นครั้งแรกของการใช้กฎหมายอย่างฉ้อฉลในวันประวัติศาสตร์การเมืองไทยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕
ยังมีรัฐธรรมนูญอีกฉบับที่เข้าข่ายเป็น Fake Law คือ รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี ๒๔๙๐ หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า “รัฐธรรมนูญ ฉบับใต้ตุ่ม” รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นผลพวงมาจากการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ โดยได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ๒๔๘๙ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีและมีระดับความเป็นประชาธิปไตยสูงมากฉบับหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และนำรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี ๒๔๙๐ ออกมาใช้เป็นการชั่วคราว ซึ่งหลวงกาจสงคราม (พ.อ.กาจกาจสงคราม) หนึ่งในคณะรัฐประหารเป็นผู้ร่างและเตรียมซ่อนไว้ใต้ตุ่มน้ำ ได้เป็นผู้นำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นเสนอผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ลงนามเพื่อประกาศใช้ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๐
ความมัวหมองได้เกิดขึ้นกับ รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี ๒๔๙๐ เมื่อ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้เป็นผู้ลงนามแต่ผู้เดียว โดยพระยามานวราชเสวี ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกท่าน ไม่ได้ร่วมลงนามในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย ทั้งนี้ การลงนามของคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น สภาได้มีมติไว้ว่าการลงนามในหนังสือราชการ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะต้องลงนามทั้ง ๒ ท่าน
นอกจากนั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้มี จอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่ลงตำแหน่งว่า “ผู้บัญชาการทหารแห่งประเทศไทย” เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ.....
ถ้ายังจำกันได้....ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๔๘๘ จอมพล ป. ได้อยู่ในสถานะต้องโทษอาชญากรสงครามและถูกควบคุมตัวอยู่ระยะเวลาหนึ่ง เพราะในช่วงสงคราม จอมพล ป.นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้นำไทยเข้าเป็นพันธมิตรกับฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งท้ายที่สุดเป็นฝ่ายที่แพ้สงคราม โดยวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๔๘๘ จอมพล ป. ได้ถูกให้ออกจากประจำการและถูกจับกุมตัวในฐานะอดีตผู้นำรัฐบาลที่นำพาประเทศเข้าสู่มหาสงคราม
อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องจอมพล ป. แต่มิใช่ว่าด้วยเหตุผล จอมพล ป. ไม่ได้กระทำความผิด แต่เพราะจำเลยได้กระทำการก่อนพระราชบัญญัติอาชญากรสงครามจะมีผลบังคับใช้ ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๘๘ ดังนั้นจึงไม่สามารถลงโทษจอมพล ป. ตาม พ.ร.บ.อาชญากรสงครามได้อันเป็นไปตามหลักกฎหมายมีผลบังคับย้อนหลังไม่ได้หรือ nulla poena sine lege ในภาษาละติน หรือ “ไม่มีกฎหมาย ไม่มีความผิด ไม่มีโทษ”
ภายหลังการรัฐประหาร ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ ที่นำโดย พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ และกลุ่มทหารนอกราชการที่นิยม จอมพล ป. ยึดอำนาจสำเร็จ
ก็ได้เชิญจอมพล ป. ให้มาเป็นหัวหน้าคณะ โดยใช้ชื่อว่า คณะทหารแห่งชาติ และเนื่องจากคณะผู้นำรัฐประหารส่วนใหญ่เป็นนายทหารนอกประจำการดังนั้นเพื่อการหลีกเลี่ยงมิให้กระทบกระเทือนต่อนายทหารประจำการ จึงได้สถาปนา กองบัญชาการทหารแห่งประเทศไทย ขึ้นมาใหม่ และแต่งตั้งให้จอมพล ป. ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารแห่งประเทศไทย อันเป็นตำแหน่งที่ จอมพล ป. ใช้ในการเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ เพื่อเสนอผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ลงนามใน รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี ๒๔๙๐ อันเป็นรัฐธรรมนูญที่เข้าข่ายเป็น Fake Law อีกหนึ่งฉบับในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ศาสตราจารย์พิเศษ
ดร.ปรีชา สุวรรณทัต

สภาพอากาศวันนี้ 'กทม.-ปริมณฑล'เย็นลงตอนเช้า 'เหนือ-อีสาน'หนาวจัด ใต้เจอฝนหนัก 70% พื้นที่
‘อัจฉริยะ’ลุยต่อ ยื่นจตร.-นายกฯ จี้เอาผิด‘ผบ.ตร.’ ปมซื้อขายเก้าอี้
'โอ๊ยเล่าเรื่อง'ตาโขน(TheCursedMask)8/10
ย้ายจีนเทาพ้นคุกพิเศษกทม. จู่โจมค้นพบนางแบบ/ถุงยาง คาห้องลับใต้บันไดบำเรอกาม
‘ทูเจ – ดิว’ชวนลุ้นบทสรุป ‘เพียงนาวา’ห้ามพลาด !

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี