วันพฤหัสบดี ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันศุกร์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 02.00 น.
9.2 หมื่นล้านบาทต่อปี ไทยอุ้มสุขภาพคนต่างด้าวชายแดน!

ดูทั้งหมด

  •  

ทราบหรือไม่ ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เรียกเก็บไม่ได้จากคนต่างด้าวในพื้นที่ชายแดน ปีล่าสุด (ปีงบประมาณ 2567) มีมูลค่าถึง 9.2 หมื่นล้านบาท

โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี


ขณะที่รายจ่ายสวัสดิการด้านสุขภาพของรัฐในไทย ก็สูงขึ้นทุกปี

โดยส่วนหนึ่งก็ถูกเบียดบังใช้ทรัพยากรด้านสาธารณสุขโดยคนต่างชาติด้วย

1. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกรายงานเรื่อง ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2567 หัวข้อ “คนต่างด้าวกับระบบสาธารณสุขชายแดน”

ระบุว่า ระบบสาธารณสุขของไทยถือเป็นระบบที่มีศักยภาพการรักษาและการให้บริการที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านชายแดน

ทั้งเมียนมา ลาว และกัมพูชา ส่งผลให้ประชากรจากทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว เข้ามาใช้บริการการรักษาในไทยเป็นจำนวนมาก

โดยมีคนต่างด้าวเข้ามาใช้บริการการรักษาในไทยเป็นจำนวนมากถึง 3.8 ล้านครั้ง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

ปรากฏว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เรียกเก็บไม่ได้จากคนต่างด้าวในพื้นที่ชายแดน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีมูลค่าถึง 9.2 หมื่นล้านบาท

เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2565 ถึง 8.2 เท่าตัว

โดยกว่าร้อยละ 81.1 ของมูลค่าดังกล่าว มาจากพื้นที่ชายแดนไทย - เมียนมาโดยเฉพาะจังหวัดตาก

2. คนต่างด้าวกับระบบสาธารณสุขชายแดน

การเข้ามาใช้บริการสาธารณสุขของคนต่างด้าวในไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน ซึ่งต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บไม่ได้จากคนต่างด้าวคิดเป็นมูลค่าสูง จึงเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลต่อสังคม กระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรของโรงพยาบาลชายแดน

รายงานระบุว่า ในจำนวนคนต่างด้าวเข้ามาใช้บริการการรักษาในไทยรวม 3.8 ล้านครั้ง จำแนกเป็น

คนต่างด้าวที่มีสิทธิการรักษา 4.9 แสนครั้ง

คนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิการรักษา 1.5 ล้านครั้ง

และคนต่างด้าวที่ไม่ระบุสิทธิ 1.8 ล้านครั้ง

ซึ่งหากพิจารณาคนต่างด้าวที่มีสิทธิการรักษา พบว่า กว่าร้อยละ 49.2 ใช้สิทธิผ่านกองทุนประกันสุขภาพคนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าว

รองลงมา เป็นกองทุนประกันสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ (ท.99)ร้อยละ 29.5

และสิทธิประกันสังคม ร้อยละ 21.2

ขณะที่กลุ่มคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิการรักษา ส่วนใหญ่สามารถชำระค่าบริการได้ แต่มีเพียงร้อยละ 1.8 เท่านั้นที่ไม่สามารถชำระค่าบริการ

เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เรียกเก็บไม่ได้จากคนต่างด้าวในพื้นที่ชายแดนไทย พบว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีมูลค่าถึง 92,083 ล้านบาท

สร้างความกังวลต่องบประมาณที่ต้องมาสนับสนุนบริการดังกล่าว

สอดคล้องกับผลการสำรวจของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ที่พบว่า คนไทยกว่าร้อยละ 93.9 มีความกังวลมากถึงมากที่สุดต่อการเสียงบประมาณของประเทศให้กับคนต่างด้าวในการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการด้านต่างๆ เช่น สุขภาพ การศึกษา รัฐสวัสดิการ ฯลฯ

3. ความจริงที่น่าวิตกกังวล

หน่วยบริการสาธารณสุขของจังหวัดตาก โรงพยาบาลอุ้มผาง และโรงพยาบาลท่าสองยาง ชายแดนประเทศเมียนมา มีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เรียกเก็บไม่ได้จากคนต่างด้าวทั้งจังหวัดสูงที่สุด เมื่อเทียบกับจังหวัดชายแดนอื่นที่ 16,766.3 ล้านบาท

หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.1 ต่อค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลทั้งหมดของคนต่างด้าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

รายงานพบข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนี้

1) ชายแดนประเทศเมียนมาตรงข้ามกับจังหวัดตาก ขาดแคลนสถานพยาบาล รวมทั้งการให้บริการที่มีข้อจำกัดและยังขาดประสิทธิภาพ ทำให้คนต่างด้าวจำเป็นต้องข้ามแดนเข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทย โดยกรณีของอำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก มีพื้นที่ติดกับรัฐกะเหรี่ยงของประเทศเมียนมา ซึ่งไม่มีสถานพยาบาล แพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วย อีกทั้งคนต่างด้าวที่ข้ามแดนมาทำการรักษาส่วนใหญ่มีอาการป่วยหนัก และมีฐานะยากจน ทำให้ไม่สามารถชำระค่ารักษาพยาบาลได้

2) คนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิในการรักษาและมารับบริการสาธารณสุขในประเทศไทย ในความเป็นจริงบางกลุ่มเป็นคนที่เกิดในประเทศไทย ซึ่งควรจะได้รับสิทธิ ท.99 อาทิ กรณีของจังหวัดตาก ซึ่งจากข้อมูลของสำนักสาธารณสุขจังหวัดตาก ปี 2568 พบว่า มีประชากรรวมประมาณ 9.7 แสนคน ซึ่งเกือบครึ่ง หรือร้อยละ 43.2 เป็นคนต่างด้าว

อย่างไรก็ตาม กว่า 2 ใน 5 ของประชากรต่างด้าว เป็นคนต่างด้าวที่ไม่ได้อยู่ในระบบทะเบียน ซึ่งบางส่วนอาจมีภูมิลำเนาอยู่ในไทยมาตั้งแต่แรก แต่ยังเข้าไม่ถึงสิทธิ ท.99 27

และ 3) โรงพยาบาลชายแดนไทย ต้องเป็นด่านหน้าในการรับมือและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดต่อร้ายแรง ไม่ให้ระบาดในประเทศไทย ซึ่งหลายกรณี แพทย์ตามโรงพยาบาลชายแดนจำเป็นต้องไปตรวจรักษาและให้บริการในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ การข้ามแดนไปรักษาอหิวาตกโรคในฝั่งเมียนมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรค

4. ภาระหนักต่อบุคลากรการแพทย์ไทย

จากสาเหตุดังกล่าว ทำให้โรงพยาบาลชายแดนมีภาระในการดูแลผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และภาระงานมากขึ้น จากจำนวนแพทย์ที่ไม่เพียงพอ

อัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรของจังหวัดตาก ในปัจจุบันอยู่ที่ 1 : 3,373 คน ซึ่งได้รับการจัดสรรโดยพิจารณาเฉพาะจากจำนวนประชากรไทยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากรวมประชากรต่างด้าวในพื้นที่เข้าไปด้วย อัตราส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นถึง 1 : 8,424 คน สูงกว่าอัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรในภาพรวมทั้งประเทศถึงเกือบ 10 เท่าตัว

ซึ่งการที่บุคลากรของโรงพยาบาลต้องทำงานหนักเกินไป อาจทำให้เกิดความเครียดและความเหนื่อยล้า ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ที่ส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการ

5. ภาระทางการเงิน

ภาระทางการเงินของโรงพยาบาลชายแดนเพิ่มขึ้น อาทิ กรณีโรงพยาบาลชายแดน 5 แห่ง ที่มีอาณาเขตติดกับประเทศเมียนมา มีค่าใช้จ่ายด้านสังคมสงเคราะห์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีมูลค่า อยู่ที่ 132.8 ล้านบาท

เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่อยู่ที่ 101.9 ล้านบาท ถึงร้อยละ 30.4

เกือบครึ่งหรือร้อยละ 45.6 ของรายจ่ายดังกล่าว เป็นของโรงพยาบาลอุ้มผาง โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 60.5 ล้านบาท

เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ถึง 1.1 เท่า

และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินบำรุงคงเหลือหลังหักหนี้ของโรงพยาบาลอุ้มผางติดลบสูงถึง 26.3 ล้านบาท

นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังมีค่าใช้จ่ายบางรายการที่ไม่สามารถเบิกจ่ายจากงบประมาณได้ โดยเฉพาะงบประมาณที่ต้องใช้ไปในพื้นที่ชายแดนเมียนมา อาทิ การจัดตั้งศูนย์กักกันโรคในช่วง COVID-19 การลงพื้นที่สำรวจการระบาดของโรคไอกรนและโรคเท้าช้างในหมู่บ้านฝั่งเมียนมา เพื่อควบคุมโรคและลดการเดินทางของคนต่างด้าวที่ข้ามมารักษาในไทย ทำให้โรงพยาบาลชายแดนส่วนใหญ่จำเป็นต้องขอรับเงินบริจาคจากภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเพื่อใช้เป็นทุนในการดำเนินภารกิจดังกล่าว

6. เสริมความเข้มแข็งโรงพยาบาลชายแดน

รายงานของสภาพัฒน์ ชี้ว่า การดำเนินงานของโรงพยาบาลชายแดน โดยเฉพาะจังหวัดตาก แม้จะมีผลต่อภาระงบประมาณและบุคลากรของไทย แต่มีความจำเป็นในการป้องกันโรคระบาดต่างๆ ไม่ให้เข้ามายังประเทศไทย อีกทั้ง ยังเป็นการดำเนินการตามหลักเหตุผลทางมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ที่แพทย์จะไม่เลือกปฏิบัติต่อเชื้อชาติ ภาษา หรือศาสนาฯ

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานของโรงพยาบาลชายแดนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จำเป็นต้องพิจารณาประเด็น ดังต่อไปนี้

1) การจัดสรรทรัพยากรสาธารณสุขให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทั้งทรัพยากรบุคคลและงบประมาณ

สาเหตุสำคัญมาจากเกณฑ์จัดสรรทรัพยากรด้านสาธารณสุขที่ส่วนใหญ่เป็นแบบ One size fit all

มิได้คำนึงถึงบริบทของความแตกต่างของแต่ละพื้นที่เท่าที่ควร ทำให้การกำหนดอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ หรืองบประมาณของแต่ละโรงพยาบาลชายแดนถูกจัดสรรโดยอิงจากจำนวนประชากรไทยในพื้นที่ โดยไม่ได้นำประชากรต่างด้าวที่อยู่นอกระบบประกันสุขภาพมาประกอบการพิจารณา รวมถึงอุปสรรคในการทำงานของบุคลากร อาทิ ความยากลำบากในการเดินทางของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการเชิงรุกในพื้นที่ ซึ่งมีความห่างไกลและทุรกันดาร ทำให้บุคลากรในพื้นที่ชายแดนมีภาระงานเกิน (Overload) จนบุคลากรบางส่วนขอย้ายไปปฏิบัติงานในพื้นที่อื่น หรือเกิดปัญหาบุคลากรรั่วไหล

นอกจากนี้ อาจจัดสรรทุนการศึกษาในสาขาทางการแพทย์และสาธารณสุขแก่นักเรียนในพื้นที่ เพื่อให้กลับมาเป็นทรัพยากรบุคคลประจำพื้นที่ รวมถึงการอบรมหลักสูตรการดูแลสาธารณสุขเบื้องต้นแก่คนในพื้นที่ เพื่อลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์

2) การสร้างกลไกความร่วมมือในการยกระดับสาธารณสุขชายแดน โดยปัจจุบันประเทศไทยมีแผนปฏิบัติการสาธารณสุขชายแดน พ.ศ. 2565 – 2570 เป็นแนวทางสำคัญในการยกระดับสาธารณสุขชายแดนและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีแนวทางที่สำคัญ คือ การยกระดับสาธารณสุขในพื้นที่และการสร้างความร่วมมือระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการฝึกอบรม ฯลฯ ซึ่งต้องมีการเร่งรัดการดำเนินการตามเป้าประสงค์ของแผนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอาศัยกลไกภาคีเครือข่ายทั้งภายในและต่างประเทศ อาทิ องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์กร NGOs สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เครือข่ายอาสาสมัคร และมูลนิธิต่างๆ ในพื้นที่ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับสาธารณสุขชายแดนทั้งฝั่งในไทย และประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้ระบบสาธารณสุขระดับปฐมภูมิแข็งแรงและสามารถพึ่งตัวเองได้

3) การเร่งรัดการพิสูจน์สิทธิในกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิให้ครบถ้วน

โดยกลุ่มที่สามารถใช้สิทธิ ท.99 มีอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่คณะรัฐมนตรีรับรองสถานะให้อาศัยอยู่ถาวรตามมติ ครม. ปี 2553 และกลุ่มที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ชั่วคราวเพื่อรอกระบวนการแก้ปัญหา หรือกลุ่มที่มีปัญหาการส่งกลับ ซึ่งบุตรหลานของทั้งสองกลุ่มจะได้รับสิทธิ ท.99 ไปด้วย

ทำให้ปัจจุบันผู้มีสิทธิ ท.99 มีจำนวนเพิ่มขึ้น และภาครัฐต้องใช้จ่ายงบประมาณเกินกว่าที่งบประมาณตั้งไว้ทุกปี

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนตกหล่นที่เป็นคนไทยแต่ไร้สิทธิ รวมทั้งคนต่างด้าวที่แอบอ้างสิทธิ

หากมีการพิสูจน์สิทธิให้ชัดเจน จะทำให้คนไทยได้รับสิทธิที่ควรได้

ทั้งนี้ การพิสูจน์สิทธิอาจใช้กลไกภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนช่วยในการประสานการดำเนินการ ดังเช่นในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ที่ สสส. ร่วมกับภาคประชาสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการในการพิสูจน์สิทธิกับคนในพื้นที่ ซึ่งสามารถลดระยะเวลาในการดำเนินการลงจาก 10 - 20 ปี เหลือเพียงไม่เกิน 12 เดือน

7. รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์คิดอ่านจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะกระทบกับการดูแลคนไทยเราเองในพื้นที่ชายแดนด้วย

และยังกระทบกับภาระงบประมาณสาธารณสุขและทรัพยากรในการดูแลสุขภาพส่วนรวมของไทยเรา

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:29 น. พูดไม่เข้าหู! 'ศรราม'จวกแรง! 'หจจ'บอกให้เดินระวังๆ ทหารเหยียบกับระเบิดที่ชายแดน
22:10 น. ทุบเปรี้ยง! เดือน พ.ย.‘อิ๊งค์’ลาออกนายกฯ ก่อน‘ยุบสภา’อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง
22:00 น. ‘หญิงพิการขา’สุดท้อลำบากอยู่แล้ว สามียังมาตกต้นไม้พิการอีกคน
21:48 น. ‘น่าน’เคาะงบกว่า 100 ล้าน ฟื้นฟู-เยียวยาผู้ประสบภัยพายุ‘วิภา’
21:38 น. ปล่อยผี!‘ภูมิธรรม’ออกประกาศ ยกเว้นข้อห้ามมิให้‘แรงงานกัมพูชา’เข้าไทย เป็นกรณีพิเศษ
ดูทั้งหมด
ทหารไทยเราเลิศ!! ผุดไอเดียป้อง'เขมร'เล่นไม่ซื่อย่องตัดลวดหนามอีก
'นิโคล เทริโอ'ปล่อยโฮหนัก! หลัง'น้องทิกเกอร์'ลูกชายสุดที่รักพรั่งพรูความในใจ
เศร้า!'สมหญิง'ดาวตลกขวัญใจชุมชนตัดสินใจจบชีวิตหลังเผชิญภาวะเครียดสะสม-ปัญหาหนี้สิน
คนไทยใน'สวีเดน'เอาด้วย!! ร่วมร้องเพลงชาติ-โบกธง ส่งกำลังใจทหาร-ชาวบ้านชายแดน (มีคลิป)
'ฮุน เซน'เกรี้ยวกราด! ซัดกลับคอมเมนต์ชาวเน็ต'Don’t Thai to me!' ปมม.รามถอนปริญญากิตติมศักดิ์
ดูทั้งหมด
‘พวกผมไม่ไหวแล้วนะเว้ยพี่’
Wonder Mom : ฮีโร่ที่ไม่ได้มีแค่ในหนัง แต่ยืนหยัดเคียงข้างลูกในทุกวัน
หมาจิ้งจอกคบกับหมาป่า (1)
ต้นสาย ปลายเหตุ ปัญหากัมพูชา-ไทย ลุงตู่อยู่ในส่วนแก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา
บุคคลแนวหน้า : 13 สิงหาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

พูดไม่เข้าหู! 'ศรราม'จวกแรง! 'หจจ'บอกให้เดินระวังๆ ทหารเหยียบกับระเบิดที่ชายแดน

ย้อนรอย 'คดีน้องชมพู่' สู่คำพิพากษา 'จำคุกลุงพล' 26 ปี

ทบ.ชี้แจง! เขมรลือข่าว'ไทยเตรียมโจมตี' เป็นข้อมูลเท็จ! ย้ำไม่มีคำสั่งอพยพ

‘จิรายุ’เผยเลื่อนนำ‘ผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน’ลงพื้นที่อุบลราชธานี เป็น 18-20 ส.ค.นี้

ไม่สำนึกบุญคุณ!‘สว.’บี้รัฐบาลตัดงบช่วยการศึกษา‘เด็กกัมพูชา’ มั่นใจไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน

ชายเมายาบุกบ้าน 'ครูไพบูลย์' หวังดีไม่เอาความ วอนญาติดูแลคนป่วย

  • Breaking News
  • พูดไม่เข้าหู! \'ศรราม\'จวกแรง! \'หจจ\'บอกให้เดินระวังๆ ทหารเหยียบกับระเบิดที่ชายแดน พูดไม่เข้าหู! 'ศรราม'จวกแรง! 'หจจ'บอกให้เดินระวังๆ ทหารเหยียบกับระเบิดที่ชายแดน
  • ทุบเปรี้ยง! เดือน พ.ย.‘อิ๊งค์’ลาออกนายกฯ ก่อน‘ยุบสภา’อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ทุบเปรี้ยง! เดือน พ.ย.‘อิ๊งค์’ลาออกนายกฯ ก่อน‘ยุบสภา’อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง
  • ‘หญิงพิการขา’สุดท้อลำบากอยู่แล้ว สามียังมาตกต้นไม้พิการอีกคน ‘หญิงพิการขา’สุดท้อลำบากอยู่แล้ว สามียังมาตกต้นไม้พิการอีกคน
  • ‘น่าน’เคาะงบกว่า 100 ล้าน ฟื้นฟู-เยียวยาผู้ประสบภัยพายุ‘วิภา’ ‘น่าน’เคาะงบกว่า 100 ล้าน ฟื้นฟู-เยียวยาผู้ประสบภัยพายุ‘วิภา’
  • ปล่อยผี!‘ภูมิธรรม’ออกประกาศ ยกเว้นข้อห้ามมิให้‘แรงงานกัมพูชา’เข้าไทย เป็นกรณีพิเศษ ปล่อยผี!‘ภูมิธรรม’ออกประกาศ ยกเว้นข้อห้ามมิให้‘แรงงานกัมพูชา’เข้าไทย เป็นกรณีพิเศษ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ต้นสาย ปลายเหตุ ปัญหากัมพูชา-ไทย  ลุงตู่อยู่ในส่วนแก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา

ต้นสาย ปลายเหตุ ปัญหากัมพูชา-ไทย ลุงตู่อยู่ในส่วนแก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา

13 ส.ค. 2568

ถ้าเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ  ไทยจะเข้มแข็งกว่านี้

ถ้าเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ ไทยจะเข้มแข็งกว่านี้

12 ส.ค. 2568

ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไม่ชิงลาออก  นับถอยหลัง ล้างบางพรรคเพื่อไทย

ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไม่ชิงลาออก นับถอยหลัง ล้างบางพรรคเพื่อไทย

11 ส.ค. 2568

กองทัพไทย รบชนะราบคาบ  คนไทยต้องการฝ่ายการเมืองที่ไว้ใจได้กว่านี้

กองทัพไทย รบชนะราบคาบ คนไทยต้องการฝ่ายการเมืองที่ไว้ใจได้กว่านี้

8 ส.ค. 2568

ฮุนเซนอยากได้อะไร แอบตกลงกับใคร?  ‘เคลื่อนแนวอธิปไตยทางบก เพื่อปรับแนวเส้นฐานทะเล’

ฮุนเซนอยากได้อะไร แอบตกลงกับใคร? ‘เคลื่อนแนวอธิปไตยทางบก เพื่อปรับแนวเส้นฐานทะเล’

7 ส.ค. 2568

แค้นอัลไพน์  ระบายที่เขากระโดง?

แค้นอัลไพน์ ระบายที่เขากระโดง?

6 ส.ค. 2568

ม.144 ยาแรง  กำจัดนักการเมืองเล่นแร่แปรธาตุงบประมาณ

ม.144 ยาแรง กำจัดนักการเมืองเล่นแร่แปรธาตุงบประมาณ

5 ส.ค. 2568

ชีวิตเลือดเนื้อ และความชอบธรรมของไทย  ต้องไม่สูญเปล่า

ชีวิตเลือดเนื้อ และความชอบธรรมของไทย ต้องไม่สูญเปล่า

4 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved