วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันอาทิตย์ ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2568, 18.18 น.
ของขวัญปีใหม่ไทย ต้องไม่ใช่บ่อนกาสิโน

ดูทั้งหมด

  •  

การศึกสงครามในสมัยโบราณนั้น เป็นการยกกองทัพซึ่งมีขนาดใหญ่ มีกำลังพลนับหมื่นนับแสนนายเข้าต่อสู้กัน ฝ่ายที่พ่ายแพ้ก็ต้องถอยทัพกลับไปพร้อมกับความสูญเสีย ซึ่งอาจจะมีทั้งชีวิตแม่ทัพนายกอง พลทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ด้วย

ประวัติศาสตร์ของชาติไทยเราในช่วงต้นของอาณาจักรรัตนโกสินทร์นั้น ไทยยังต้องสู้รบกับพม่าอยู่เป็นระยะ สงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดคือ สงคราม ๙ ทัพ ที่เกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในปีพุทธศักราช ๒๓๒๘


ในครั้งนั้นพระเจ้าปดุง พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์คองบองจากเมืองอังวะ ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินของอาณาจักรพม่าในช่วงเวลานั้น ได้ยกทัพใหญ่มีกำลังพล ประมาณ ๑๔๐,๐๐๐ คน เพื่อจะเข้ามาโจมตีกรุงเทพฯ หวังเอาชัยชนะให้ได้ด้วยการจัดทัพให้มุ่งเข้าสู่กรุงเทพฯ ในหลายทิศทาง โดยพระองค์เองเป็นแม่ทัพหลวงนำทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯทรงรับสั่งให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระอนุชาธิราช พร้อมทั้งพระยากลาโหมและพระยาจ่าแสนยากรยกทัพไปตั้งรับทัพหน้าของพม่า
ซึ่งนำมาโดยเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นที่ทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี เกิดการต่อสู้กันเป็นเวลาประมาณ ๒ เดือน ทัพของพม่าประสบปัญหาขาดแคลนเสบียง ทำให้ต้องปราชัยและถอยทัพไปในที่สุด ส่วนทัพอื่นๆ ของพม่านั้น ก็พ่ายแพ้แก่กองทัพจากกรุงเทพฯ และถอยทัพกลับไปทั้งหมด

พระเจ้าปดุงไม่ได้คิดจะยอมแพ้ ดังนั้นในปีถัดมาคือพ.ศ. ๒๓๒๙ จึงยกทัพเข้ามารุกรานอาณาจักรรัตนโกสินทร์อีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้ได้ยกทัพเข้ามาเพียงทิศทางเดียวโดยมีพระราชโองการให้พระโอรส คือ เจ้าชายอินแซะ มหาอุปราช ยกทัพจำนวน ๕๐,๐๐๐ คน มาตั้งที่เมืองเมาะตะมะแม่ทัพคนสำคัญก็ยังคงเป็นเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่น ซึ่งเคยพ่ายแพ้ในการรบที่ทุ่งลาดหญ้าเมื่อปีก่อนหน้านั้น มีกำลัง ๓๐,๐๐๐ คน เข้ามาตั้งทัพอยู่ที่ท่าดินแดงและสามประสบ จังหวัดกาญจนบุรี โดยในครั้งนี้ฝ่ายพม่าได้ตั้งยุ้งฉางสำหรับการเก็บเตรียมเสบียงอย่างมากมาย ตลอดทางเดินทัพเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเสบียงซึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อน นอกจากนี้ยังได้มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำในทุกจุดที่จะต้องข้าม โดยหมายว่าจะตั้งทัพอยู่เป็นแรมปีก็ต้องกระทำ ส่วนพระมหาอุปราชเจ้าชายอินแซะยกทัพที่เหลือจำนวน ๒๐,๐๐๐ คนมาตั้งที่แม่น้ำแม่กษัตริย์

เมื่อกองตระเวนของฝ่ายไทยลาดตระเวนไปที่เมืองไทรโยค เมืองศรีสวัสดิ์และเมืองกาญจนบุรี ก็พบกับทัพพม่าที่ตั้งอยู่ที่ท่าดินแดงและสามประสบ จึงได้รายงานเข้าไปยังกรุงเทพฯ ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯจึงทรงโปรดให้จัดเตรียมทัพดังนี้

สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรสถานมงคล พร้อมพระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากรและเจ้าพระยารัตนาพิพิธสมุหนายก ยกทัพหน้าจำนวน ๓๐,๐๐๐ คนล่วงหน้าไปยังกาญจนบุรีก่อน

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯเสด็จยกทัพหลวงจำนวน ๓๐,๐๐๐ คนพร้อมทั้งกรมพระราชวังบวรสถานพิมุขติดตามทัพหน้า
ออกไป โดยให้พระยาพลเทพเป็นผู้รักษาพระนคร

ทัพของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทที่ยกออกจากกรุงเทพฯทางชลมารคไปยังเมืองไทรโยค เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2330 และเมื่อไปถึงแล้ว กรมพระราชวังบวร ได้มีบัญชาให้พระยากลาโหมราชเสนาและคณะยกทัพจำนวน ๒๐,๐๐๐ คน ล่วงหน้าไปพบกับทัพพม่าที่สามประสบ เพื่อโจมตีทัพพม่าให้แตกพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังอยู่ที่ชายแดน ไม่ให้ทัพพม่าเข้ามายังเขตแดนไทยดังคราวก่อน และให้ตั้งค่ายอยู่ที่นั่น ส่วนทัพของพระราชวังบวรตั้งอยู่ห่างจากทัพหน้าลงมาเป็นระยะทาง ๒๐ เส้น

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ เสด็จยกทัพหลวงทางชลมารคเช่นกัน ถึงเมืองไทรโยคแล้วยกขึ้นเป็นทัพบกไปตั้งห่างจากทัพของกรมพระราชวังบวรลงมา ๗๐ เส้น จากนั้นมีพระราชโองการให้แม่ทัพนายกอง แยกออกไปตั้งทัพประชิดกับทัพพม่าที่ท่าดินแดง

ในวันพุธที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๓๐ ทัพของฝ่ายไทยเข้าโจมตีทัพฝ่ายพม่าพร้อมกันทั้งที่ท่าดินแดงและสามประสบ การสู้รบกินเวลาทั้งกลางวันและกลางคืนมีการยิงปืนใหญ่ใส่กันและกัน ใช้เวลาประมาณ ๓ วัน จนกระทั่งถึงวันศุกร์ ทัพของพม่าก็แตกพ่ายถอยร่นไป

ฝ่ายเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชเมื่อทรงทราบว่าทัพหน้าของตนพ่ายแพ้ถอยมาแล้ว จึงมีพระบัญชาให้ถอยทัพกลับไปยังเมืองเมาะตะมะเช่นเดิม โดยฝ่ายไทยยกติดตามไปสังหารทหารพม่าจำนวนมากและติดตามไปจนถึงแม่น้ำแม่กษัตริย์ ซึ่งทัพของเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชตั้งอยู่ ได้เผาทำลายยุ้งฉางที่เก็บเสบียงของพม่าจนหมดสิ้น เป็นอันว่าทัพไทยได้รับชัยชนะแล้วจึงยกทัพกลับพระนคร

สงครามท่าดินแดงจึงถูกบันทึกไว้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของศึกสงครามครั้งสำคัญในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ใช้เวลาเพียงไม่ถึง ๑ เดือนก็สามารถเอาชนะทัพพม่าได้ แม้ว่าฝ่ายพม่าจะพยายามแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนเสบียง ดังที่เคยเกิดขึ้นในสงคราม ๙ ทัพครั้งก่อนหน้าแล้วก็ตาม

สงคราม ๙ ทัพและสงครามท่าดินแดงที่เกิดขึ้นในช่วงต้นอาณาจักรรัตนโกสินทร์ จึงน่าจะเป็นเครื่องเตือนใจให้รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยได้สำนึกเรื่องของการถอยไว้บ้าง การจะดำเนินการอะไรก็ตามที่ไม่น่าจะถูกต้อง และฝ่ายประชาชนมีความเห็นขัดแย้ง ก็ต้องฟังเสียงซึ่งกันและกัน และเลิกกระทำการสิ่งนั้นเสีย

รัฐบาลได้มุ่งมั่นพยายามในการที่จะออกพระราชบัญญัติการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งถึงแม้ว่าจะได้เคยกล่าวไว้ในตอนหาเสียงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยได้แถลงไว้ว่าในสถานดังกล่าวจะมีกาสิโนเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ด้วย

ความพยายามที่จะให้กฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นโดยผนวกเรื่องกาสิโนเข้าไปด้วย จึงแสดงให้เห็นว่ามีกระบวนความคิดที่แอบแฝงในเรื่องดังกล่าวไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งหากนำเสนอตั้งแต่ตอนหาเสียงอาจจะถูกต่อต้านจากประชาชนที่ไม่เห็นด้วย

จนกระทั่งได้บริหารราชการแผ่นดินมาระยะหนึ่งจึงนำเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา โดยกล่าวอ้างว่ากาสิโนที่จะแฝงอยู่ในสถานบันเทิงครบวงจรนั้นจะเป็นส่วนที่สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวน
มหาศาล ซึ่งไม่มีทฤษฎีใดเลยที่เคยยืนยันว่ากาสิโนเป็นตัวสร้างรายได้สำคัญให้กับประเทศ ไม่ว่าจะกาสิโนในประเทศสิงคโปร์เพื่อนบ้านใกล้เคียงกาสิโนที่เกาะมาเก๊า หรือกาสิโนในลาสเวกัส ก็ไม่ได้เป็นตัวสร้างรายได้ให้ประเทศ จนจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น

การที่รัฐบาลพยายามที่จะไม่พูดเรื่องผลกระทบทางสังคมจากการเปิดกาสิโน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างที่สุด เพราะทุกฝ่ายต่างก็ทราบดีว่ากาสิโนนั้น ถึงจะมีกฎระเบียบอย่างไร ในที่สุดก็ไม่พ้นจากการเป็นสถานที่ฟอกเงินสีเทาทั้งหลาย รวมทั้งจะก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ตีชิงวิ่งราวปล้นฆ่า การล่มสลายของครอบครัว ปัญหาโสเภณี และปัญหายาเสพติดมากขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งไม่คุ้มเลยกับการที่จะมีรายได้จากกาสิโน ซึ่งในที่สุดก็คือการเปลี่ยนเงินจากผู้ที่ไปเล่น ซึ่งจะรวมทั้งคนไทยจำนวนไม่น้อยด้วย เข้าไปอยู่ในกระเป๋าของคนอีกกลุ่มเท่านั้น ซึ่งจะไม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติให้ดีขึ้นแต่อย่างใด

ขณะที่ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลก และก็สร้างรายได้ให้อย่างมหาศาลอยู่แล้ว เพียงแต่ปัญหาการเมืองระดับโลกและภายในประเทศทำให้ขณะนี้การท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัวลง ในอดีตนั้นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองไทย ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเข้าบ่อนกาสิโนเพื่อเพิ่มความบันเทิงให้ตัวเอง สิ่งที่เขาทั้งหลายอยากมาก็เพราะภูมิประเทศอันสวยงาม โบราณสถานต่างๆ อาหารไทยที่มีรสชาติเป็นเลิศ วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม และรอยยิ้มของคนไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็น Soft Power ที่สำคัญ และเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะถูกนำเอาไปเกลือกกลั้วกับกาสิโนหรือบ่อนการพนัน ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำครำเป็นอันขาด

รัฐบาลต้องไม่ควรแค่ถอย หรือเลื่อนการพิจารณากฎหมายดังกล่าว แต่จะต้องยกเลิกไม่นำเสนอกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรบวกกาสิโนอีกต่อไป อย่าได้ทำอะไรที่ฝืนกับความรู้สึกของประชาชนคนไทยหลายหมู่เหล่าซึ่งเป็นเจ้าของประเทศโดยแท้จริง ไม่ใช่นักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศเพียงชั่วครั้งชั่วคราว และก็จากไปโดยทิ้งความเสียหายไว้ให้กับบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นผลของการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของบ้านเมืองจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำโดยตลอดเป็นอันขาด

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
06:00 น. จักรวาลรักเปิดแล้ว ! ‘4 ELEMENTS บ้านวาทินวณิช’ ประเดิมต้นปี 2569 ด้วย ‘วิวาห์ปฐพี’
06:00 น. เมื่อรักไม่เหมือนเดิม ‘ขิม ภิชชาพร’ เล่าอารมณ์ผ่านเพลงใหม่สุดกินใจ ‘ถามหัวใจอ้ายเบิ่ง’
06:00 น. พิธาในดวงใจของดร.เอ้ คำตอบเท่ๆ ของคนอยากเป็นนายกรัฐมนตรี
06:00 น. เตือน 7 จังหวัดใต้ ระวังฝนตกหนัก 8 จว.ฝุ่นพิษเกินค่า ปีใหม่แนวโน้มพุ่ง
06:00 น. ไวรัลไม่ไหว! ‘ออยเลอร์’ขอบคุณแฟนๆ หลัง เพลง ‘ที่รัก...ที่ลับ’ ทะลุ 1 ล้านวิว
ดูทั้งหมด
'สมเด็จพระราชินี'ทรงทำการฝึกบิน เส้นทางดอนเมือง-แม่ฮ่องสอน ด้วยเครื่องบินพระที่นั่ง
เปิดคลิปนาที สมเด็จพระราชินี ทรงฝึกบินด้วยเครื่องบินพระที่นั่ง เส้นทางดอนเมือง-แม่ฮ่องสอน
น่ารักราวกับตุ๊กตา! ลิซ่า ปล่อยภาพใหม่รับเทศกาลคริสต์มาส
ศาลสั่งระงับจดทะเบียนตั้ง 9 กรรมการใหม่การบินไทย
ทหารไทย ทำลาย บันไดไม้ 1,181 ขั้น ของเขมร บน ปราสาทคนา
ดูทั้งหมด
พรรคสีส้มผสมพรรคสีแดงอมเทา
การคว่ำบาตร : เคราะห์กรรมตกอยู่กับใคร
ขีดเส้นแดง
PSMD เปิดรับปริญญาโท เร่งผลิต ‘นักฟิสิกส์การแพทย์’ เพื่อประโยชน์สูงสุดกับผู้ป่วย
กระสุนแน่นเงินเทาหนาถึงเวลาถล่มศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วันวิชิต กางแผนลับ ทำไมไทยต้องไปเจรจาที่จันทบุรี?

แห่ส่งกำลังใจ มัม ลาโคนิคส์ พบเส้นเลือดหัวใจตีบ เตรียมรักษาไวรัสตับอักเสบซี ก่อนปลูกถ่ายไต

(คลิป) ถึงเวลายิงโชว์ให้เด็กมันดู เก่าแต่เก่งโว้ย! กองทัพบก งัด! ปู่M41 สู้ศึกเขมร!

ทบ.แจงปม อดีตบิ๊กทหาร-ร้อยเอก คุกคามทางเพศ ทหารหญิง

เพจดัง เปิด กฎ 72 ชั่วโมง หลังการประชุม GBC จบลง คืนที่อันตรายที่สุด

เต้ย จรินทร์พร เปิดตัวหวานใจ บินลัดฟ้า 13 ชั่วโมงร่วมฉลองคริสต์มาสที่บ้านแฟน

  • Breaking News
  • จักรวาลรักเปิดแล้ว ! ‘4 ELEMENTS บ้านวาทินวณิช’ ประเดิมต้นปี 2569 ด้วย ‘วิวาห์ปฐพี’ จักรวาลรักเปิดแล้ว ! ‘4 ELEMENTS บ้านวาทินวณิช’ ประเดิมต้นปี 2569 ด้วย ‘วิวาห์ปฐพี’
  • เมื่อรักไม่เหมือนเดิม ‘ขิม ภิชชาพร’ เล่าอารมณ์ผ่านเพลงใหม่สุดกินใจ ‘ถามหัวใจอ้ายเบิ่ง’ เมื่อรักไม่เหมือนเดิม ‘ขิม ภิชชาพร’ เล่าอารมณ์ผ่านเพลงใหม่สุดกินใจ ‘ถามหัวใจอ้ายเบิ่ง’
  • พิธาในดวงใจของดร.เอ้ คำตอบเท่ๆ ของคนอยากเป็นนายกรัฐมนตรี พิธาในดวงใจของดร.เอ้ คำตอบเท่ๆ ของคนอยากเป็นนายกรัฐมนตรี
  • เตือน 7 จังหวัดใต้ ระวังฝนตกหนัก 8 จว.ฝุ่นพิษเกินค่า ปีใหม่แนวโน้มพุ่ง เตือน 7 จังหวัดใต้ ระวังฝนตกหนัก 8 จว.ฝุ่นพิษเกินค่า ปีใหม่แนวโน้มพุ่ง
  • ไวรัลไม่ไหว! ‘ออยเลอร์’ขอบคุณแฟนๆ หลัง เพลง ‘ที่รัก...ที่ลับ’ ทะลุ 1 ล้านวิว ไวรัลไม่ไหว! ‘ออยเลอร์’ขอบคุณแฟนๆ หลัง เพลง ‘ที่รัก...ที่ลับ’ ทะลุ 1 ล้านวิว
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทัพเรือไทย ร่วมปกป้องรักษาแผ่นดิน

ทัพเรือไทย ร่วมปกป้องรักษาแผ่นดิน

22 ธ.ค. 2568

ขณะที่มีศึกนอก อย่าให้ศึกในทำร้ายประเทศ

ขณะที่มีศึกนอก อย่าให้ศึกในทำร้ายประเทศ

15 ธ.ค. 2568

เงินดิจิทัล หายนะทางสังคม

เงินดิจิทัล หายนะทางสังคม

8 ธ.ค. 2568

คุณและโทษของน้ำ มนุษย์จะจัดการอย่างไร

คุณและโทษของน้ำ มนุษย์จะจัดการอย่างไร

1 ธ.ค. 2568

ความสัมพันธ์ไทย-จีน‘เราเป็นครอบครัวเดียวกัน’

ความสัมพันธ์ไทย-จีน‘เราเป็นครอบครัวเดียวกัน’

24 พ.ย. 2568

เขมร ยังจะต้องไว้ใจกันอีกหรือ

เขมร ยังจะต้องไว้ใจกันอีกหรือ

17 พ.ย. 2568

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

10 พ.ย. 2568

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

3 พ.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved