วันอังคาร ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ปรีชา'ทัศน์
ปรีชา'ทัศน์

ปรีชา'ทัศน์

วันศุกร์ ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (1)

ดูทั้งหมด

  •  

ประเทศไทยก็เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่มีการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้เงินทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อนำมาใช้จ่ายในการลงทุน การพัฒนาเศรษฐกิจ ตลอดจนเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ อันเนื่องจากการเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ หรือในกรณีจำเป็นเร่งด่วนอื่นๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก เพราะเฉพาะแต่เพียงเงินที่ได้จากการจัดเก็บภาษีอากรซึ่งเป็นรายได้หลักเพียงอย่างเดียวนั้น ย่อมไม่อาจสนองตอบความต้องการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลได้

ดังเช่น กรณีรัฐบาลชุดปัจจุบันมีแผนที่จะออกกฎหมายกู้เงินให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อรับมือผลกระทบจากสงครามการค้า ในวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตมาตรการภาษีตอบโต้ของทรัมป์ โดยหากรัฐบาลเลือกที่จะกู้เงิน ๕ แสนล้านบาท ก็จะทำให้หนี้สาธารณะของไทยเพิ่มขึ้นอีกประมาณ ๓% กลายเป็น ๖๗.๒๑ ของจีดีพี แต่ก็ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ต้องไม่เกิน ๗๐% ของจีดีพี


ปัจจุบัน หนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ประมาณ ๑๒ ล้านล้านบาท หรือ ๖๔.๒๑ ของจีดีพี

การกู้เงินเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาประเทศ หรือในกรณีเพื่อใช้จ่ายตามความจำเป็นเร่งด่วน ได้เริ่มมีขึ้นตั้งแต่สมัยการปกครองในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันเป็นยุคแห่งการปฏิรูปการคลังเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งอาจจำแนกเป็น ๒ ยุคสมัย คือ

1.การก่อหนี้สาธารณะในสมัยระบอบการปกครองสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ (ดู ธิติ สุวรรณทัต “การก่อหนี้สาธารณะครั้งแรกของไทย”
แนวหน้า ฉบับวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567)

2.การก่อหนี้สาธารณะภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งจำแนกได้เป็นสองช่วง คือ ช่วงแรกเป็นการก่อหนี้สาธารณะช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๔๐ และช่วงที่สองเป็นการก่อหนี้สาธารณะช่วงภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๔๐

ช่วงแรก ความจำเป็นในการก่อหนี้สาธารณะในช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ ปี ๒๕๔๐ แบ่งเป็น

(๑) การก่อหนี้ภายในประเทศ

๑.๑ เพื่อใช้จ่ายและแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินในสภาวะที่ประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ

การกู้เงินภายในประเทศไทยครั้งแรก เป็นการกู้เงินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ โดยรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติเงินกู้ในประเทศ พ.ศ. ๒๔๗๖ สาเหตุที่รัฐบาลกู้เงิน เนื่องจากในขณะนั้นเศรษฐกิจตกต่ำ การจัดเก็บภาษีกระทำได้ยากลำบาก และถ้าหากจะเพิ่มภาษีก็จะเป็นภาระแก่ประชาชนจึงมีความจำเป็นต้องกู้เงิน รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาเรื่องการจัดการกู้เงินภายในประเทศ โดยออกเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไปวงเงินกู้จำนวน ๑๐ ล้านบาท
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๕๐ ต่อปี กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนพันธบัตร ๑๐ ปี กำหนดชำระดอกเบี้ยโดยแบ่งจ่ายปีละ ๒ ครั้งคือ ทุกวันที่ ๑๕ กันยายน และ๑๕ มีนาคม ของทุกปี การกู้เงินครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในกิจการลงทุนอันมีลักษณะเพิ่มพูนโภคทรัพย์ของประเทศ

พันธบัตรชุดนี้จัดจำหน่ายให้แก่ผู้ถือโดยมีราคาตั้งแต่ ๑๐๐, ๑,๐๐๐, ๕,๐๐๐ และ ๑๐,๐๐๐ บาท โดยเริ่มเปิดจอง เมื่อวันที่ ๑๕-๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๖ ปรากฏว่ามีผู้ยื่นจองครบจำนวนภายในกำหนดเวลา

การกู้เงินดังกล่าวจึงเป็นการกู้เงินในประเทศครั้งแรกของประเทศไทย นอกจากนี้ ตามมาตรา ๖ ของพระราชบัญญัติเงินกู้ในประเทศ พ.ศ.๒๔๗๖ กำหนดให้มีการตั้งงบประมาณชดใช้เป็นรายปี รัฐบาลจึงได้ตั้งงบประมาณไว้ในปี พ.ศ.๒๔๗๘ และในปีต่อไปก็ได้ตั้งเงินงบประมาณเพื่อชำระคืนเป็นประจำทุกๆ ปี สมทบกองทุนชำระหนี้ (Sinking Fund) และได้ชำระเสร็จสิ้น เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๖

ภายหลังจากการกู้เงินครั้งแรก รัฐบาลก็ไม่ได้มีการกู้เงินอีก จนกระทั่งปี ๒๔๘๓ รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มีการตรากฎหมายเกี่ยวกับการกู้เงิน จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่

- พระราชบัญญัติเงินกู้สหกรณ์ พ.ศ. ๒๔๘๓ วงเงินที่รัฐบาลกู้เป็นจำนวน ๒๐ ล้านบาท เพื่อนำไปเป็นทุนให้สหกรณ์ต่างๆ นำไปให้เกษตรกรกู้ เพื่อปลดหนี้สินและเพื่อการลงทุน

- พระราชบัญญัติเงินกู้เทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๓ วงเงินที่รัฐบาลกู้เป็นจำนวน ๒๐ ล้านบาท เพื่อให้เทศบาลต่างๆ กู้ต่อเพื่อไปใช้จ่ายในการจัดการสาธารณูปโภค

- พระราชบัญญัติเงินกู้เพื่ออุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๔๘๓ วงเงินที่รัฐบาลกู้เป็นจำนวน ๒๐ ล้านบาทเพื่อให้องค์กรการสาธารณะหรือผู้ประกอบอุตสาหกรรมกู้ต่อ

- พระราชบัญญัติเงินกู้ช่วยชาติ พ.ศ. ๒๔๘๓ วงเงินที่รัฐบาลกู้จำนวน ๑๐ ล้านบาท เพื่อเป็นการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายพิเศษ อันเป็นผลจากสงครามอินโดจีน

ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลได้มีการกู้เงินอีก ๒ ครั้ง ในปี ๒๔๘๕ โดยตราเป็นพระราชบัญญัติเงินกู้เพื่ออุตสาหกรรม (ครั้งที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๘๕ และ พระราชบัญญัติกู้เงินในประเทศ พ.ศ. ๒๔๘๕ หรือที่เรียกกันว่า “กู้เงินทองคำ” ทั้งนี้ เพราะตามกฎหมายได้กำหนดให้ผู้ถือพันธบัตรเลือกรับชำระการไถ่ถอนต้นเงินกู้เป็นทองคำแทนเงินตราตามราคาที่กำหนดไว้ โดยกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติกู้เงินดังกล่าว กำหนดให้เรียกพันธบัตรที่กู้เงินในครั้งนี้ว่า “พันธบัตรทองคำ”

โดยในตอนนั้น หรือแปดสิบสามปีที่แล้ว อัตราทองคำบริสุทธิ์น้ำหนัก ๑ บาท ราคา ๘๖ บาท (ปัจจุบันราคาทองคำ ๑ บาทวิ่งอยู่ที่ระหว่างราคา ๕๒,๐๐๐ ถึง ๕๔,๐๐๐ บาท)

ภายหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลประสบปัญหาเงินเฟ้ออย่างหนัก เพราะการออกธนบัตรด้วยพันธบัตรคลังเป็นจำนวนมาก รัฐบาลจึงได้มีการตรา พระราชกำหนดพันธบัตรออมทรัพย์ในภาวะคับขัน พ.ศ. ๒๔๘๘ ซึ่งเป็นการบังคับกู้แก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อ โดยการบังคับประชาชนผู้ถือพันธบัตรราคา ๑,๐๐๐ บาท ให้นำมาแลกคืน โดยมีดอกเบี้ยร้อยละ ๑ ซึ่งรัฐบาลสามารถกู้ได้เป็นจำนวน ๒๔๙,๔๕๕,๐๐๐ บาท

ต่อมา..การกู้เงินภายในประเทศของรัฐบาลมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยรัฐบาลได้ออกตราสารหนี้ระยะสั้นในการระดมทุนที่เรียกว่า “ตั๋วเงินคลัง” (Treasury Bills) มีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน โดยอาศัยอำนาจตามความใน พระราชบัญญัติตั๋วเงินคลัง พ.ศ. ๒๔๘๗ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการประมูลตั๋วเงินคลังครั้งแรกด้วยวงเงินกู้ ๕๐ ล้านบาท กำหนดอายุ ๔ เดือน ซึ่งต่อมารัฐบาลได้กู้เงินโดยใช้วิธีการออกตั๋วเงินคลังตลอด จนปริมาณเงินกู้เริ่มเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของตั๋วเงินคลังจะต่ำกว่าพันธบัตรอันเป็นการประหยัดภาระการชำระดอกเบี้ยของรัฐบาล โดยในระยะแรกๆ มีธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ และคลังออมสิน (ในขณะนั้นยังไม่เป็นธนาคาร) เป็นผู้ประมูล และธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ถือตั๋วเงินคลังส่วนใหญ่

ดร.ธิติ สุวรรณทัต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
20:32 น. ‘ไปรษณีย์ญี่ปุ่น’ถูกเพิกถอนใบอนุญาตใช้รถ หลังขาดมาตรการเหมาะสมตรวจเมาโชเฟอร์
20:17 น. (คลิป) เจ็บปวดรวดร้าว ศัตรูไม่ได้อยู่ชายแดน แต่อยู่ในรัฐภา
20:02 น. 'กองทัพไทย'แชร์ข่าว'กัมพูชา' ถูกจับตา เป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก
19:16 น. ต้องยึด‘มหาดไทย’คืน ‘สส.อีสาน’พรวดกลางวงประชุม‘พท.’
19:12 น. คะแนนท่วมท้น! 'อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ'นั่ง'เลขาฯสถาบันพระปกเกล้า'คนใหม่
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2568
เปิดภาพ'ทหารเขมร'! แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ลั่นพร้อมรับคำสั่ง'ฮุน มาเนต'
'สุขุม' อ่าน 'มหิดลโพล' เตือนระวัง 'ทักษิณ' ซัดกลับ เหตุผลลัพธ์ไม่ถูกใจ
ชายแดนจันท์หวิดเกิดจลาจล! 'ชาวกัมพูชา'ประท้วงหลังด่านบ้านแหลมปิดตามเวลาใหม่รถติดค้างอื้อ
ไม่ทน! 'รพ.พระนั่งเกล้า'ลั่นลุยดำเนินคดีแน่ หลังพยาบาลโดนทำร้าย ขณะปฏิบัติงาน
ดูทั้งหมด
เมืองประหลาดในอเมริกา
รวมรสไม่สำราญ
สองพ่อมด (1)
เขมรทุรยศ ไม่ประหลาด แต่ถ้าไทยทรยศชาติ ขอให้ฉิบหาย
บุคคลแนวหน้า : 17 มิถุนายน 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘ไปรษณีย์ญี่ปุ่น’ถูกเพิกถอนใบอนุญาตใช้รถ หลังขาดมาตรการเหมาะสมตรวจเมาโชเฟอร์

ต้องยึด‘มหาดไทย’คืน ‘สส.อีสาน’พรวดกลางวงประชุม‘พท.’

(คลิป) ไร้เงา'อนุทิน'ยืนประกบแถลง!! ‘อิ๊งค์’เหน็บ'หนู'เมื่อวานไม่เห็นพูดแบบนี้

เดือดพลั่ก! ‘สส.กรวีร์’ฝากไว้ให้คิด ว่าด้วยเรื่อง‘ราชสีห์กับหนู’

‘ฮุนเซน’ช่วยจ่ายมั้ย ‘กัมพูชา’ค้างค่ารักษา‘รพ.ไทย’กว่า 277 ล้าน

‘ยาบ้า’ปัญหาหลักของไทย ‘ป.ป.ส.’เปิดปฏิบัติการไล่จับกุม-ยึดทรัพย์แม้หนีไปต่างแดน

  • Breaking News
  • ‘ไปรษณีย์ญี่ปุ่น’ถูกเพิกถอนใบอนุญาตใช้รถ หลังขาดมาตรการเหมาะสมตรวจเมาโชเฟอร์ ‘ไปรษณีย์ญี่ปุ่น’ถูกเพิกถอนใบอนุญาตใช้รถ หลังขาดมาตรการเหมาะสมตรวจเมาโชเฟอร์
  • (คลิป) เจ็บปวดรวดร้าว ศัตรูไม่ได้อยู่ชายแดน แต่อยู่ในรัฐภา (คลิป) เจ็บปวดรวดร้าว ศัตรูไม่ได้อยู่ชายแดน แต่อยู่ในรัฐภา
  • \'กองทัพไทย\'แชร์ข่าว\'กัมพูชา\' ถูกจับตา เป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก 'กองทัพไทย'แชร์ข่าว'กัมพูชา' ถูกจับตา เป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก
  • ต้องยึด‘มหาดไทย’คืน ‘สส.อีสาน’พรวดกลางวงประชุม‘พท.’ ต้องยึด‘มหาดไทย’คืน ‘สส.อีสาน’พรวดกลางวงประชุม‘พท.’
  • คะแนนท่วมท้น! \'อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ\'นั่ง\'เลขาฯสถาบันพระปกเกล้า\'คนใหม่ คะแนนท่วมท้น! 'อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ'นั่ง'เลขาฯสถาบันพระปกเกล้า'คนใหม่
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลกลางกับการอุดมศึกษาสหรัฐ

รัฐบาลกลางกับการอุดมศึกษาสหรัฐ

13 มิ.ย. 2568

สแตนลีย์ ฟิชเชอร์ กับเมืองไทย

สแตนลีย์ ฟิชเชอร์ กับเมืองไทย

6 มิ.ย. 2568

นักกฎหมายไม่มีคุณธรรม...เลวยิ่งกว่ามหาโจร

นักกฎหมายไม่มีคุณธรรม...เลวยิ่งกว่ามหาโจร

30 พ.ค. 2568

การยกเลิกเหตุปัจจัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๓  ที่ให้พระภิกษุมีทรัพย์สินได้เพื่อให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่ได้สวดปาติโมกข์

การยกเลิกเหตุปัจจัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๓ ที่ให้พระภิกษุมีทรัพย์สินได้เพื่อให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่ได้สวดปาติโมกข์

23 พ.ค. 2568

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (จบ)

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (จบ)

16 พ.ค. 2568

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (2)

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (2)

9 พ.ค. 2568

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (1)

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (1)

2 พ.ค. 2568

ความคิดในการใช้กฎหมาย

ความคิดในการใช้กฎหมาย

25 เม.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved