ประเด็นร้อนในโลกโซเชียลต้อนรับปีใหม่ เมื่อมีประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการป้องกันกรณีใช้ทรัพย์สินของทางราชการ โดยมีข้อห้ามทั้งหมด 6 ข้อ
ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องสำนักงาน ส่วนตัว,ห้ามชาร์จไฟโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนตัวในสถานที่ราชการ, ห้ามนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ราชการไปใช้ส่วนตัว, ห้ามมิให้สั่งพนักงานขับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ราชการไปใช้ส่วนตัว, ห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวและครอบครัวมาจอดในสถานที่ราชการ, ห้ามนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ส่วนตัวมาล้างในสถานที่ราชการ
แต่ที่เป็นประเด็นคือ ห้ามเจ้าหน้าที่นำโทรศัพท์มือถือส่วนตัวมาชาร์ตไฟหรือแบตเตอรี่ เพราะแพทย์ บุคลากรด้านสาธารณสุข รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต่างๆ ล้วนใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนส่วนตัว ติดต่อประสานงานด้านการแพทย์ ส่งรูป ข้อมูล เปิดแอพพลิเคชั่นเช็คข้อมูลยา ใช้โทรศัพท์บันทึกข้อมูลคนไข้ผ่าน hosXP hosOS (รายงานผลแล็บอัตโนมัติ) ใช้ส่งไลน์ปรึกษาเคสกับคณะทำงาน หรือส่งภาพ x-ray ให้อาจารย์แพทย์ดูเพื่อขอคำปรึกษา และกรณีอื่นๆที่จำเป็น เพื่อใช้รักษาพยาบาลและสั่งงาน
เมื่อใช้งานไปกำลังไฟย่อมอ่อนและหมด จึงต้องชาร์จไฟ เพื่อทำงานต่อ ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์แก่ทางราชการในที่ราชการ ซึ่งขัดต่อความรู้สึกและความจำเป็นในการทำงานของเจ้าหน้าที่และข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างมาก ทั้งที่เป็นเรื่องเพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่ทางราชการควรอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ทำงานให้รัฐ
เจตนารมณ์ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ออกประกาศฉบับนี้ เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาแก่ประชาชน
แต่ในความเป็นจริง เจ้าหน้าที่ที่ทำงานราชการ อย่างน้อยต้องเคยนำทรัพย์สินส่วนตัวไปใช้เพื่อประโยชน์ในงานราชการบ้าง ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัวที่ต้องขับไปใช้ในงานราชการปกติ โทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อสื่อสารประสานงานราชการ ซึ่งเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเองในแต่ละเดือน หรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ค ที่บางคนใช้ของตัวเอง ไม่ได้ใช้ของราชการแต่อย่างใด แต่ไม่มีใครออกมาเรียกร้องค่าสึกหรอ และค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากทางราชการ อาจเป็นเพราะทางราชการเองมีสวัสดิการหรือสามารถเบิกจ่ายในกรณีอื่นได้
สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในลักษณะเบิกจ่ายจริงที่ทางราชการมีให้ เช่น ค่าเช่าที่พักในกรณีออกต่างจังหวัด ถ้าเป็นข้าราชการตำแหน่งประเภททั่วไประดับอาวุโสลงมา เบิกค่าห้องพักคนเดียวได้ 1,500 บาทต่อวันต่อคน หรือพักคู่ 850 บาทต่อวันต่อคน, ค่าเบี้ยเลี้ยง ถ้าเป็นข้าราชการตำแหน่งประเภททั่วไประดับอาวุโสลงมาเบิกได้ 240 บาทต่อวันต่อคน ซึ่งถ้าเป็นตำแหน่งที่สูงขึ้นไปก็จะเบิกได้มากกว่านี้ เช่น ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จะเบิกค่าที่พักได้ 2,500 บาทต่อวันต่อคน วัตถุประสงค์ก็เป็นไปเพื่อให้ความสะดวกและลดภาระให้กับคนทำงานหากต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง
มาตรการป้องกันกรณีใช้ทรัพย์สินทางราชการของกระทรวงสาธารณสุข เป็นเรื่องดีที่ออกมาใช้บังคับ แต่นับว่าล้ำหน้าและเร็วเกินไป เจตนารมณ์คงเพื่อให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ....ที่จะออกมาบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้
ได้มีผู้คำนวณว่า หากชาร์จไฟโทรศัพท์มือถือพร้อมกัน 100 เครื่อง จนไฟเต็ม จะเสียค่าไฟฟ้าประมาณ 8 บาท เท่านั้น หากเปรียบเทียบกับประโยชน์ของทางราชการ และส่วนราชการที่จะได้รับจากการติดต่อประสานงานกันทางโทรศัพท์มือถือ ทั้งทางเสียงและข้อมูลถือว่า คุ้มค่า
ศาลฎีกามีคำพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับข้าราชการคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนายแพทย์ได้นำของหลวงที่เป็นรถยนต์และวัสดุครุภัณฑ์ของทางราชการ เช่น กล้องถ่ายรูป โต๊ะ เก้าอี้ เครื่องเสียงและทรัพย์สินอื่นๆ ไปใช้ในงานสมรสของบุตรสาว ที่บ้านพักส่วนตัวและที่โรงแรมประมาณ 3 วัน ถูกดำเนินคดีข้อหาฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหาย แก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจากให้การรับสารภาพ และบรรเทาความเสียหายแก่ทางราชการ
ประกาศของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าว น่าจะมีที่มาจากเจ้าหน้าที่ได้ร่างขึ้นและเสนอให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ลงนาม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในระยะเวลาที่กระชั้นชิดในช่วงก่อนสิ้นปี ในวันที่ 29 ธันวาคม 2560 นัยว่า เพื่อแสดงให้เห็นว่า กระทรวงสาธารณสุขมีวิสัยทัศน์ล้ำหน้า จึงทำให้ไม่มีเวลาพิจารณาเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่า เป็นความกล้าหาญของปลัดสาธารณสุขที่ได้ยกเลิกประกาศดังกล่าว เมื่อได้รับฟังความคิดเห็นจากคนที่ปฏิบัติงานจริงๆ
แม้ประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ....ที่กำลังพิจารณากันอยู่จะมีเจตนารมณ์ดี แต่ต้องพิจารณาถึงผลดี ผลเสียและเหตุผลให้ครบถ้วน จึงจะเป็นประโยชน์แท้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี