เรื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อยจะดี(หรือไม่)ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะหัวใจนั้น ผมอยากให้ทุกๆ ท่านที่สนใจอ่านเอกสาร 4 ฉบับ คือ หนึ่ง Alcohol Guidelines Review – Report from the Guidelinesdevelopment group to the UK Chief Medical Officers (2016) หรือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ของสหราชอาณาจักร สอง Risk thresholds for alcohol consumption : combined analysis of individual – participant data for 599,912 current drinkes in 83 prospective studies, โดย Angela M Wood et al. (Lancet Vol.391, April 14, 2018) หรือระดับแอลกอฮอล์ที่มีความเสี่ยง ที่เพิ่งลงตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Lancet โดยคุณหมอ Wood จากมหาวิทยาลัย Cambridge ซึ่งมีความสำคัญมาก สาม Governmental standard drinks definitions and low risk alcohol consumption guidelines in 37 countries Agrieszka Kalinoustec, Addiction 111, 1293-1298, 2016 หรือคำนิยามของการดื่ม 1 หน่วยแอลกอฮอล์จากรัฐบาล 37 ประเทศ และสี่ Global status report on alcohol and health 2014, WHO ที่มีการรายงานการดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลกขององค์การอนามัยโลก 2014
ถึงแม้อังกฤษ(2016)ให้ดื่มเพื่อให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุดได้ 2 หน่วย/วัน ทั้งชายและหญิง แต่ผมมีความเห็นมานานแล้วว่าถ้าจะดื่มเพื่อ “สุขภาพ” และให้มีความปลอดภัยค่อนข้างมาก ควรดื่ม 1 หน่วย/วัน ก็พอแล้ว 1 หน่วยของอังกฤษก็คือ 25 ซีซีของวิสกี้ หรือประมาณ 80 ซีซีของไวน์ หรือประมาณ 200 ซีซีของเบียร์ แต่ถึงแม้ดื่ม 1 หน่วย ก็ไม่ควรขับรถ ถึงแม้จะไม่รู้สึกว่าเมาเลย แต่จากการตรวจทดสอบทางการแพทย์พบว่าสมรรถภาพของการทำงานของกล้ามเนื้อเสียไปแล้ว
มีการทำการวิจัยในวารสาร The Lancet โดย Wood ตามข้างบนนี้ว่าปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มต่อสัปดาห์ที่มีผลไม่ดีต่อร่างกายน้อยที่สุด (แต่ไม่ใช่ไม่มีผลเลย) คือดื่มไม่เกิน 100 กรัมแอลกอฮอล์ต่อสัปดาห์ ที่ตรงกับแนวทางปฏิบัติของอังกฤษ (2016) ที่แนะให้ประชาชนทั้งชายและหญิงดื่มไม่เกินวันละ 2 หน่วย เพราะ 100 กรัมต่อสัปดาห์ก็คือ 100Į8 = 12.5 หน่วยต่อสัปดาห์ ผลงานตีพิมพ์ของ Wood ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า แนวทางปฏิบัติของประเทศต่างๆ นั้นสูงเกินไป ที่ถูกคือต้องดื่มไม่เกิน 100 กรัม หรือ 12.5 หน่วยของอังกฤษ หรือน้อยกว่านั้น
ผมคิดว่าแนวทางปฏิบัติจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร(2016) มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ดีที่สุด แนวทางปฏิบัตินี้แนะนำว่าถ้าไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์มาก่อน ไม่ควรคิดที่จะดื่มเพื่อจะช่วยให้ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ควรออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่ถูกต้องจะดีกว่า ข้อมูลของรัฐบาลอังกฤษ (2016) พบว่าข้อดีของแอลกอฮอล์ต่อหัวใจที่มีผลอย่างมีนัยสำคัญนั้น เกิดขึ้นเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปเท่านั้น ส่วนในผู้ชายไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญ
เท่าที่ผมอ่านผลงานต่างๆ มา การดื่มแอลกอฮอล์เป็นการทำเพื่อสังคม เพื่อเป็นการสังสรรค์มากกว่าสิ่งอื่นใด ข้อดีต่อหัวใจนั้นน้อยมาก และต้องดื่มน้อยจริงๆ เช่น 5 หน่วยอังกฤษต่อสัปดาห์ ถ้าจะดื่มก็ดื่มไป แต่ไม่ต้องอ้างว่าดื่มเพื่อสุขภาพ อาจจะเป็นการดื่มเพื่อความรู้สึกที่ดี(ชั่วคราว)ให้สบายใจ ผมเองที่บ้านไม่ดื่มเลย แต่เวลาไปข้างนอกกับเพื่อน หรืองานสังคมที่มีแอลกอฮอล์ก็อาจดื่มบ้างโดยทั่วๆ ไปดื่มเบียร์ หรือไวน์ 1-2 แก้วก็พอแล้ว นานๆ ทีที่อยู่กับเพื่อนๆ ที่ถูกใจ ก็อาจดื่มวิสกี้ผสมโซดาหลายแก้วหน่อย แต่ผมใส่วิสกี้บางมาก ใส่โซดามากหน่อย เท่าที่ทราบไวน์แดงดีที่สุดสำหรับหัวใจ (ถ้าเชื่อว่าดื่มแอลกอฮอล์แล้วดี)
การดื่มที่ปลอดภัยที่สุดคือ ดื่มตอนทานอาหาร ไม่ใช่ดื่มนอกเวลาอาหาร การดื่มทุกๆ วันไม่ดี ควรจะมีวันหยุดบ้าง เช่น ถ้าทำตามแนวทางปฏิบัติของอังกฤษ คือดื่มได้ 2 หน่วยต่อวัน และมีวันหยุดบ้าง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ไม่ใช่ดื่มไม่เกิน 14 หน่วยต่อสัปดาห์ แต่ดื่มภายในวันเดียว หรือ 2-3 ครั้งเท่านั้น โดยรวมแล้วไม่เกิน 14 หน่วยต่อสัปดาห์ และวันละไม่เกิน 2 หน่วย ถ้ามีวันว่างที่ไม่ดื่มเลยบ้างก็จะดี แต่การดื่ม 2 หน่วยต่อวัน ไม่เกิน 14 หน่วยต่อสัปดาห์นั้น ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย 100% ดื่มแค่ไหนก็มีโทษได้ ไม่ดื่มเลยจึงดีที่สุด การดื่มไม่เกิน 5 หน่วยต่อสัปดาห์อาจจะดีบ้างต่อหัวใจ แต่มีความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคมะเร็ง และถ้าดื่มมากกว่า 14 หน่วยต่อสัปดาห์ก็อาจกลับมาเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ โทษของการดื่มแอลกอฮอล์ตาม guideline ของ UK (2016) พบว่า 1) อัตราเสี่ยงเปรียบเทียบ (Relative Risk) ต่อการเกิดมะเร็งในเต้านมหญิงเพิ่มขึ้น 16% ถ้าดื่ม 2 หน่วยต่อวันตาม guideline (2016) 40% ถ้าดื่ม 5 หน่วยต่อวัน 2) Relative Risk ต่อการเกิดโรคตับแข็งในชาย ถ้าดื่ม 2, 5 หน่วยต่อวัน 57%, 207% 3) Relative Risk ต่อการเกิดการขาดเลือดสมอง (ischaemic stroke) ในผู้ชาย ถ้าดื่ม 2, 5 หน่วยต่อวัน คือ ลดลง 11% และเพิ่มขึ้น 3% ตามลำดับ 4) Relative Risk ต่อการเกิดหัวใจเต้นผิดปกติ (cardiac arrhythmia) ถ้าดื่ม 2, 5 หน่วยต่อวัน คือเพิ่มขึ้น 13% และ 34% ตามลำดับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี