กระทรวงสาธารณสุขได้มีประกาศกระทรวงออกมาเมื่อวันที่ 13/6/61 และลงในราชกิจจานุเบกษา 13/7/61 สรุปมีใจความว่า “โดยปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่ากรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids - TFA)จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils, PHO) ส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด...จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1)ให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนและอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ เป็นอาหาร ที่ห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย ข้อ 2)ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษามาเป็นต้นไป” คือ ตั้งแต่ 9 มกราคม 2562 นั่นเอง จะไม่มี PHO ในน้ำมันหรืออาหารชนิดต่างๆ
สาระสำคัญของประกาศนี้ คือ ห้ามมี PHO ในอาหารหรือน้ำมัน แต่ไม่ได้ห้ามว่ามี trans fat ในอาหารไม่ได้ เพราะ trans fat อาจมีอยู่ตามธรรมชาติได้ แต่ไม่มาก เช่น เนื้อสัตว์ที่เคี้ยวเอื้อง คือ วัว ควาย แกะ แพะ ฯลฯ แต่ที่ห้ามคือห้ามมี trans fat ที่เกิดจากอุตสาหกรรมอาหาร หรือ PHOs
ตั้งแต่เราเกิดจะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเราไปตามอายุ เช่น หลอดเลือดทั่วร่างกายจะมีกระบวนการเกิดการตีบของหลอดเลือด (atherosclerosis) ตั้งแต่เราเกิดใหม่ๆ แต่กระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า และไม่มีอาการ เมื่อหลอดเลือดเราตีบประมาณ 70-80% จึงเกิดอาการของการที่หลอดเลือดที่ตีบส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะได้ไม่พอ เช่น ที่หัวใจ สมอง ช่องท้อง และแขนหรือขา ฉะนั้นเราจะต้องรู้ข้อมูลนี้ และพยายามป้องกันการตีบของหลอดเลือดตั้งแต่อายุน้อยๆ ให้มันตีบช้าๆ หรือไม่ให้ตีบเลย ที่ตีบแล้วให้มันหายตีบ หรือให้มันสร้าง “ทางเบี่ยง” คือ สร้างหลอดเลือดใหม่ ฯลฯ
ปัจจัยเสี่ยงของการมีโรคหลอดเลือด (ทั่วร่างกาย)ตีบและอุดตัน คือ 1)กรรมพันธุ์ 2)เพศชาย 3)อายุที่สูงขึ้น 4)เบาหวาน 5)ความดันโลหิตที่สูงขึ้น 6)ไขมันในเลือดที่ผิดปกติ 7)การสูบบุหรี่ 8)ความอ้วน 9)การไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือพอเพียง และ 10) ความเครียด ฯลฯ ขอย้ำว่าไขมันในเลือดที่ผิดปกติเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นในหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบและอุดตัน
ประเด็นที่ต้องทราบ คือ ประมาณ 75% ของไขมันในเลือดมาจากการสร้างของตับเอง เพียง 25% เท่านั้นที่มาจากการกินอาหาร ไขมันในเลือดอาจแบ่งออกได้เป็น 2 ตัวหลักๆ คือ 1)cholesterol และ 2)triglyceride แต่ cholesterol ยังแบ่งออกได้เป็น Very low density lipoprotein (VLDL) ที่ไม่ค่อยมีแพทย์พูดถึง Low density lipoprotein (LDL) ซึ่งทางการแพทย์ถือว่าเป็นไขมันที่เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งต่อหลอดเลือด และ High density lipoprotein (HDL) ซึ่งเป็นไขมันที่ดี ยิ่งสูงจะยิ่งดี จะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน
ค่าปกติของ cholesterol คือ ไม่เกิน 200 มก.%, triglyceride ไม่เกิน 150 มก.% LDL ถ้าไม่มีโรคหลอดเลือดหัวใจควรมีระดับต่ำกว่า 130 มก.% ถ้าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือโรคเบาหวานควรมีระดับต่ำกว่า 100 มก.% ถ้ามีทั้งเบาหวานและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ LDL ควรอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 70 มก.%
ส่วน HDL ยิ่งสูงยิ่งดี ปกติควรสูงกว่า 40 มก.% ในชาย 50 มก.% ในหญิง HDL ในหญิงมักสูงกว่าชาย
ไขมันทุกตัวมีความสำคัญต่อร่างกาย (ยกเว้น trans fat) ร่างกายต้องมีไขมันที่กล่าวมาแล้วทุกตัว แต่ต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม ถ้าสูง (cholesterol, LDL, triglyceride) หรือต่ำ (HDL) กว่าปกติ จะไม่ดีต่อร่างกาย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี