สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศขณะนี้ อาจกล่าวได้ว่ากำลังเดินสู่ปลายทางแห่งอำนาจเผด็จการ สามปีกว่าที่รัฐบาลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะเปลี่ยนถ่ายอำนาจเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ
ซึ่งจะเป็นไปโดยราบรื่นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับบทบาทของผู้นำที่เป็นองค์อธิปัตย์ที่กำลังจะเปลี่ยนบทบาทจากนักการเมืองสมัครเล่นเป็นนักการเมืองอาชีพ กับนักการเมืองอาชีพที่กำลังรอการปลดปล่อย เพราะกติกาที่เกิดจากรัฐธรรมนูญซึ่งออกแบบโดยนักกฎหมายและนักรัฐศาสตร์มืออาชีพร่วมกับนักทฤษฎีเสร็จแล้ว ส่วนกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญก็กำลังจะเสร็จและเข้าสู่โหมดการปฏิรูป
อนาคตการเมืองของประเทศจะเป็นอย่างไร ประชาชนทั้งผู้สนใจการเมืองและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองในอนาคตอันใกล้ จำเป็นต้องติดตามและเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม
สำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่ ผู้ที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองและผู้ที่จะสมัครเป็นนักการเมืองเพื่อลงสู่การเลือกตั้ง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมือง สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในปัจจุบันซึ่งถือได้ว่าเป็นนักการเมืองโดยสภาพ จะพัฒนาเป็นนักการเมืองมืออาชีพ ก็คงกำลังเตรียมพร้อมที่จะกระโจนเข้าสู่วงการเมืองตามกติกาใหม่ ซึ่งคงไม่เหมือนกติกาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างแน่นอน
ฉะนั้นการเตรียมตัวเตรียมใจเข้าสู่ภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม กล่าวคือ กติกาที่ผ่านมากว่า 3 ปีที่ดำรงตำแหน่งเป็นองค์อธิปัตย์ ไม่มีผู้ท้วงติงในการบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ เมื่อเข้าสู่โหมดการบริหารประเทศตามกติกาใหม่ แม้จะไม่ใช่กติกาประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ก็ตาม แต่บทบาทจะไม่เหมือนเดิม
ฉะนั้นแม้จะมีอำนาจในการบริหารประเทศในอนาคต นักการเมืองในบรรยากาศใหม่จำเป็นต้องเป็นนักประสานประโยชน์มากกว่าการชี้นิ้วสั่งการ
จึงใคร่ขอฝากสุภาษิตที่ว่า “ก่อนพูด เราเป็นนายคำพูด แต่หลังพูด คำพูดเป็นนายเรา” นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยนั้นมีความแตกต่างกว่านักการเมืองในระบอบเผด็จการ นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจึงควรยึดถือสุภาษิตที่ว่า “อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย”
นักการเมืองในสังคมประชาธิปไตยที่สามารถครองใจประชาชนสำเร็จนั้น จำเป็นต้องสร้างคะแนนนิยมด้วยจากทั้งการกระทำและพฤติกรรมส่วนตน จึงจะครองใจมวลชนได้สำเร็จ นอกจากความซื่อสัตย์สุจริต เห็นประโยชน์ส่วนรวมเหนือผลประโยชน์ส่วนตน เพราะต้องระลึกอยู่เสมอว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครอง “ของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน”
สุดท้ายในฐานะประชาชนคนไทย หวังจะเห็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบดำเนินไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยเต็มใบและยั่งยืนตลอดไป จึงอยากเห็นนักการเมืองทั้งเก่าและใหม่จะยึดถือ อุดมการณ์ประชาธิปไตยและปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับอุดมการณ์นั้น เพื่อมิให้วงจรอุบาศก์กลับสู่สังคมไทยอีกตลอดไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี