ตอนนี้ยังไม่ทันจะปลดล็อกทางการเมือง เสียงปี่เสียงกลองก็ก้องกระหึ่ม และกระหึ่มในลักษณะเป็นสัญญาณตะลุมบอน บรรดาลูกไม้ลีลาต่างๆ ตามวิสัยทางการเมืองแบบน้ำเน่า แต่ก่อนมาก็ผุดโผล่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
เป็นสัญญาณหมายว่า ร่วม 4 ปี ที่นักการเมืองต้องไปนั่งสงบจิตสงบใจอยู่นอกเวที มิได้เกิดมรรคผลอันใดในทางที่จะเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปให้เป็นการเมืองแบบใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องน่าสมเพชเวทนา และต้องถือว่าร่วม 4 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงท่วงทำนองทางการเมืองของนักการเมืองได้เลย
หรือเพราะคิดว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นนี้ จึงทำให้พรรคประชารัฐต้องหวนไปจับไม้จับมือเชื้อเชิญนักการเมืองเก่าเข้ามาเป็นฐานกำลัง เพื่อสนับสนุนให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
ทว่า สภาพการณ์ที่เป็นจริงในขณะนี้นั้น ได้เกิดเป็น 3 ก๊ก ทางการเมืองอย่างชัดเจน ก๊กหนึ่งก็คือพรรคเพื่อไทย ก๊กหนึ่งก็คือพรรคประชาธิปัตย์ และอีกก๊กหนึ่งก็คือก๊กที่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่จับกระแสได้ก็คือ พรรคประชารัฐ และพรรคเล็ก พรรคน้อยต่างๆ ซึ่งเคยเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคไหนก็ได้มาก่อนแล้ว
ที่แปลกกว่าพรรคอื่นก็คือ พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งประกาศตนเป็นพรรคการเมืองของประชาชน แต่ท่วงท่าลีลาโน้มไปในทางที่เชื่อมโยงกับก๊กพรรคเพื่อไทย ส่วนอีกพรรคหนึ่งก็คือ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งท่วงท่าลีลาก็โน้มไปในทางสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ระยะหลังซุ่มเสียงชักจะแผ่วลง
สภาพเช่นนั้น ยากที่จะจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก เข้ามาบริหารบ้านเมืองได้ อย่างน้อยจะต้องมี 2 ก๊ก ร่วมไม้ร่วมมือกัน เช่น พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมมือกับพรรคประชารัฐ หรือ พรรคเพื่อไทย สามารถรวบรวมพรรคเล็ก พรรคน้อยให้หวนกลับมาจับไม้จับมือกันจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งกรณีนี้พรรคเพื่อไทยจะต้องได้รับคะแนนเสียง ถึง 230 จึงจะมีความเป็นไปได้
ดังนั้น การที่จะจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งจึงยังไม่ใช่เรื่องง่าย และหากก๊กไหนประมาทพลาดพลั้งก็อาจจะล้มคว่ำไม่เป็นท่าก็ได้ ที่สำคัญคือ จากนี้ไปจนถึงเลือกตั้ง ยังมีการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อีกมาก ที่สำคัญคือ การก่อเกิดกระแสการจัดตั้งโซเชียลมีเดียและสื่อมวลชน เพื่อกระหน่ำโจมตี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มากขึ้นอย่างผิดสังเกต
เพราะฝ่ายปรปักษ์ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จับทางได้ว่า ได้เกิดความเดือดร้อนขึ้นจากปัญหาทางเศรษฐกิจ และความไม่เป็นธรรมอย่างกว้างขวาง เป็นสภาพที่ไม่มีการยอมรับความจริง และไม่มีการแก้ไขปัญหาใดๆ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้กองหนุนหดหาย
ทั้งจับทางได้ว่า หากมีการบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี หรือโพนทะนาด่าว่า ให้เกิดความโกรธแล้ว จะทำให้ใส่อาการและกระทบต่อความเป็นผู้นำ
ดังนั้นขบวนรบ สื่อมวลชนที่ใหญ่โตและกว้างขวางจึงมีการจัดตั้งขึ้น อันพอจะคาดหมายได้ว่า จะทำลายภาพลักษณ์ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มากที่สุด และเป็นเรื่องน่าห่วง เพราะการจัดกระบวนการรับมือนั้น สมรรถนะเทียบกันไม่ได้เลย ระหว่างมืออาชีพระดับโลกระดับประเทศ และมีการจัดตั้งอย่างเหนียวแน่น กับการตอบโต้โดยอาศัยข้าราชการเพียงไม่กี่คน และมีกระบวนการรับมือที่เฉื่อยชาจืดชืด
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตก ทันทีที่มีการปลดล็อกทางการเมือง
เหตุนี้ ถ้าเกิดจับพลัดจับผลู พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สะดุดขาไปไม่ได้ขึ้นมา ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในก๊กนี้ ทอดสายตามองไปดีๆ ก็จะเห็นอะไรลึกๆ และเห็นเค้าเงานายกรัฐมนตรีเงาเกิดขึ้นด้วย
และถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น พรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็อาจพลิกตัวสนับสนุนให้ พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็ได้ แต่ก็ไม่อาจมองข้ามความสัมพันธ์ลึกซึ้งแต่ก่อนมา
ที่จะส่งผลให้หลายพรรคสนับสนุนให้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ หัวหน้าพรรครวมพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้
มาตรแม้นไม่เห็นคลองประปาคอนเนคชั่น เมื่อ 7 ปีก่อนแล้ว ไหนเลยจะเห็นอะไรใต้น้ำที่ขุ่นมัวได้!!!.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี