เรื่องที่เกิดขึ้นกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่บรรดาลูกศิษย์กู้ยืมไปไม่ยอมใช้หนี้จนทำให้คุณครูผู้ค้ำประกันได้รับความเดือดร้อนอย่างสาหัสถึงขึ้นถูกยึดทรัพย์สินดังปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
เหตุการณ์ทำนองนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเพราะในอดีตแม้แต่บุคลากรในมหาวิทยาลัยที่ได้รับทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ กรณี ทันตแพทย์ดลฤดี ที่หนีทุนทำให้เพื่อนอาจารย์ด้วยกันได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว มิได้เป็นข่าวในสื่อมวลชนเท่านั้น
นอกจากนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเองก็เป็นข่าวจนกระทั่งมีการตามยึดเงินเดือนของอดีตนักศึกษาที่เบี้ยวหนี้ที่เป็นข่าวตลอดมา สาเหตุสำคัญที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ผู้เขียนซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยก็เคยเกือบถูกยึดบ้านที่อยู่อาศัย กล่าวคือ วันหนึ่งมีหมายจากพนักงานยึดทรัพย์มาปิดว่าจะทำการยึดบ้านทำให้ตกใจมากเพราะไม่เคยมีหนี้สินกับผู้ใดเลยสืบไปสืบมาปรากฏว่า วันหนึ่งมีเพื่อนสมัยที่เรียนหนังสือที่โรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียง ซึ่งต่อมาเขาไปเป็นนายทหาร ไปที่บ้านบอกว่า ช่วยเซ็นหนังสือค้ำประกันให้โดยบอกว่าไม่ต้องห่วง เขาไม่ทำให้เสียหาย หลังจากนั้นหลายปีต่อมาจนลืมเรื่องไปแล้ว แต่วันหนึ่งมีหมายมาปิดที่บ้านปรากฏว่าธนาคารจะมายึดบ้าน ทำให้ตกใจมากเพราะไม่เคยเป็นหนี้ใครจนกระทั่งไปถามธนาคารเจ้าหนี้ จึงทราบว่าเพื่อนคนนั้นเบี้ยวหนี้ธนาคารที่ไปค้ำประกันไว้โชคดีที่ผู้เขียนรู้จักกับนายธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ เมื่อเขาทราบความจริงจึงช่วยไม่ให้ถูกยึดบ้าน
ฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครูที่ไปค้ำประกันหนี้นักเรียนที่กู้กับ กยศ. นั้น ก็เพราะครูคงคาดไม่ถึงความรับผิดชอบถ้านักเรียนไม่ชดใช้หนี้ครูจะต้องรับผิดชอบ หลายกรณีที่ผู้ค้ำประกันคิดว่าลงนามในหนังสือค้ำประกันโดยนึกไม่ถึงว่าปัญหาที่ตามมาจะมากมายเพราะตอนค้ำประกันคิดเพียงแค่ว่าเขาเป็นคนดี คงไม่สร้างปัญหาให้กับครู เรื่องทำนองนี้ในต่างประเทศ เช่น ประเทศสวีเดน การกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาผู้กู้จะต้องให้บิดามารดาค้ำประกันกับธนาคารโดยมีสัญญาผูกมัดในการใช้คืน ซึ่งปรากฏว่าไม่มีปัญหาดังประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยนั้นการที่รัฐบาลจัดทำโครงการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษานั้น โดยเจตนาดีคิดว่าเยาวชนผู้มีการศึกษาเป็นคนดี ครูผู้ค้ำประกันก็คิดเช่นกันว่า “ลูกศิษย์ไม่คิดล้างครู” เพราะสังคมไทยในสมัยโบราณถือว่าครูเปรียบเสมือนบิดามารดา แต่หารู้ไม่ว่าเยาวชนสมัยใหม่ส่วนใหญ่ไม่คิดเช่นนั้น เพราะบางคนเนรคุณแม้แต่พ่อแม่ของตน
อย่างไรก็ดี ด้วยเจตนาดีของรัฐบาลที่ปรารถนาให้คนไทยมีความเท่าเทียมกันในการศึกษาโดยนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวที่ทำให้ครูซึ่งรักลูกศิษย์ แต่ลูกศิษย์ไม่คิดเช่นนั้นจึงสนองคุณครูด้วยการสร้างกรรมให้ ฉะนั้นเพื่อให้บุคคลที่สาม คือ ครู หรือผู้ที่ไม่ใช่บุคคลในครอบครัวต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เพราะเจตนาดีและเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ถ้าจะทำโครงการนี้ต่อไปจำเป็นต้องให้พ่อแม่ของนักเรียนที่กู้ยืมเป็นผู้ค้ำประกันให้บุตรของตนเองแทนที่จะให้ครูหรือบุคคลอื่น ถ้าเยาวชนคนใดต้องการกู้ยืมเงินดังกล่าวเบี้ยวไม่ใช้หนี้พ่อแม่ของเขาต้องถูกฟ้องล้มละลายเพราะพวกเขาก็ถือว่าพวกเขาเป็นพวกเนรคุณบุพการี แต่อย่าทำให้คนอื่นที่หวังดีต้องเดือดร้อน ดังเช่นคุณครูซึ่งกรุณาต่อลูกศิษย์ แต่ลูกศิษย์หรือเพื่อนที่ไปค้ำประกันให้ ไม่ยอมใช้หนี้ จะกลายเป็นไปตามสุภาษิตเรื่อง “ชาวนากับงูเห่า”
สรุปรวมความว่า การค้ำประกัน นั้น เป็นเรื่องใหญ่ก่อนที่จะจรดปากกาลงนามค้ำประกันใครต้องใคร่ครวญให้ดีและแน่ใจว่าผู้ที่เราค้ำประกันจะไม่ก่อปัญหาไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม เพราะผลที่ตามมาจะผูกพันตามกฎหมายมากจนคาดไม่ถึง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี