บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส หรือ HANA กำไรสุทธิของ HANA ใน 3Q61 อยู่ที่ 905 ล้านบาท (+18% YoY และ +235% QoQ)
ดีกว่าประมาณการของเรา 66% และดีกว่า Bloomberg consensus 24% ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9M61 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (-24% YoY) และคิดเป็น 94% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา แต่หากไม่รวมกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q61 จะอยู่ที่ 833 ล้านบาท และกำไรจากธุรกิจหลักใน 9M61 จะคิดเป็น 90% ของประมาณการทั้งปีของเรา
ยอดขายไปได้สวยในรูปสกุลดอลลาร์
ยอดขายของ HANA ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ US$182 ล้าน (+6% YoY, +7% QoQ) ส่งผลให้ยอดขายงวด 9M61 อยู่ที่ US$518 ล้านn (+9% YoY) คิดเป็น 75% ของประมาณการปีนี้ของเราที่ US$695 ล้าน โดยยอดขายของ HANA มี pattern ที่สอดคล้องกับยอดขาย semiconductor โลกซึ่ง Semiconductor Industry Association (SIA) รายงานว่าทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนกันยายน 2561 ที่ US$4.09 หมื่นล้าน (+14% YoY, +2% MoM) ดังนั้น เราจึงคาดว่าบริษัทน่าจะทำยอดขายปีนี้ได้ตามสมมุติฐานของเรา
โครงสร้างยอดขายที่ดีขึ้น
อัตรากำไรขั้นต้นของ HANA ดีขึ้นอย่างมากเป็น 18.0% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 10 ไตรมาส ซึ่งสูงกว่าประมาณการของเราสำหรับงวด 3Q61 ที่ 14.8% อย่างมาก เนื่องจากโครงสร้างยอดขายดีขึ้น ซึ่งทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นทั้ง PCBA และ IC ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9M61 อยู่ที่ 14.3% ซึ่งสูงกว่าสมมุติฐานปีนี้ของเราที่ 12.4% และทำประมาณการของเรามี upside อีก
กำไรยังมี Upside อีก15-20%
เนื่องจากกำไรจากธุรกิจหลักในงวด 9M61 คิดเป็น 90% ของประมาณการปีนี้ของเรา ดังนั้น เราจึงมองว่าประมาณการของเรายังมี upside อีกประมาณ 15.0-20.0% โดยในปัจจุบัน consensus ของกำไรปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาท ซึ่งเรามองว่าน่ามีต้องมีการปรับเพิ่มประมาณการขึ้นอีก ทั้งนี้ ราคาหุ้น HANA ร่วงลงมาแล้วถึง 20% จากเดือนกันยายน 2561 มาอยู่ที่ 33.25 บาท ดังนั้นเราจึงมองว่าเป็นจังหวะดีที่จะเข้าซื้อสะสม
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายกลางปี 2562 ที่ 45.00 บาท อิงจาก PER ที่ 17.3x (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +0.75 S.D.) เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาเป็นโอกาสให้เข้าซื้อสะสมเพื่อรับผลประกอบการที่ดี และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงถึง 6.0%
ปัจจัยเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier เจ้าอื่น, ราคาวัตถุดิบแพงขึ้น และเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ US$ (เราใช้สมมุติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปีนี้ที่ 32.5 บาท/US$ และปี 2562-63 ที่ 32.6 บาท/US$), และการจัดส่งสินค้าล่าช้า
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี