พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกครั้งเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา
ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่บัญญัติให้ผู้ที่เป็นสมาชิกวุฒิสภามีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีได้
การออกเสียงลงคะแนน พลเอกประยุทธ์ ได้รับเสียงสนับสนุน 500 ต่อ 244 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่เข้าประชุม 3 เสียง
ผู้ที่งดออกเสียงคือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน วุฒิสภา และรองประธานรัฐสภา นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ หรือเสี่ยโต้ง สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ผู้ที่เคยให้ทุนสนับสนุนสร้างภาพยนตร์ไทยเรื่อง ไทยบ้านเดอะซีรีส์
ผู้ที่ไม่เข้าประชุมคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถูกสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่สส. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ลาออกจากการเป็นสส. และ นางสาวจุมพิตา จันทร์ขจร สส. นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ แจ้งลาป่วย
แม้เสียงสนับสนุนพลเอกประยุทธ์จะดูเหมือนมากกว่าฝ่ายค้าน เกือบเท่าตัว เมื่อหักออกจากจำนวนสมาชิกวุฒิสภา ที่มีอยู่ 250 เสียง จะเห็นว่าเสียงสนับสนุน ที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร เรียกได้ว่าอยู่ในสภาพที่ปริ่มน้ำ และมีความเสี่ยงสูง เพราะเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎรมีมากกว่าฝ่ายค้าน อยู่เพียงแค่ 7 เสียงเท่านั้น
หากจะใช้ศัพท์ในทางวิชาการ คงต้องใช้คำว่า อยู่ในอาการที่ร่อแร่ ถ้าฝ่ายรัฐบาลคุมเสียงกันไม่ดี มีสส.เดินทางไปต่างประเทศ หรือลาป่วย พร้อมๆ กันหลายคน อาจลงมติในเรื่องที่สำคัญแพ้ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้โดยไม่รู้ตัว
ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ให้สิทธิ์สมาชิกวุฒิสภาสามารถลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีได้ นับว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เหมือนประเทศใดในโลก
แนวความคิดนี้ คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญมีความประสงค์จะให้ผู้ที่เหมาะสมเป็น นายกรัฐมนตรี ได้รับตำแหน่งอย่างแน่นอน ส่วนจะอยู่ได้นานเท่าไร มั่นคงขนาดไหน ไปว่ากันอีกที หรือไปตายเอาดาบหน้า
ถ้าเปรียบเทียบกับกีฬา คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่ คงจะชื่นชอบกีฬากอล์ฟเป็นพิเศษ เพราะกีฬากอล์ฟเปิดโอกาสให้ ผู้ที่มีฝีมือเก่งและฝีมืออ่อนกว่า แข่งกันได้ ในคราวเดียวกันโดยไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก เนื่องจากอนุญาตให้ผู้ที่มีฝีมืออ่อนกว่า สามารถมีแต้มต่อ หรือที่เรียกกันว่า แฮนดิแคป (Handicap) ซึ่งหลักการนี้ได้นำมาใช้กับรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
ในช่วงนี้อยู่ในระหว่างการจัดคณะรัฐมนตรี แต่เห็นว่าหลายพรรคการเมืองได้เจรจาต่อรองตำแหน่งจนเกินงามและเกินความพอดี แม้จะมีเหตุผลที่ดูแล้วพอรับฟังได้ว่า เพื่อผลักดันนโยบายของพรรคให้เป็นนโยบายของคณะรัฐบาล แต่เมื่อเปิดเผยโผของรายชื่อรัฐมนตรีจากพรรคต่างๆ ได้สร้างความมึนงง หาวเรอ และสับสน ให้กับประชาชนได้มากพอสมควร
รายชื่อรัฐมนตรีหลายคนที่จะดำรงตำแหน่งสำคัญ เมื่อพิจารณาจากประวัติและภูมิหลัง หลายคนไม่ได้มีวุฒิการศึกษา และประสบการณ์เกี่ยวกับตำแหน่งที่จะทำงานโดยตรง ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่อดคิดไม่ได้ว่า จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทันทีหรือไม่ หรือต้องใช้เวลาอีกพอสมควรเพื่อเรียนรู้งานก่อนจึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บุคคลที่น่าเห็นใจที่สุดในขณะนี้ คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่จะต้องคานและถ่วงสมดุล ทั้งพรรคการเมืองที่มีเสียงสนับสนุน และการยอมรับในตัวคณะรัฐมนตรีจากประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ
ในบรรดาประเทศที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่นานมานี้ ประเทศอิสราเอล น่าสนใจมากที่สุด เพราะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมานี้
นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ที่ชนะการเลือกตั้ง และพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งรัฐบาลผสม ร่วมกันหลายพรรค ในที่สุดไม่สามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรีได้ เพราะมีความเห็นและนโยบายแตกต่างกันมากเกินไป
ในที่สุดสภาผู้แทนราษฎรอิสราเอล ได้ลงมติเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ด้วยคะแนน 74 ต่อ 45 ให้ยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่
ย้อนกลับมาดูในประเทศไทย หากการจัดตั้งรัฐบาลผสมไม่สามารถทำได้ พลเอกประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งแล้ว เฉพาะตัวท่านเองต้องเข้าถวายสัตย์ฯก่อน จึงจะสามารถยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดเลือกตั้งใหม่ ตามรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งแตกต่างจากรัฐธรรมนูญของประเทศอิสราเอล
แต่หากพลเอกประยุทธ์เลือกช่องทางนี้ จะมีเวลารักษาการไปอีกหลายเดือน และต้องใช้จ่ายงบประมาณอีกอย่างน้อย 4,100 ล้านบาท เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งใหม่
หากเลือกตั้งใหม่จริง ผลการเลือกตั้งจะเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ และอาจไม่มีสภาพเสียงสนับสนุนปริ่มน้ำให้เห็นอีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี