การประท้วงใหญ่ฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้เข้าร่วมประท้วงมากกว่า 1,000,000 คน นับว่าไม่เป็นเรื่องธรรมดา
สาเหตุของการประท้วง มาจากการที่ข้าหลวงใหญ่ฮ่องกง นางคาร์รี่ แลม (Mrs.Carrie Lam) ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลจีน ให้เข้ามาบริหารฮ่องกง มีนโยบายที่จะผลักดันกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ระหว่างฮ่องกงกับดินแดนอื่นหรือประเทศอื่นๆ
แม้อาจดูเหมือนว่า สาเหตุที่มาของเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าจะลุกลาม จนกลายเป็นการประท้วงใหญ่โตได้
เรื่องนี้เริ่มมาจากที่หนุ่มสาวชาวฮ่องกงสองคนอายุระหว่าง 19-20 ปี ที่เป็นคู่รักกัน ได้เดินทางไปฮันนีมูนหรือดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ในวันแห่งความรัก หรือที่เรียกว่าวันวาเลนไทน์ ที่กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน
ในระหว่างที่อยู่กรุงไทเป ทั้งคู่ได้มีปากเสียงกัน จนกลายเป็นการทะเลาะกัน เลยเถิดไปถึงขนาดว่า ฝ่ายหญิงยอมรับว่า ได้ตั้งครรภ์กับแฟนเก่าที่เลิกร้างไปแล้ว
จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายชายบันดาลโทสะ จับศีรษะของฝ่ายหญิงโขกกับข้างฝา และบีบคอจนฝ่ายหญิงเสียชีวิต จากนั้นได้นำร่างของฝ่ายหญิง ใส่กระเป๋าเดินทาง แล้วนำไปทิ้งที่กองขยะ ที่อยู่ห่างไกลจากผู้คน จากนั้นฝ่ายชายในบินกลับฮ่องกง
เมื่อฝ่ายชายมาถึงฮ่องกงแล้ว อาจด้วยความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดี หรือสำนึกผิด จึงได้สารภาพผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ฮ่องกงว่า ตนเองได้ฆาตกรรมแฟนสาวที่ประเทศไต้หวัน
แม้ฝ่ายชายจะรับสารภาพก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง ไม่สามารถควบคุมตัวฝ่ายชายได้ เนื่องจากการกระทำความผิดเกิดขึ้นที่ประเทศไต้หวัน ไม่ได้เกิดขึ้นในฮ่องกง จึงถือว่าไม่ได้กระทำผิดกฎหมายฮ่องกง
ต่อมาประเทศไต้หวันจะได้ขอตัวฝ่ายชาย เพื่อไปดำเนินคดีอาญา ทางการฮ่องกงไม่สามารถส่งตัวให้ได้ เพราะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
จึงเป็นเหตุให้ข้าหลวงใหญ่ฮ่องกงพยายามจะผลักดันให้มีกฎหมายในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ด้วยเหตุดังกล่าว ยังเป็นสาเหตุของการประท้วงใหญ่ในฮ่องกง จากบุคคลกลุ่มต่างๆ เพราะเกรงว่า การผลักดันกฎหมายนี้ มีวาระซ่อนเร้นเพื่อต้องการส่งตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนักโทษทางการเมืองที่อยู่ในฮ่องกง ให้ไปรับโทษในประเทศจีน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง บุคคลเหล่านั้นจะได้รับโทษหนักมาก
ในการปฏิบัติต่อกันระหว่างประเทศ หลายเรื่องแม้ไม่มีกฎหมายระหว่างกัน รวมทั้งในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ยังสามารถให้ความร่วมมือระหว่างประเทศได้ โดยอาศัยหลักถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกันได้
แต่กรณีของ หนุ่ม-สาวชาวฮ่องกงดังกล่าว น่าจะมีอะไรที่ซับซ้อนอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง ที่ประเทศไต้หวันไม่ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาของการประท้วงใหญ่ที่ฮ่องกง นับว่าใกล้ช่วงเวลาครบรอบ 30 ปี เหตุการณ์นองเลือด ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ในประเทศจีน ที่บรรดานักเคลื่อนไหวทางการเมืองในฮ่องกงรอจังหวะที่จะประท้วง
อีกทั้งเหตุการณ์ปฏิวัติร่ม หรือที่เรียกว่า Umbrella Movement ที่มีการประท้วงใหญ่ในฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2557 ที่ประชาชนชาวฮ่องกงไม่พอใจว่า การเลือกตั้งผู้แทนของฮ่องกง ผู้ที่สมัครรับเลือกตั้งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลจีนก่อน ซึ่งหมายความว่าจะต้องเป็นบุคคลที่รัฐบาลจีนคัดเลือกมาก่อนแล้วเท่านั้น
เหตุที่ชาวฮ่องกงไม่พอใจ เพราะเขามีความรู้สึกว่า เขาเป็นคนฮ่องกง ไม่ได้เป็นคนจีน แม้ภาษาพูดก็ต่างกัน คนฮ่องกงพูดกวางตุ้ง ส่วนคนจีนแผ่นดินใหญ่พูดภาษาจีนกลาง นอกจากนี้แนวความคิดยังไม่เหมือนกัน เพราะฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษมานับ 100 ปี ส่วนจีนแผ่นดินใหญ่ปกครองด้วยระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
การประท้วงในฮ่องกงที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการพัฒนาจากเดิมไปหลายประการ อาทิ ผู้เข้าชุมนุมประท้วง รวมทั้งผู้ที่เป็นแกนนำ ต่างพยายามปกปิดสถานะของตนเอง ไม่ว่าจะใช้หน้ากาก หรือแม้แต่ในการเดินทาง ที่ปกติคนฮ่องกงใช้บัตรเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ โดยใช้บัตร Octopus ที่ใช้ได้ร่วมกันทั้งรถประจำทาง และรถใต้ดิน ในช่วงระหว่างประท้วง ผู้คนไม่ยอมใช้บัตร Octopus เพราะจะสามารถติดตามการเดินทางของบุคคลได้ จึงเกิดปรากฏการณ์ที่ผู้คนเป็นจำนวนมาก ยืนต่อแถวเพื่อซื้อตั๋วเดินผ่าน โดยไม่ยอมใช้บัตรอัตโนมัติ Octopus อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้ ในการติดต่อสื่อสารทางโซเชียลมีเดีย การนัดหมายเพื่อประท้วง จะไม่ใช้ Facebook หรือ WhatsApp ทั้งที่เป็นที่นิยม แต่มาใช้ Telegram ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นประเภทเดียวกับ WhatsApp หรือ Line
เพียงแต่ Telegram เป็นแอพพลิเคชั่นของประเทศรัสเซีย ที่มีความปลอดภัยสูง และยังสามารถเข้ารหัสเฉพาะกลุ่ม เพื่อความปลอดภัยได้เป็นกรณีพิเศษ ทำให้ทางการฮ่องกงไม่สามารถติดตามได้
การประท้วงที่ฮ่องกงครั้งล่าสุดได้จบสิ้นไปแล้ว ในที่สุด ข้าหลวงใหญ่ฮ่องกง ได้ออกมาแสดงความเสียใจ ที่ผลักดันกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน และระงับเรื่องนี้ไว้อย่างไม่มีกำหนดออกไปก่อน แต่ไม่ได้แถลงชัดเจนว่า จะยกเลิกเรื่องนี้
การประท้วงเพื่อสิทธิและเสรีภาพ มีให้เห็นได้ในหลายประเทศ แม้แต่ในประเทศที่โหยหาประชาธิปไตย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี