กรณีหญิงอายุ 61 ปี ซึ่งเป็นมารดาของสารวัตรตำรวจรายหนึ่ง ได้รับแจ้งว่า มีผู้ส่งพัสดุไปรษณีย์มาให้บุตรชายตามที่อยู่ที่บ้าน และให้เดินทางไปรับพัสดุดังกล่าวบนที่ทำการไปรษณีย์ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
หญิงคนนั้นได้ถูกจับกุมในขณะเดินทางไปรับพัสดุไปรษณีย์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เมื่อเปิดกล่องพัสดุพบว่า เป็นยาอีสีขาว จำนวน 100 กว่าเม็ด จึงได้ขยายผลตรวจสอบค้นบ้านพักตามที่ระบุที่อยู่บนพัสดุ แต่ไม่พบสิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างอื่นอีก
สิ่งที่พบกลับเป็นบิดาของ สารวัตรตำรวจอายุ 71 ปี ที่มีอาการป่วยทางสมอง นอนติดเตียง สาเหตุจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในบ้านมีสภาพความเป็นอยู่อย่างธรรมดา ไม่ได้มีเครื่องตกแต่งอะไร
นับว่า เป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง
สารวัตรตำรวจผู้นี้ มีชื่อเรียกกันว่า สารวัตรแย้ มีผลงานปราบปรามยาเสพติดมากมาย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาค 5 ที่จับกุมตัวผู้กระทำความผิดและถูกดำเนินคดีหลายราย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความหวั่นไหว ให้แก่ครอบครัวของสารวัตรแย้ ยังสร้างความหวั่นไหวให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปอีกด้วย
แม้ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ได้ควบคุมมารดาของสารวัตรแย้ เพราะเชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ได้สร้างความตระหนกตกใจ และภาระให้แก่ ครอบครัว และตัวสารวัตรแย้ที่ต้อง มีหน้าที่ชี้แจงกับที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดี รวมทั้งผู้บังคับบัญชา
กรณีนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ และกรณีศึกษาได้ว่า เมื่อมีพัสดุไปรษณีย์ หรือพัสดุที่ขนส่งมาโดยบริษัทเอกชน จะต้องตรวจสอบดูชื่อผู้ที่ส่งมาก่อนว่า เป็นใคร รู้จักหรือไม่ และมีความเกี่ยวพันอย่างไร ผู้ส่งจึงได้ส่งพัสดุนี้มาให้
หากไม่ทราบที่มาที่ไปชัดเจน ทางที่ดีไม่ควรรับ หรือปฏิเสธพัสดุนั้นจะปลอดภัยกว่า
กรณีที่เกิดขึ้น มารดาของสารวัตรแย้ เพียงแค่เดินทางไปรับพัสดุไปรษณีย์ดังกล่าว ได้ถูกจับกุมและควบคุมตัว แสดงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ตรวจสอบหรือเอกซเรย์พัสดุนั้นก่อนแล้ว จึงทราบล่วงหน้าว่า เป็นยาเสพติด จึงซุ่มรอให้มีผู้มารับ และเข้าควบคุมจับกุม ซึ่งถือว่ามีอำนาจดำเนินการได้ ในฐานะที่เป็นผู้ต้องสงสัย แม้อาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ได้สร้างความตกใจและความยุ่งยากให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องพอสมควร
ต่อไปพฤติกรรมในการรับ-ส่งพัสดุ ไม่ว่าจะส่งทางไปรษณีย์ หรือบริษัทเอกชน คงต้องมีการติดต่อประสานกันก่อนตั้งแต่แรก ยืนยันว่า ใครจะส่งของอะไร ให้กับใครเมื่อไหร่ ก่อนวันที่จะส่งจริง มิฉะนั้นคงไม่มีใครกล้ารับพัสดุ และให้ตีกลับไปยังผู้ส่งต้นทาง
กรณีที่ควรระมัดระวังนี้ ยังรวมไปถึงกรณีอื่นๆ ที่อาจเกิดเป็นปัญหาได้ เช่น ผู้ที่มีบัญชีเงินฝาก อยู่ดีๆ ได้ผู้โอนเงินเข้ามาในบัญชี แล้วมีการติดต่อเข้ามาว่า โอนเข้าผิดบัญชี และขอร้องให้เจ้าของบัญชีโอนเงินต่อให้กับคนอื่น โดยอ้างว่าเป็นชื่อผู้รับเงินที่ถูกต้อง ซึ่งอาจเป็นการหลอกให้โอนเงินเพื่อเป็นค่าธุรกรรม ที่ผิดกฎหมาย และโยนความผิดให้แก่ เจ้าของบัญชีที่ได้รับเงินโอนคนแรก
กรณีนี้เจ้าของบัญชีควรแจ้งความให้เป็นหลักฐานก่อน และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารเป็นฝ่ายติดต่อกลับผู้ที่อ้างว่าโอนเงินมาให้ผิด ตลอดจนให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร ช่วยประสานงานให้
รวมทั้งกรณีที่ มีผู้กดเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็มของธนาคาร อยู่ๆ มีผู้ที่อยู่ใกล้ ขอร้องให้ช่วยโอนเงินให้กับคนอื่นที่ไม่รู้จัก โดยยินดีที่จะคืนเงินสดให้พร้อมค่าเสียเวลา ซึ่งอาจเป็นการโอนเงินเพื่อเป็นค่าธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย
แม้โดยหลักของกฎหมาย การกระทำความผิด ที่มีโทษตามกฎหมาย จะต้องเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริต หากไม่สามารถล่วงรู้ว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไม่มีเจตนาที่ทุจริต จะไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย
แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ในเบื้องต้นในฐานะผู้ต้องสงสัย จะได้รับความยุ่งยาก และเดือดร้อน กว่าจะให้การ ชี้แจง ทำความเข้าใจ และแสดงหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเชื่อได้
สังคมในสมัยนี้ นับว่าอยู่ยากลำบากกว่ายุคก่อน ต้องระมัดระวัง โดยยึดถือว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี