คงยังจำกันได้กับเรื่องราวของทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี่หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า “ทีมหมูป่า” 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน หมู่บ้านจ้อง ตำบลโป่งผาอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561 จนต่อมาเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561ทีมหมูป่าได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานภายในประเทศและต่างประเทศอย่างปลอดภัย
มีคนเข้าให้ความช่วยเหลือหมูป่าในฝ่ายต่างๆ รวมทั้งหมดแล้วประมาณ 10,000 คน แต่ชื่อของบุคคลสำคัญสองคน นอกจากจะเป็นที่จดจำในเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว เมื่อภารกิจช่วยเหลือเสร็จสิ้น คนจำนวนไม่น้อยยังคงติดตามเรื่องราวของเขาทั้งสอง
คนแรก คือ “เวอร์นอน อันสเวิร์ธ” นักดำน้ำและนักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษ เวอร์นอน อันสเวิร์ธ วัย 63 ปี หนึ่งในฮีโร่ ที่พาทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวง
คนที่สอง คือ “อีลอน มัสก์” ที่เป็นทั้งนักธุรกิจ วิศวกร สถาปนิก และนักประดิษฐ์ สามสัญชาติ อเมริกัน แอฟริกัน และแคนาดา ผู้บริหารหลายบริษัทสำคัญ เช่น สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ที่ประสบความสำเร็จนำจรวดที่ใช้แล้ว กลับมาใช้ใหม่ บริษัท เทสลามอเตอร์ส (Tesla Motors, Inc.) ผู้ผลิตรถพลังงานไฟฟ้า (Electric Car - EV Car) และจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก
ช่วงระหว่างการช่วยเหลือทีมหมูป่า นายมัสก์ได้เสนอให้ความช่วยเหลือเป็นแคปซูลขนาดเท่าเด็กตัวเล็กเพื่อใช้ในภารกิจนำทั้ง 13 ชีวิต ออกจากถ้ำ แต่นายอันสเวิร์ธได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า แคปซูลนี้เป็นเพียงแค่เครื่องมือประชาสัมพันธ์สร้างความสนใจ หรือ PR Stuntของมัสก์เท่านั้น เพราะความเป็นจริงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่แคปซูล จะผ่านไปในถ้ำที่มีความคดเคี้ยวได้ แคปซูลไม่มีความยืดหยุ่นดีพอ
นายมัสก์ ได้ทวีต ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ซึ่งมีผู้ติดตามราว 29.8 ล้านรายชื่อ ว่านายอันสเวิร์ธ เป็นพวกมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก หรือเฒ่าหัวงู (Pedo Guy) และได้ลบทิ้งในเวลาต่อมา
จนเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2561 นายอันสเวิร์ธได้ยื่นฟ้องนายมัสก์ ต่อศาลแขวงในนครลอสแองเจลิสรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในข้อหาหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.8 พันล้านบาทไทย ศาลได้เริ่มกระบวนการพิจารณาคดี เมื่อต้นเดือนธันวาคม พ.ศ.2562
มัสก์สู้คดีว่า คำว่า Pedo Guy เป็นคำทั่วไปที่ใช้ในแอฟริกาใต้ที่เขาโตมา Pedo ใช้แทนถึงตาแก่ที่ไม่รู้เรื่องราวเป็นคำที่ใช้ทั่วไปในอินเตอร์เนต ไม่ได้หมายถึง Pedophile หรือพวกที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ทนายความของมัสก์แสดงให้ลูกขุนเห็นว่า แม้มัสก์ได้ทำอะไรที่แย่ๆ ออกมา แต่มัสก์ได้ออกมาขอโทษและลบข้อความทิ้ง จนในที่สุดคณะลูกขุนศาลสหรัฐฯ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ตัดสินให้นายมัสก์ เป็นฝ่ายชนะคดี
ทางด้านนายอันสเวิร์ธ ได้แสดงความเห็นว่า แม้ผลคำตัดสิน จะไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย แต่ยังคงเคารพในคำตัดสิน สำหรับทนายความของนายอันสเวิร์ธกลับกล่าวว่า คำตัดสินนี้ไม่เป็นผลดีต่อสังคม เพราะเป็นการส่งสัญญาณว่า คุณสามารถกล่าวหาใครด้วยข้อความที่เลวร้ายที่สุด โดยที่ข้อความนั้นไม่เป็นความจริง และคนที่กล่าวกลับหลุดพ้นความผิด
เรื่องนี้ ถ้ามีการฟ้องคดีหมิ่นประมาทที่ศาลไทยแนวคำตัดสิน อาจเปลี่ยนไป ตามประมวลกฎหมายอาญาของไทยมาตรา 326 ระบุถึงการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทไว้ว่า “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”
ความผิดฐานหมิ่นประมาท เป็นการกระทำที่มีบุคคล 3 ฝ่าย คือ (1) ผู้กระทำ (2) ผู้ถูกกระทำ และ (3) บุคคลอื่นนอกจากผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ
การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท คือ การใส่ความซึ่งหมายถึง การยืนยันข้อเท็จจริงซึ่งอาจเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จ แม้แต่การเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้กับบุคคลอื่นฟังอยู่ในความหมายของคำว่า “ใส่ความ” เช่นกัน วิธีการใส่ความทำได้หลายวิธี เช่น พูดจา เขียนข้อความ วาดรูป ทำเครื่องหมายให้รู้หรือแสดงกิริยาท่าทาง หากแปลความหมายออกไปได้ว่าบุคคลที่สามนั้น ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ขาดความเคารพเชื่อถือ
คำพิพากษาฎีกาที่ 380/2503 จำเลยได้รับการบอกเล่าจากญาติของโจทก์ว่า โจทก์รักใคร่กับชายในทางชู้สาว นอนกอดจูบและได้เสียกัน ต่อมาเมื่อมีคนถามจำเลยในเรื่องนี้จำเลยได้เล่าข้อความให้ผู้ถามฟังตามที่ได้รับเล่ามา การกล่าวข้อความซ้ำอย่างนี้ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท เป็นการใส่ความต่อบุคคลที่สามให้ผลกระทบมาถึงโจทก์ ซึ่งเป็นผู้หญิงเสียชื่อเสียง
คำพิพากษาฎีกาที่ 4301/2541 สิทธิส่วนบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวย่อมได้รับความคุ้มครอง การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารกล่าวข้อความว่า “โจทก์มีปัญหาในครอบครัว ทะเลาะเบาะแว้งกัน มีปัญหากับพนักงานในสาขาถึงได้ถูกย้ายไปสำนักงานใหญ่คงอยู่ไม่ได้นานต้องถูกไล่ออก” ต่อ อ. ลูกค้าของธนาคารย่อมเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ที่ล่วงสิทธิส่วนบุคคลซึ่งข้อความดังกล่าววิญญูชนทั่วไปย่อมจะเข้าใจได้ว่า โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายสินเชื่อเป็นคนไม่ดีทะเลาะกับสามี มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานจนต้องถูกย้ายและกระทำความผิดร้ายแรงถึงขนาดจะถูกไล่ออกจากงานด้วย จึงเป็นข้อความที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังอันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ตามแนวคำวินิจฉัยของศาลไทย ข้อความที่ถูกผู้กระทำได้พูดจะจริงหรือไม่ ย่อมไม่สำคัญ แต่หากข้อความนั้น ทำให้ผู้ถูกพูดถึงถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ลดคุณค่าในตัวลง ผู้กระทำย่อมมีความผิดฐานหมิ่นประมาท
เมื่อเทียบกับกรณีที่นายมัสก์พูดถึงนายอันสเวิร์ธ ใครที่ได้ยินข้อความนั้น ย่อมทำให้คุณค่าของนายอันสเวิร์ธ ดูลดลง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังได้
กรณีหมิ่นประมาท นอกจากจะมีความผิดทางอาญาแล้ว ผู้กระทำยังต้องรับผิดทางแพ่ง โดยการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหาย
ในกรณีของนายอันสเวิร์ธ หากมีการฟ้องนายมัสก์ ที่ศาลไทย แม้ศาลไทยจะพิจารณาและวินิจฉัยว่า นายมัสก์ กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท และให้ชดใช้ค่าเสียหาย อาจมีปัญหาสำคัญในการบังคับคดีตามคำพิพากษา
คำพิพากษาของศาลไทยไม่อาจบังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์สินที่มีอยู่ในต่างประเทศได้ เนื่องจากเป็นการก้าวล่วงอำนาจอธิปไตยของประเทศนั้น
กรณีเดียวกันเมื่อดำเนินคดีในประเทศที่ต่างกัน ผลคดีอาจไม่เหมือนกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี