nn แม้ว่าตัวเลขการส่งออกทั้งปีของปี 2562ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่จะการประเมินของหลายสำนักคาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยปี’62 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.27-2.46แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวจากปีก่อนประมาณ 2.8-3.0% ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่หดตัว จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน (ซึ่งเพิ่งจะเริ่มมีแนวโน้มผ่อนคลายลงในช่วงปลายปี) และผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากกว่า 7-8% ซึ่งแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคเอเชียและมากกว่าคู่แข่งทางการค้าของไทยทุกประเทศ
อย่าได้แปลกใจและรู้สึกเบื่อหน่ายว่าทำไมข่าวของเรื่องการส่งออกยังคงยึดพื้นที่ในสื่อสารมวลชนได้อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพราะว่าสื่อทุกแขนงยังจำเป็นต้องนำเสนอข่าวของเรื่องการส่งออก เพราะการส่งออกนั้นยังต้องถือว่าเป็นเครื่องยนต์ตัวใหญ่ที่สุดที่ผลักดันเศรษฐกิจไทย เพราะมูลค่าการส่งออกคิดเป็น 60-70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ถ้าการส่งออกไม่ดีก็ยากที่ จีดีพีจะเติบโตได้ดี
แม้ว่ารัฐบาลหลายยุคหลายสมัยมาแล้ว จะมีความพยายามที่ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ให้พึ่งพาการส่งออกน้อยลงกว่านี้ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าจนถึงวันนี้ก็ยังทำไม่ได้ จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการส่งออกต่อไป
สำหรับภาพรวมของการส่งออกปีนี้นั้นหลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกมากขึ้น จากการที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน เริ่มเห็นแนวโน้มที่ผ่อนคลายลง หลังจากที่สหรัฐและจีนจะมีการลงนามในข้อตกลงทางการค้าในเฟสที่ 1 รวมทั้งภาพรวมของเศรษฐกิจโลกน่าจะเริ่มฟื้นตัว เมื่อประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกหลายประเทศ เริ่มออกมาตรการทางการเงินที่ผ่อนคลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ของไทย ก็เร่งเจรจาเพื่อเปิดตลาดการค้าใหม่ๆ และเร่งรื้อฟื้นข้อตกลงทางการค้ากับสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆที่หยุดชะงักไปก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยในปีนี้ก็ยังจะต้องเจอกับอุปสรรคที่สำคัญ นั้นคือการแข็งค่าของเงินบาทที่เกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน แม้ว่าหลายส่วนจะคาดการณ์ว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะไม่มากเหมือนปีก่อน แต่ก็ยังเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางที่แข็งค่า และยังแข็งค่ากว่าคู่แข่งทางการค้าของไทยอยู่ดี
นอกจากนี้ยังมีประเด็นใหม่ ที่เป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกของไทย นั้นคือ ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐและอิหร่าน ซึ่งหากยืดเยื้อ
และขยายวงกลายเป็นความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐ และภูมิภาคตะวันออกกลาง ก็จะกระทบต่อการส่งออกของไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผลกระทบทางอ้อมก็คือว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยลง จนกระทบกับการส่งออกของไทย ส่วนผลกระทบทางตรงนั้นก็มาจาก
แผนการเจาะตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ตั้งเป้าหมายทั้งตลาดตุรกี บาห์เรน เลบานอน และอีกหลายประเทศ ก็จะทำได้ลำบากมากขึ้นส่วนแผนการรื้อฟื้นตลาดส่งออกข้าวไทยในอิรัก ก็อาจจะต้องสะดุดลงอีกครั้ง เมื่อความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่านยังไม่ได้ข้อยุติ นอกจากนี้ ทั้งอิหร่าน และอิรักนั้น ไทยตั้งใจจะใช้เป็นช่องทางทางการค้า ไปสู่ตลาดทวีปแอฟริกา เมื่อช่องทางทางการค้ามีปัญหาก็ยากที่จะเข้าถึงตลาดได้
แม้ว่าผลจากสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ต่อการส่งออกของไทยจะยังประเมินออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่เบื้องต้นแน่นอนว่าจะส่งผลต่อการขยายตลาดส่งออกของไทย ในตะวันออกกลาง ทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ ข้าว และอาหาร นอกจากนี้ในระยะสั้น จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น จนกระทบต่อต้นทุนของเอกชน
โดยสรุปปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการส่งออกของไทยในปี’63 จะมาจากค่าเงินบาท มีการประเมินตัวเลขของการส่งออกปีนี้โดยอิงปัจจัยหลักจากค่าเงินบาทว่า หากเงินบาทไทยอยู่ที่ 30.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่งออกไทยโต 0-1% หากเงินบาทอ่อนค่าที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่งออกจะโตได้ 1.4% และหากอยู่ที่ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ การส่งออกไทยจะขยายตัวได้ถึง 4% แต่หากเงินบาทอยู่ที่29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ การส่งออกจะติดลบ 2.8% และหากอยู่ที่ 28.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่งออกไทยจะติดลบถึง 5
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี