วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
nn การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งต่างประเทศและในประเทศไทยขณะนี้ ทำให้โปรแกรมการท่องเที่ยวของใครหลายคนต้องพับเก็บไปก่อน รอให้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น เพื่อกลับไปสู่ภาวะปกติ ซึ่งได้ฝากความหวังไว้กับเป้าหมายการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ด้วยวิธีเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนไทยให้ได้ในสัดส่วน 70% ของประชากรทั้งประเทศในสิ้นปีนี้ตามแผนของสาธารณสุขที่วางไว้ และถึงแม้ผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้วก็จำเป็นต้องดูแลตนเองตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ดังนั้นหากให้ประเมิน “การท่องเที่ยวของไทย” ปี 2564 ยังคงเผชิญกับความยากลำบากที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว แม้รัฐบาลจะสามารถเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ไปได้และกำลังจะตามมาในอีกหลายจังหวัดที่มีความพร้อมและปลอดภัยมากเพียงพอ ตรงนี้เองจึงทำให้หลายฝ่ายพอจะมีความหวังว่าในไตรมาส 4 ของปีนี้ การท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นบ้างในบางพื้นที่ บนข้อแม้ว่าแผนการฉีดวัคซีนของรัฐบาลประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากการประกาศล็อคดาวน์พื้นที่เพื่อเร่งกำจัดวงจรการแพร่ระบาดให้หมดไปโดยเร็ว
หมุนตามทุน...อยากจะเสนอแนะแนวคิดว่า...ประเทศไทยน่าจะใช้ช่วงเวลานี้ “ลงทุน” กับการท่องเที่ยวของไทย...โดยเน้นไปที่เรื่องของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของไทย ในลักษณะของการพัฒนาเพิ่มศักยภาพให้แก่พื้นที่และชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งล้วนแต่มีอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างกันไป เพื่อให้รองรับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวให้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น ไม่ใช่แต่เน้นไปที่กลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวเดิมเพียงไม่กี่จังหวัดเหมือนที่ผ่านมา
ผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการเดินทางและการเลือกแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจะต้องปรับเปลี่ยนไป ดังนั้น จึงเป็นเองที่ถูกต้องและน่าสนับสนุนเป็นอย่างยิ่งที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. จะนำองค์ความรู้เรื่องการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกหรือGlobal Sustainable Tourism Criteria (GSTC) มาใช้เป็นคู่มือในการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาท่องเที่ยวสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนแต่ยังคงอัตลักษณ์และวิถีดั้งเดิมเอาไว้เพราะหากการท่องเที่ยวฟื้นตัว ความพร้อมเหล่านี้จะเป็นเครื่องจักรสำคัญในการช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ
วันนี้จากการทุ่มเทและทำงานมาอย่างต่อเนื่องของ อพท. จึงได้การตอบรับด้วยข่าวที่น่าชื่นใจแทนคนไทยทุกคนและสร้างความหวังความกระชุ่มกระชวยให้กับการท่องเที่ยวของไทย เพราะเมืองที่ อพท. เข้าไปผลักดันด้วยการพัฒนาและยกระดับ นั่นคือ จังหวัดเชียงราย และ จังหวัดเพชรบุรีได้รับเลือกจากคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโกประเทศไทย เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าชิงเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network-UCCN) ประจำปี พ.ศ. 2564 ซึ่งทางคณะกรรมการเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์โลกของยูเนสโก มีกำหนดการตัดสินและประกาศผลผู้ได้รับเลือกภายในปลายเดือนตุลาคมนี้
ทั้ง 2 จังหวัดนี้ นับเป็นตัวแทนของประเทศไทย เข้าชิงในหมวดหมู่ จังหวัดเชียงราย เสนอเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ (City of Design)และจังหวัดเพชรบุรีเสนอเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร (City of Gastronomy) โดยดูจากความโดดเด่น และประโยชน์ที่คนในพื้นที่และชุมชนจะได้รับ ซึ่งเป้าประสงค์ของการสร้างเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกนั้น ต้องการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศในชุมชนท้องถิ่น โดยได้เปิดโอกาสให้มีการเสนอความหลากหลายที่เป็นลักษณะเฉพาะของชุมชนท้องถิ่นใน 7 สาขา ได้แก่ หัตถกรรมพื้นบ้าน การออกแบบ ภาพยนตร์ อาหาร วรรณกรรม สื่อศิลปะ และดนตรี โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ ตามเป้าหมายวาระของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี 2030
สืบทราบมาว่าสาเหตุที่ อพท. เข้าไปพัฒนาและยกระดับให้กับทั้ง 2 จังหวัด ก็เพราะเป็นจังหวัดอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาการท่องเที่ยว (คลัสเตอร์) และ อพท. ได้ทำการศึกษา เพื่อเตรียมประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ จึงได้เริ่มเข้าไปพัฒนาทั้งแหล่งท่องเที่ยวและชุมชน โดยใช้เกณฑ์ GSTC เป็นหลัก และเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์โลก โดยร่วมมือกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ
“การเพิ่มขีดความสามารถด้านการท่องเที่ยวให้แก่ท้องถิ่นและชุมชน ถือเป็นภารกิจหลักของ อพท. และการวางเป้าหมายของความสำเร็จไว้อย่างชัดเจน จะทำให้เราทำงานได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งการจะได้รับเลือกเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์โลกหรือไม่นั้นคือการได้รับการยอมรับจากนานาชาติที่เห็นเป็นรูปธรรมจากความทุ่มเทให้กับการทำงานของ อพท. และถึงที่สุดคือชุมชนและท้องถิ่นได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานสากล นั่นคืองานและสิ่งที่ อพท.ภาคภูมิใจ” นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. กล่าว
จากนโยบาย ของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เน้นให้การท่องเที่ยวเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและเพื่อความยั่งยืนของการท่องเที่ยว อพท. ยังได้จัดทำแผนพัฒนาต่อเนื่อง ระยะ 5 ปี ให้กับทั้งเชียงราย และเพชรบุรี โดยเน้นที่การมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ให้แสดงถึงความโดดเด่น ทั้ง การเป็นเมืองด้านการออกแบบ ของจังหวัดเชียงราย และการเป็นเมืองด้านอาหารของจังหวัดเพชรบุรี เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาได้สัมผัสกับกลิ่นอายของความเป็นเมืองสร้างสรรค์อย่างแท้จริง
ที่ผ่านมา อพท. ได้ผลักดัน จังหวัดสุโขทัยเข้าเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้าน Craft and Folk Arts : 2019 ของยูเนสโกมาแล้วเมื่อปี 2562 โดยก่อนหน้านั้น ประเทศไทย มีเมืองที่ได้รับเลือกเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์อยู่แล้ว 3 แห่ง ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต (Gastonomy:2015)จังหวัดเชียงใหม่ (Craft and Folk Arts : 2017) และกรุงเทพฯ (Design: 2019)
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ที่คนไทยยังให้ความหวังว่าการท่องเที่ยวจะต้องได้กลับมาสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน และเศรษฐกิจไทยอีกครั้งอย่างมั่นคง เมื่อถึงโอกาส โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนของ “อพท.” เป็นอีกมิติหนึ่งของการท่องเที่ยวที่จะติดอยู่ในกระแสนิยมของนักท่องเที่ยวนับจากนี้ต่อไป การพัฒนา ยกระดับ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับชุมชนและท้องถิ่นในด้านการจัดการการท่องเที่ยว จึงถือเป็นภารกิจหลักของ อพท. และ 3 เดือนนับจากนี้ไป เรามาร่วมลุ้นไปพร้อมๆ กัน กับข่าวดีของประเทศไทยกับการเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์โลกของยูเนสโก แต่ระหว่างการรอคอยก็ขอให้ทุกคนตั้งการ์ดให้สูง รอคอยวันพลิกฟื้นของประเทศไทยไปพร้อมกัน...และนี่ถือว่าเป็นการลงทุนในภาคการท่องเที่ยวที่มาถูกทางแล้ว
กระบองเพชร

มันมาถึงจุดนี้ได้ไง!!! 'ชูวิทย์' ชี้ 'บิ๊กโจ๊ก' ไม่ยอมตายเดี่ยว! พ่วงระเบิดพร้อมพังทั้งองค์กร
ใครกันแน่ ไม่มีอารยะ! 'กรวีร์'ตอกหน้า'เพื่อไทย' ต้องทบทวนแนวทาง-ยกระดับตัวเอง
'เอกนิติ' รับปล่อย 'คนละครึ่งพลัส เฟส 2' ก่อนยุบสภา 'นายกฯ'ให้ศึกษาอยู่
โฆษกรัฐบาลเผยตัวเลขจับสแกมเมอร์ 38 วัน มูลค่า 3.5 หมื่นล้าน ชี้สถิติครึ่งปีแรก แค่พันกว่าล้าน
'สีหศักดิ์'รับเตรียมปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย 12 พ.ย.นี้ ปัดถูกสหรัฐฯ กดดัน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี