เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 หลายสื่อได้นำเสนอข่าว กรณีที่ชาวบ้านในหมู่บ้าน พื้นที่ หมู่ 1 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ร้องเรียนขอความเป็นธรรม หลังจากได้รับผลกระทบกรณีเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ ซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้านได้ถมที่ดินสูงกว่า 3 เมตร และก่อสร้างกำแพงปูนสูงในพื้นที่ จนสูงมิดหลังคาบ้านของชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านข้างเคียง ซึ่งอยู่มาก่อนเป็นเวลามากกว่า 10 ปี
การถมที่ดินดังกล่าวทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเวลาฝนตกจะมีน้ำดินโคลนไหลเข้าในบ้านเรือน ชาวบ้านเกิดความกังวลว่า กำแพงและดินที่ถมสูงอาจจะถล่มลงมาจึงได้รวมตัวกันร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ โดยหวังว่า จะต้องมีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือหลายหน่วยงานประสานงานกันช่วยเหลือพวกตน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมมหาดไทย และถวายฎีกาต่อสำนักราชเลขาธิการ 6 ครั้ง
ทางด้านเจ้าของที่ดินชี้แจงว่า ได้ขออนุญาตจากเทศบาลอย่างถูกต้อง และถมดินในระดับเดียวกับพื้นที่ด้านหน้าเท่าผิวถนน ชาวบ้านบางรายเห็นว่า เจ้าของที่ดินเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ จึงตัดสินใจแก้ปัญหาโดยประกาศขายบ้าน
ชาวบ้านบางรายไม่ได้ละทิ้งความพยายาม หลังจากที่ได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆมาไม่ต่ำกว่า 2 ปี จึงร้องต่อสื่อมวลชน เมื่อสื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าว ทำให้เรื่องนี้เป็นที่สนใจของผู้คน ทั้งเป็นการกดดันต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปในตัว เพราะคนส่วนมากต่างตั้งคำถามว่า ถมที่ดินสูงแบบนี้ได้หรือ? ทำไมถึงได้รับอนุญาต
จนเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีนี้ หลายฝ่ายได้ทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้ออกตรวจพื้นที่ “เราจะดำเนินการทางนิติศาสตร์ให้ถูกต้อง อะไรผิด อะไรไม่ถูกก็ต้องว่ากันตามกระบวนการ ไปดำเนินการให้ถูกต้อง เช่น การถมที่ดินและการควบคุมอาคาร...”
นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่า การขออนุญาตถมดินได้หมดอายุเดือนมีนาคม พ.ศ.2564 โดยเจ้าของที่ดินได้ขอขยายเวลาถมดินและก่อสร้าง แต่ทางอำเภอและเทศบาลลาดหญ้าเห็นว่า มีประชาชนร้องเรียนจึงสั่งระงับไว้ก่อน
เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรม จ.กาญจนบุรีลงสำรวจความเสียหายบ้านเรือน 10 หลัง บางหลังมีรอยแตกร้าวเป็นวงกว้าง สุ่มเสี่ยงที่จะพังถล่มลงมาได้ตลอดเวลา
ตำรวจจากศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ศปทส.ตร.) ลงพื้นที่ตรวจสอบว่า เข้าข่ายมีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ด้วยหรือไม่ หากพบ จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลดำเนินคดีผู้กระทำผิด
เจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจ.กาญจนบุรี ได้นำเจ้าหน้าที่ออกสำรวจและวิเคราะห์ความเสียหายที่เกิดขึ้น
ในที่สุด นายกเทศมนตรีได้นำหนังสือแจ้งเจ้าของที่ดิน ให้รื้อถอนแนวรั้วและตักดินออกจากแนวกำแพงด้านละ 4.5 เมตร ภายใน 15 วัน ตามคำสั่งของจังหวัด ซึ่งทางรองผู้ว่าฯ ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
สื่อมวลชนบางรายได้ตามเรื่องนี้ ชนิดที่เรียกว่าเกาะติดอย่างไม่ปล่อย เมื่อคำสั่งของทางราชการออกมาเป็นคุณต่อชาวบ้าน ชาวบ้านบางรายถึงขนาดร้องไห้ ทั้งกอดและขอบคุณสื่อที่เป็นกระบอกเสียงให้ จนหลั่ง “น้ำตาแห่งความปีติ” การต่อสู้ตลอดระยะเวลาสองปี เพิ่งประสบผลสำเร็จ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1335 กล่าวถึงเรื่องแดนกรรมสิทธิ์“ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้ หรือกฎหมายอื่น ท่านว่าแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นกินทั้งเหนือพ้นพื้นดินและใต้พื้นดินด้วย” กล่าวง่ายๆ คือพื้นที่เหนือพื้นดิน และใต้พื้นดิน ที่เจ้าของที่ดินมีสิทธิใช้สอยประโยชน์ได้ เช่น สร้างบ้านสูง ทำห้องใต้ดิน แม้เจ้าของจะมีสิทธิดังกล่าว แต่การใช้สิทธินั้นจะต้องไม่กระทำการให้กระทบต่อบุคคลอื่น
ข้อจำกัดของการใช้สอยแดนกรรมสิทธิ์หรือประโยชน์จากที่ดินของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น ยังต้องพิจารณาว่า จะอยู่ภายใต้กฎหมายใดหรือไม่ เช่นประมวลแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339-1355, พ.ร.บ.โทรเลขและโทรศัพท์ พ.ศ. 2477, พ.ร.บ.การเดินอากาศพ.ศ. 2497, พ.ร.บ.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2503,พ.ร.บ.การประปานครหลวง พ.ศ. 2510, พ.ร.บ. ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514, พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522, พ.ร.บ.ขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543
นอกจากนี้ สิ่งที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ควรต้องรู้ คือ ต้องไม่ทำหลังคาหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นที่ทำให้น้ำฝนตกลงไปยังทรัพย์สินของผู้ที่อยู่ติดต่อกันการสร้างบ่อ สระ หลุมรับน้ำโสโครก หรือหลุมรับปุ๋ยหรือขยะมูลฝอยนั้น ห้ามขุดภายในระยะ 2 เมตร จากแนวเขตที่ดิน
การถมดิน ส่วนฐานของเนินดินจะต้องห่างจากแนวเขตที่ดินของบุคคลอื่นหรือที่สาธารณะเป็นระยะไม่น้อยกว่าความสูงของเนินดินที่จะถมดินเว้นแต่จะได้มีการจัดการป้องกันการพังทลายของดินหรือสิ่งปลูกสร้าง โดยการรับรองจากผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธาตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร
ผลการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน สามารถแก้ไขปัญหาของชาวบ้านที่ร้องเรียนหน่วยงานตามกฎหมายมานานกว่า 2 ปี ให้แก้ไขได้เสร็จภายในเวลาเพียงแค่ 2 วัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี