บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทธนพิริยะ หรือ TNP ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสินค้า
อุปโภค-บริโภคที่ไม่ใช่อาหารสดภายใต้แบรนด์ “ธนพิริยะ” ณ สิ้นงวด 3Q64 มีสาขาทั้งหมด 36 ร้าน (29 ร้านอยู่ในจังหวัดเชียงราย, 5 ร้านอยู่ในจังหวัดพะเยา และอีก 2 ร้านอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่) บริษัทมีผลการดำเนินงานดีมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา (2558-2563) ด้วยยอดขายโตเฉลี่ย11% กำไรสุทธิโตเฉลี่ย 30% ทั้งยอดขายและกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง

มีความเป็นเอกลักษณ์

TNP อยู่ในสถานะที่กำไรจะโตได้อย่างแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเนื่องจาก i) ขายสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น ii) สาขาร้านส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดเชียงราย iii) จับตลาดได้ดี โดยมีร้านค้าชุมชนที่รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และร่วมโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 3 iv) มีโอกาสจะขยายสาขาได้อีก ทั้งในจังหวัดเดิม (เชียงใหม่ และพะเยา) และจังหวัดใหม่ ๆ (ลำปาง และลำพูน) ด้วยโอกาสที่จะขยายสาขาอีก 73 ร้าน และ v) ผลการดำเนินงานโดดเด่น เทียบเคียงได้กับ Modern trade ในตลาด ได้แก่ ROE ที่ 18%, Asset turnover ที่ 2.1X, และ D/E ที่ 0.3X (เทียบกับ Modern trade ที่ 24%, 1.8X, และ 3.2X ตามลำดับ)

คาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่

TNP กำลังเข้าสู่ช่วงการเติบโต และเราคาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในปี 2564-66 ด้วยอัตราการเติบโต CAGR ในอีกสามปีข้างหน้าที่ 24% จาก i) ยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 11% ต่อปี จากการขยายสาขาร้านอย่างต่อเนื่อง
และจับตลาดได้ดี ii) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 30-40bps ต่อปี ตามการเติบโตของยอดขาย (เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 1%)

จากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และรูปแบบการทำธุรกิจที่มีเอกลักษณ์และสามารถทำกำไรได้ เราจึงประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 7.00 บาท เราจึงเริ่มต้นศึกษาหุ้น TNP ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ, การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น, การบริหารสินค้าคงคลัง, การดำเนินงานสะดุด, disruption จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงจากการขยายสาขาร้าน และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)