nn แม้ว่าปีนี้หลายสำนักจะมองว่าเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจของ 3 ประเทศยักษ์ใหญ่ คือ สหรัฐอเมริกา จีน และสหภาพยุโรป ทรุดตัวเพราะต้องเผชิญกับปัจจัยลบหลากหลาย และส่งผลต่อภาวการณ์ลงทุนของหลายตลาดในโลกเกิดความผันผวน แต่สำหรับประเทศไทยหลายสำนักก็ยังมองว่ามีโอกาสในการแสวงหาแหล่งลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีได้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยจะยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัวต่อเนื่อง สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยถึงแนวโน้มทิศทางการลงทุนปี 2566 ว่าทางฝ่ายวิจัยมองกรอบดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ในปี 2566 ที่ระดับ 1,616-1,845 จุด บนสมมุติฐานอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2566 เท่ากับ 108.85 เติบโต 8-9% เมื่อเทียบกับปี 2565 พร้อมทั้งมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ปรับลดระดับความรุนแรงเป็นโรคประจำถิ่น ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มทยอยชะลอตัวเข้าสู่ระดับปกติ
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยยังมองปัจจัยบวกที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 อาทิ กรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow
ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.7% ใน 4Q65 สูงกว่าระดับ 2.7% ที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ขณะที่ค่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนธันวาคม 2565 ดีดตัวขึ้นและสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น อีกทั้ง ประเทศจีน มีมาตรการยกเลิกกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 หลังบังคับใช้มานาน 3 ปี รวมทั้งการที่จีนผ่อนคลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับโควิด-19 สู่ระดับ Category B จากระดับ Category A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด ขณะที่เกาะฮ่องกงประกาศเปิดพรมแดนที่ติดกับจีนแผ่นดินใหญ่อย่างเต็มรูปแบบก่อนกลางเดือนมกราคม 2566
จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปี 2565 ที่มีแนวโน้มใกล้เคียง 11.5 ล้านคน เมื่อรวมกับการท่องเที่ยวในประเทศ 175 ล้านคนต่อครั้ง จะทำให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท นับเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่ารวมในปี 2562
สำหรับปัจจัยทั้งในประเทศที่ต้องจับตา ต่อภาพรวมการลงทุนในปี 2566 อาทิ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวม 6 ครั้ง ในเดือนมกราคม มีนาคม พฤษภาคม สิงหาคม กันยายน และพฤศจิกายน นอกจากนี้ ยังแนะให้จับตาประเด็นการเมือง กรณียุบหรือไม่ยุบสภา รวมไปถึงการเลือกตั้งในประเทศ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่แม้ระดับความรุนแรงจะคลี่คลายแต่ก็ยังคงต้องให้ความระวัง
ขณะที่ปัจจัยที่ต้องจับตาต่างประเทศ อาทิ การกำหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 8 ครั้ง ในเดือนมกราคม มีนาคม พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม กันยายน ตุลาคม และธันวาคม รวมถึงตัวเลข GDP ของสหรัฐ กลุ่มประเทศยุโรป และจีน ส่วนปัจจัยลบนั้นมีการคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจะเริ่มต้นเกิดขึ้นประมาณต้นปี 2566 ซึ่งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีวาระคุกรุ่นหลายคู่ ทั้งยูเครน-รัสเซียสหรัฐ-จีน จีน-ไต้หวัน ที่อยู่ในระดับความเสี่ยงที่สูงขณะที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับเป้าหมายโดยคาดว่าที่ประชุมกนง.มีโอกาสทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2-3 ครั้ง จากระดับ 1.25%ณ ปลายปี 2565 สู่ระดับ 1.75% ถึง 2% ณ ปลายปี 2566ส่วนภาคการส่งออกไทย ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับปี 2566 จะมีการเริ่มเก็บภาษีขายหุ้นลดสภาพคล่องของนักลงทุนด้วย
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯให้คำแนะนำ ลงทุนในหุ้น 5 กลุ่มได้แก่ 1.กลุ่มหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปดีมีคืน ในปี 2566 ประกอบด้วย BJC, CPALL, MAKRO, CRC, COM7, SPVI, CPW, JMART, HMPRO,ZEN, M และ AU 2.กลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ ประกอบด้วย GPSC, BGRIM และ RATCH 3.หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงส์ประเทศจีนเปิดประเทศ ในวันที่ 8 มกราคม 2566 ประกอบด้วย MINT, CENTEL, ERW, SPA, AU และ SHR 4.กลุ่มหุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน ประกอบด้วย EA, TSE, SSP, SUPER และ PRIME และ5.กลุ่มหุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย EA, GPSC, BCP, OR และ DELTA
สำหรับ 4 หุ้นเด่นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่แนะนำให้ “ซื้อ” ได้แก่ 1.หุ้น SPA :ทยอยขาดทุนลดลง...ลุ้นพลิกมีกำไร แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ที่ราคาเหมาะสม 10.80 บาท โดยมองว่าลุ้นพลิกมีกำไรจากการที่จีนเปิดประเทศสนับสนุนจำนวนผู้ใช้บริการที่เป็นลูกค้าชาวจีนที่นิยมใช้บริการสปามีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการจัดการโควิด-19 สนับสนุนสาขาที่เปิดดำเนินการในประเทศจีน
2.หุ้น D : ฐานลูกค้าต่างชาติขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยแนะนำตาม “Bloomberg Consensus”ราคาเหมาะสมที่ 8.75 บาท โดยมองว่าฐานลูกค้าต่างชาติขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2566 รายได้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปี 2565 เนื่องจากฐานลูกค้าชาวต่างชาติจะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญจากการขยายตลาดเชิงรุกสู่กลุ่มลูกค้าชาวอาหรับซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและลูกค้ากลุ่มประเทศเดิมจากโซนออสเตรเลีย อเมริกา และยุโรปฟื้นตัว และได้รับประโยชน์ในระยะยาวจากนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น “Dental Hub” โดยคาดว่ากำไรปี 2566 อยู่ที่ 61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%YoY
3.หุ้น CEYE : ธุรกิจโฆษณามีแววสดใสหนุนกำไรปี’66 เติบโตต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 7.12 บาท โดยมองว่าธุรกิจโฆษณามีแววสดใสหนุนรายได้และกำไรปี 2566 ให้เติบโตต่อเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจโฆษณาและแผนขยายงานออนไลน์โปรดักชั่นในต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่ให้บริการเพียงภาพนิ่งเป็นหลัก ซึ่งได้รับอานิสงส์ตามการฟื้นตัวของธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้แบรนด์สินค้าต่างๆ ในหลากหลายธุรกิจเริ่มกลับมาใช้จ่ายด้านโฆษณามากขึ้น ส่งผลให้ปี 2566 คาดจะมีรายได้ประมาณ398 ล้านบาท เติบโต 10%YoY และจะมีกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 64 ล้านบาท เติบโต 19%YoY
4.หุ้น AU : ลุ้นสัดส่วนลูกค้าต่างชาติกลับสู่ระดับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยแนะนำตาม “Bloomberg Consensus” กำหนดราคาเหมาะสมที่ 13.20 บาท โดยมองว่ามีโอกาสที่สัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะกลับสู่ระดับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งแนวโน้มผลประกอบการปี 2566 จะเติบโตดี และยังคงมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องไปยังปี 2566 ซึ่งคาดสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะกลับสู่ระดับก่อนช่วงโควิด-19 ที่ราว 30-40%นอกจากนี้ ในช่วง 4Q65 ถึงปี 2566 บริษัทยังมีแผนการขยายสาขาเชิงรุก อาทิ ร้าน After You ในห้างสรรพสินค้า และในรูปแบบ Pop-up Store, Standaloneและ Marketplace, ร้านผลไม้ “ลูกก๊อ” (แบรนด์ใหม่)ตลอดจนการขยายแฟรนไชส์ไปยังกลุ่ม CLMV รวมทั้งหมดอีกราว 30 สาขา จากปัจจุบันที่มีทั้งหมด44 สาขา ทั้งนี้คาดว่าปี 2566 จะมีกำไรสุทธิ 204 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 65%YoY
** กระบองเพชร **
ข้อมูล : บล.โกลเล็ก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี