ยิ่งใกล้ถึงวันเลือกตั้ง ผลการสำรวจความคิดเห็นหรือที่เรียกกันติดปากว่า “โพลล์” ยิ่งมีมากขึ้นการเผยแพร่ผลสำรวจในแง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งถี่ขึ้น จนเป็น สารพัดโพลล์ สารพันผลเลือกตั้ง
นักการเมืองที่ได้รับผลสำรวจที่ดี จะรู้สึกมีกำลังใจ แต่นักการเมืองที่ได้รับผลสำรวจไม่ค่อยจะดี หรือไม่ดีเลย จะแสดงความคิดเห็นว่าเป็นเพียงแค่การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเพียงกลุ่มหนึ่ง ยังเชื่อถือไม่ได้ ต้องรอผลการตัดสินใจของประชาชนที่แท้จริง ในวันเลือกตั้งใหญ่
ปัญหาจึงมีว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นทางการเมือง หรือ ที่เรียกว่า โพลล์ จะมีความน่าเชื่อถือ และความเป็นไปได้สูงมากน้อยแค่ไหน
อย่างไ
การสำรวจความคิดเห็น เปรียบเสมือนการชิมแกงหม้อใหญ่ หากต้องการจะทราบว่าแกงหม้อใหญ่นั้น มีรสชาติอย่างไร ไม่จำเป็นต้องทานแกงให้หมดทั้งหม้อใหญ่ แล้วจึงจะตอบได้ เพียงแค่คนน้ำแกงให้เข้าทั่วกัน แล้วชิมเพียงแค่ช้อนเดียว จะสามารถตอบได้ว่า แกงทั้งหม้อมีรสชาติเป็นอย่างไร
หากคนน้ำแกงหม้อใหญ่ไม่เข้าให้ทั่วกันทั้งหมด เมื่อนำช้อนไปตักในส่วนที่เป็นพริก แล้วชิมจะรู้สึกเผ็ด เมื่อนำช้อนไปตักในส่วนที่เป็นน้ำปลา แล้วชิมจะรู้สึกเค็ม เพราะไม่ได้เป็นรสชาติที่แท้จริงของแกงทั้งหม้อ
อุปมาอุปไมยนี้ เปรียบเสมือนการสำรวจความคิดเห็นทางการเมือง ที่หากไปถามคนรุ่นหนุ่มสาว ส่วนใหญ่จะตอบว่า อยากให้พิธา หรืออุ๊งอิ๊ง เป็นนายกรัฐมนตรี หากไปถามคนตั้งแต่รุ่นวัยกลางคนขึ้นไป จนถึงสูงอายุ ส่วนใหญ่จะตอบว่า อยากให้ลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี วิธีการสำรวจความคิดเห็น ที่ไม่ได้คละแบบสอบถามคนที่มีอายุรุ่นหนุ่มสาว กับคนรุ่นวัยกลางคนจนถึงสูงอายุในสัดส่วนที่พอดี อย่างเหมาะสม ก็จะไม่ได้คำตอบที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง
มีตัวแปรหลายประการ เช่น หากการสำรวจความคิดเห็น ทำโดยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรืออินเตอร์เนต ที่คนรุ่นวัยกลางคนจนถึงสูงอายุ ไม่ค่อยมีความถนัดในการใช้งาน จะไม่ได้ความเห็นของคนกลุ่มนี้เท่าที่ควร ผลการสำรวจจะมีความคลาดเคลื่อนสูง และมีแนวโน้มจะออกมาว่า พิธามีโอกาสจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
นอกจากนี้แล้ว ตัวแปรที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การสำรวจความคิดเห็น ผลสำรวจที่ได้เป็นจะเป็นผลในวันที่ทำการสำรวจนั้นซึ่งอาจจะมีระยะเวลาก่อนวันเลือกตั้งอีกพอสมควร เช่น หนึ่งเดือนก่อนวันเลิกกัน สองสัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง
แต่พอถึงวันเลือกตั้งจริง ความรู้สึก ความรับรู้ข่าวสาร และอารมณ์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อาจเปลี่ยนแปลงไปไม่ตรงกับผลการสำรวจก่อนวันเลือกตั้ง คนที่ไม่ได้อยู่ในผลการสำรวจว่า จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี อาจเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง
การตั้งคำถาม ในแบบสอบถามเพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นนับว่า มีความสำคัญเช่นกัน เพราะอาจมีลักษณะเป็นการชี้นำ เป็นกับดักให้ผู้ที่แสดงความคิดเห็น ต้องตอบไปในทิศทางที่ผู้สำรวจความคิดเห็นต้องการ
รวมทั้งผลการแสดงความคิดเห็น ที่ไม่ได้ทำถูกต้องตามหลักวิชาการ ที่ทั่วถึงและเป็นสัดส่วนอย่างเหมาะสม อาจเป็นตัวชี้นำทางการเมืองเช่นกัน
ผลการสำรวจแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่ได้ทำด้วยความสุจริต โดยมีเจตนาแอบแฝง อาจมีความผิดตามกฎหมายได้หลายประการ เช่น
ความผิดฐานสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยมีเจตนาไม่สุจริต หรือเปิดเผยหรือเผยแพร่ผลการสำรวจ 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 72 และมาตรา 157 ระบุว่า
“มาตรา 72 การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะเป็นการชี้นำ หรือมีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนนเลือก หรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดจะกระทำมิได้”
“มาตรา 157 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 72 หรือเปิดเผยหรือเผยแพร่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการออกเสียงลงคะแนนในระหว่างเวลา 7 วัน ก่อนวันเลือกตั้งจนถึงเวลาปิดการออกเสียงลงคะแนน ต้องระหว่างโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ความผิดฐาน นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความเท็จ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบุว่า
“ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”
ความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ระบุว่า
“ผู้ใดใส่ความคนอื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระว่างโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ความผิดฐานละเมิด ที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 ระบุว่า
“ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแก่การนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริงแต่หากควรจะรู้ได้”
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศภาคีสมาชิกสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยเรื่องกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR)
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศฝรั่งเศส มีกฎหมายห้ามสิ่งพิมพ์และการออกอากาศการสำรวจความคิดเห็นเป็นเวลา 7 วัน ก่อนหน้าวันลงคะแนนสองรอบในการเลือกตั้งระดับชาติของประเทศ จนกว่าจะปิดการลงคะแนน(ภายใต้มาตรา 11 ของ Loi 77-808 du 19 Juillet 1977)
ประเทศสหราชอาณาจักร หรือที่เราจะเรียกอย่างคุ้นเคยว่า อังกฤษ มี พระราชบัญญัติการเป็นตัวแทนของประชาชน พ.ศ. 2543 (The Representation of the People Act, 2000) ห้ามเผยแพร่สิ่งพิมพ์ผลแสดงความคิดเห็นก่อนการเลือกตั้งเช่นกันและมีการกำหนดโทษอาญาผู้ฝ่าฝืนไว้ด้วยเช่นกัน (ปรับหรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน)
การกำหนดมาตรการจำกัดการเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นในเชิงได้เปรียบเสียเปรียบการเลือกตั้ง ภายใต้เงื่อนไข เวลา และกำหนดโทษทางอาญา สามารถกระทำได้ในแต่ละประเทศ ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักเสรีภาพระหว่างประเทศ
การเลือกตั้งและการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นสีสันของระบบประชาธิปไตย
หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัดสินใจไม่ดี ย่อมต้องทนทุกข์ทรมานจนกว่าจะเลือกตั้งใหม่ และเป็นการถูกลงโทษ
ในการตัดสินใจใช้สิทธิออกเสียงอย่างไม่ระมัดระวัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี