ศพ “ป้าบัวผัน” หรือ “ป้ากบ” หญิงวัยกลางคนถูกพบบริเวณบ่อน้ำข้างโรงเรียนอนุบาลศรีอรัญโญทัยอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีนายปัญญา คงแสนคำ หรือ ลุงเปี๊ยก สามีอายุ 56 ปีรับสารภาพกับตำรวจว่า ตนใช้เก้าอี้ทุบหัวนางบัวผันจนเสียชีวิต เนื่องจากเมาและเกิดทะเลาะวิวาทกัน ก่อนนำศพไปทิ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศจึงควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมกับนำตัวลุงเปี๊ยก ไปฝากขังที่ศาลเพื่อส่งตัวเข้าเรือนจำ จ.สระแก้ว
แต่หลักฐานวีดีโอภาพคลื่อนไหว ที่บันทึกจากกล้องวงจรปิดประกอบกันหลายจุด ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีที่ 11 ม.ค. 2567 พบว่าแท้จริงแล้ว ป้าบัวผันถูกทำร้ายร่างกายโดยกลุ่มเยาวชนอายุเฉลี่ยราว 13-16 ปี จำนวน 5 คน ที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ย่านซอยบำรุงราษฎร์ เขตเทศบาลเมืองอรัญประเทศ โดย 2 ใน 5 คน ดังกล่าวเป็นลูกของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวนคดี ที่ซ้อมทรมานลุงเปี๊ยกบังคับให้รับสารภาพ เป็นคนฆ่าป้าบัวผันลุงเปี๊ยกจึงเป็นแพะรับบาป อำพรางความผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติว่า เด็กที่อายุไม่เกิน (ต่ำกว่า) 12 ปี กระทำการความผิด ไม่ต้องรับโทษ ก่อนหน้านี้ กฎหมายกำหนดไว้ว่า ถ้าอายุไม่เกิน 10 ปี จะได้รับการยกเว้นโทษ แต่กฎหมายใหม่เปลี่ยนช่วงอายุเป็น 12 ปี ที่ต้องปรับจาก 10 ปีเป็น 12 ปี เพราะรัฐสภาต้องการให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ หรือ ข้อแนะนำทั่วไปของสหประชาชาติ ฉบับที่ 10 ที่ออกตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และสำหรับเด็กอายุเกินกว่า 12 ปี แต่ยังไม่เกิน 15 ปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลที่มีอำนาจดำเนินการมาตรการพิเศษ เช่น 1) ตักเตือนพร้อมบิดามารดาผู้ปกครอง 2) กำหนดเงื่อนไขควบคุมป้องกันการก่อเหตุซ้ำ และจำนวนเงินประกันไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหากเด็กฝ่าฝืน 3) ส่งเด็กไปสถานฝึกอบรม คุมประพฤติ โดยเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติเป็นระยะเวลานานสูงสุดได้ถึงอายุ 18 ปี และสำหรับอายุ 15-18 ปี ถ้าทำผิด ศาลอาจตัดสินลงโทษหรือไม่ก็ได้ ถ้าลงโทษ ให้ลงโทษกึ่งหนึ่ง แต่ถ้ายกเว้นโทษก็ให้กำหนดมาตรการฟื้นฟู ระยะเวลานานสูงสุดได้ถึงอายุ 24 ปี อายุ 18-20 ปี ถ้าทำผิดต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ แต่ศาลลดโทษ 1/3 หรือกึ่งหนึ่งได้ แต่ถ้าเป็นความผิดที่สร้างความเสียหาย ถือเป็นการละเมิดต่อผู้อื่น ก็ยังมีความผิดทางแพ่ง ที่ต้องชดเชยเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ซึ่งผู้ปกครองจะต้องมาร่วมรับผิดด้วย
นอกจากนี้ บิดามารดาของเด็กต้องร่วมรับผิดต่อความผิดที่เกิดขึ้น และมีโทษทางอาญา ซึ่งกฎหมายกำหนดเป็นมาตรการลงโทษโดย เจตนารมณ์ของกฎหมายนี้ ถือว่าพ่อแม่ต้องมีหน้าที่คอย สอดส่องดูแลบุตร ลูกหลาน ที่เป็นเด็กและเยาวชน ที่อยู่ในปกครอง จะอ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นในความผิดที่เกิดขึ้น และไม่ต้องรับผิดชอบด้วยไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
สำหรับประเด็นที่สังคมต้องการให้เปลี่ยนแปลงกฎหมาย จากเดิมเด็กที่กระทำผิดระหว่างอายุ 12-18 ปี ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่า ควรมีการพิจารณาคดีและลงโทษเยาวชนที่ก่อเหตุในครั้งนี้เช่นเดียวกับผู้ที่มีอายุเกินกว่า18 ปี เนื่องจากเด็กและเยาวชนผู้ก่อเหตุมี พฤติกรรมที่โหดร้ายทารุณ เพราะปัจจุบันการโอนการพิจารณาคดีจากศาลเยาวชนและครอบครัวไปเป็นศาลอาญา (ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดา) เป็นในเรื่องของการพิจารณาคดีเท่านั้น แต่ไม่เป็นเหตุให้ต้องรับโทษแบบผู้ใหญ่
การแก้ไขกฎหมายต้องมีการประเมินผลไประยะหนึ่งก่อนเพราะจากการศึกษาทางการแพทย์ เด็กอายุ 7-12 ปี เป็นเด็กประถมศึกษา ยังไม่มีพัฒนาการด้านร่างกาย การคิดวิเคราะห์แยกแยะถูกผิด หรือควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ที่นำไปสู่การก่อความรุนแรงหรือกระทำความผิด ดังนั้น กรมพินิจและคุ้มครองเยาวชน จึงต้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 12 ปี หากกระทำผิดก็จะเข้าสู่กระบวนการแก้ไขฟื้นฟู ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
ข้อมูลสถิติจากกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนไทยในช่วงปี 2566 พบว่าสถิติคดีอาญาที่ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กและเยาวชน เป็นเพศชาย 90% ช่วงอายุ อายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี การศึกษาในระดับมัธยมศึกษา มีการกระทำผิดมากที่สุด จำนวน 10,118 คดี และอายุเฉลี่ยของการกระทำผิดทางอาญาทั่วโลกคือ 14 ปี ตามข้อมูลสถิติของ Child Rights International Network ในกรุงลอนดอน
ในประเทศญี่ปุ่น มีคดีสะเทือนขวัญคดีหนึ่งซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนอายุ 18 ปี ก่อเหตุฆ่าและข่มขืนหญิงสาวและลูกน้อยวัยทารกอย่างโหดเหี้ยม ในที่สุดศาลญี่ปุ่นได้ตัดสินลงโทษ ประหารชีวิต แม้ว่ากฎหมายของญี่ปุ่นจะระบุว่า “โทษประหารจะถูกใช้กับผู้ก่ออาชญากรรมที่มีความร้ายแรง โดยเฉพาะการฆาตกรรมที่มีผู้เสียชีวิตหลายราย มีความเหี้ยมโหดส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรง หรือคนร้ายมีประวัติก่ออาชญากรรมมาก่อน” การฆาตกรรมที่มีผู้เสียชีวิตเพียง1 ราย ศาลมีแนวโน้มจะไม่ตัดสินประหารชีวิต โดยเฉพาะหากผู้กระทำผิดเป็นเยาวชนด้วยแล้ว โทษประหารมักจะถูกละเว้น แต่ในคดีนี้ศาลญี่ปุ่นได้ตัดสินลงโทษประหารชีวิต
ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก้ไขกฎหมาย โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 ลดอายุเยาวชนที่จะถูกลงโทษทางอาญาเทียบเท่าผู้ใหญ่จาก 14 ปี ลงไปอยู่ที่ 12 ปี เมื่อพิจารณาจากความผิดในข้อหาฉกรรจ์ เช่น การฆ่าคนตายโดยเจตนา, ทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนาจนทำให้เสียชีวิต หรือทำร้ายผู้อื่นอย่างรุนแรงโดยใช้วิธีการที่โหดร้ายเป็นพิเศษ ตลอดจนการข่มขืนหรือปล้นชิงทรัพย์ โดยมอบอำนาจการตัดสินใจในการใช้บทลงโทษให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานอัยการประชาชนสูงสุด
ประเทศสิงคโปร์ มีกฎหมายกำหนดให้ เยาวชนที่มีอายุระหว่าง 16-18 ปี ต้องได้รับโทษที่มีความรุนแรงเทียบเท่าผู้ใหญ่แต่โทษประหารชีวิตจะไม่สามารถกระทำต่อผู้กระทำผิดที่มีอายุขณะกระทำผิด ไม่เกิน 18 ปี ศาลจะใช้วิธีการลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแทน ทั้งนี้ การลงโทษโดย การเฆี่ยน สามารถกระทำได้ต่อเด็กและเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 7-16 ปี
ประเทศฝรั่งเศส กฎหมายสำหรับเด็กเเละเยาวชน กำหนดเกณฑ์อายุสูงสุดของความเป็นผู้เยาว์ ไว้ที่ อายุ 18 ปีดังนั้นหากบุคคลเหล่านี้ เเม้จะได้กระทำผิดอาญาที่ร้ายเเรงเพียงใดก็ไม่อาจนำตัวผู้กระทำความผิดไปพิจารณายังศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้ ในฝรั่งเศสการกระทำผิดที่ร้ายเเรงมากๆ การพิจารณาพิพากษาคดี เเละการกำหนดบทลงโทษจะมีความ
รุนเเรงแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความรู้ สำนึกในการกระทำผิดโดยมาตรการสูงสุดอย่าง “การจำคุก” หากเยาวชนอายุ 16 ปีเเต่ไม่เกิน 18 ปี ได้กระทำผิดซ้ำสองครั้งหรือมากกว่า หรือกระทำผิดอาญาร้ายเเรงหรืออาจถูกศาลพิพากษาให้จำคุก ไม่อาจนำความเป็นเยาวชนมาอ้างต่อศาลได้
ล่าสุดได้เกิดเหตุเยาวชน 5 คน อายุ 13-15 ปี ก่อเหตุปล้นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พัทยา ได้เงินเพียง 1,000 บาทเศษและแบ่งกันเพียงไม่กี่ร้อยบาท ยังไม่มีผู้เสียหายแสดงตัวจากนั้นได้ขี่จักรยานยนต์ตระเวนหาเหยื่อ จนมาปล้นนักท่องเที่ยวชาวคูเวต แต่โชคดีที่ไม่ได้ทรัพย์สิน เพราะชาวบ้านเข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และจับกุมเยาวชนได้เพียง 3 คน หลบหนีไปได้ 2 คน
การกระทำความผิดของเยาวชนที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะที่พัทยาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แม้คดีลุงเปี๊ยก ป้าบัวผันยังกระทบความรู้สึกของสังคม แสดงว่า กฎหมายอ่อนแอเกินไป ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะอาจมีผลต่อการตัดสินใจที่จะมาเที่ยวประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
กฎหมายเกี่ยวกับความผิดของเยาวชน จึงควรปรับปรุงแก้ไขในทันต่อเหตุการณ์และยุคสมัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี