“กางเกงช้าง ” คือ กางเกงที่มีชื่อเสียงของไทย มีลักษณะเป็น ผ้าพลิ้ว พิมพ์ลายภาพช้างสีขาวโดดเด่นและลวดลายประกอบรายรอบบนพื้นสีดำ รอบตัวกางเกง สันนิษฐานกันว่า ต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดในช่วงแรกๆ จะเป็นลักษณะนี้ รูปทรงกางเกงหลากหลาย ทั้งขาลอย ขากระบอก ขาจั๊ม ตามแบบแฟชั่นนิยม (ทำนองเดียวกับ กางเกงแมว)
แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ในยุคแรกเริ่ม เล่าขานกันว่าน่าจะเป็นบริเวณแถวแถบท่าช้างซึ่งเป็นทางเข้าชมภายในพระบรมมหาราชวัง ที่นักท่องเที่ยวทุกชาติจะต้องแต่งกายสุภาพอันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติวัฒนธรรมไทย ในการแสดงความเคารพสถานที่
บรรดาเหล่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่ สวมกางเกงยีนส์ แฟชั่นขาดวิ่น ทรงสามส่วนหรือขาสั้นอิสระตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ตัดสินใจเลือกที่จะซื้อ กางเกงช้าง ลวดลายท้องถิ่นแปลกตา และราคาไม่แพง ซึ่งวางขายอยู่รายรอบ พร้อมคำชักชวนแกมแนะนำธรรมเนียมปฏิบัติในการเข้าชม เพื่อการได้รับอนุญาตให้เข้าชมด้วยความราบรื่น
การนำกางเกงช้างมาสวมใส่ของบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย ไปยังในทุกๆ สถานที่ ตลอดเส้นทางท่องเที่ยวในประเทศไทย จนกระทั่งเดินทางกลับบ้านประเทศของพวกเขาเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นกระแสซอฟต์ พาวเวอร์ การมาเยือนประเทศไทยไปพร้อมกับโฆษณาสินค้า กางเกงช้าง ปากต่อปากอย่างเงียบๆ ไม่มีใครสนใจยอดมูลค่ารายได้จากการจำหน่าย ยกระดับขึ้นเมื่อบรรดาไอดอลชื่อดัง หรือศิลปินต่างชาติที่เดินทางมาไทย นำกางเกงช้างมาสวมใส่ จนเกิดกระแสนิยมแฟชั่นกางเกงช้างแพร่หลาย และกลายเป็นแฟชั่นกางเกงช้าง ผลิตไม่ทันกับความต้องการ
ไม่แปลกที่มีผู้สั่งผลิตกางเกงช้าง แบบที่นิยมขายในประเทศไทยจากประเทศจีนในราคาที่ถูกเพื่อนำมาขายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย เพราะกระแสความนิยมกางเกงช้างแรงมาก มีการประเมินว่า กางเกงช้างที่ขายอยู่ ผลิตในประเทศไทยเพียง 30% อีก 70% ผลิตจากประเทศจีน ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ กางเกงช้างที่ผลิตในประเทศไทย แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่จะมีคุณภาพดีกว่ามาก ทนทาน ไม่ขาดที่เป้าง่าย
รัฐบาลไทยได้กำหนดจัดกิจกรรมงานส่งเสริมการท่องเที่ยว THAILAND SOFT POWER X GUINNESS WORLD RECORDS™ CHALLENGE ในวันที่21-27 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีกิจกรรมเชิงประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอุตสาหกรรมกางเกงช้างในประเทศภายในงานดังกล่าว ด้วยการแข่งใส่กางเกงช้างมากที่สุดใน 1 นาที ท่ามกลางความเห็นต่างด้านงบประมาณที่เกิดภายในกลไกการทำงานของรัฐบาลเอง เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2567 คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในงานนี้ ได้แถลงข่าวประกาศลาออก ยกคณะ เพราะไม่เห็นด้วย
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายคน ได้แสดงความเห็นที่ห่วงใยว่า กางเกงช้างของไทย กำลังถูกเบียดแย่งตลาดจากกางเกงช้างที่ผลิตจากจีน ตามแบบกางเกงช้างไทย และยังได้แสดงความเห็นว่า ได้จดลิขสิทธิ์กางเกงช้างตามกฎหมายแล้ว
แม้ผู้บริหารประเทศจะมีเจตนาดี แต่สะท้อนให้เห็นว่า ยังขาดความเข้าใจในเรื่องกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา เพราะความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน เพียงแค่เริ่มใช้ ถือเป็นการประกาศโฆษณาที่ทำให้ได้รับความคุ้มครองแล้ว ในประเทศไทยรวมทั้งอีกหลายประเทศทั่วโลก ตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ การจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไม่ใช่เป็นการบังคับ ถือเป็นการจดแจ้งกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ และแสดงตัวว่า ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริง
ล่าสุดได้มีกางเกงแบบต่างๆ ตามสภาพท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง เช่น กางเกงไก่, ปลาแรด, หอย, ปู
สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลควรตระหนักคือ เจ้าของลิขสิทธิ์ผู้ออกแบบตัวจริง เป็นผู้เสียหาย หากเจ้าหน้าที่ตระเวนจับบรรดากางเกงทั้งหลายจากประเทศจีน โดยไม่มีผู้เสียหาย อาจเกิดปัญหาขึ้นได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี