ความเศร้าโศกคลี่ม่านเข้าปกคลุมอเมริกาอีกครั้ง เมื่อเกิดโศกนาฎกรรมขึ้นอีกครั้ง และเป็นความเศร้าอันเนื่องมาจากความอคติแห่งสีผิว สงครามระหว่างสีผิวในอเมริกาว่าเป็นปมปัญหาที่สะสมมาตลอด เหมือนขยะที่กวาดไปซุกไว้่ใต้พรมรูปธงชาติอเมริกา
วันร้ายคืนร้ายก็ประทุขึ้นมาอีกเป็นระยะ บ้านของลุงแซมนั้นมีปัญหาเรื่องการเหยียดสีผิวมาอย่างยาวนานตั้งแต่ใช้แรงงานทาสจนถึงช่วงสงครามกลางเมือง แม้จะมีความพยายามในการแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังปรากฎให้เห็นได้เหมือนรอยแผลเป็นที่ไม่มีวันเลือนจาง
ในบ้านลุงแซมมีกลุ่มคลั่งขาวที่เรียกตัวเองว่า คู คลักซ์ แคลน (Ku Klux Klan - KKK) อันเป็นองค์กรลับ แต่กลับเป็นที่รู้จักกันทั่วไป องค์กรนี้มีเเนวคิดเหยียดสีผิวเเบบสุดโต่งและมีจุดประสงค์เพื่อกําจัดคนผิวสี ยิว และคนที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิคให้หมดไปจากอเมริกาโดยก่อตั้งขึ้นในปี คศ. 1865
ว่างๆ ก็ออกมาล่าและฆ่าคนผิวดำอย่างโหดเหี้ยม ทั้งจับแขวนคอทั้งเผาบ้านทั้งขู่ แถมปาระเบิดใส่ก็หลายหนรวมไปถึงสมาชิกเคเคเคที่สวมหมวกอีกใบในหมู่ผู้พิทักษ์กฎหมาย ทั้งตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษารวมหัวกันพิจารณคดีอย่างไม่เป็นธรรม หากเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนผิวสี เรื่องนี้เคยเขียนถึงไว้แล้วในคอลัมน์นี้ยุคแรกๆ
จนมายุคมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้เป็นวีรบุรุษของคนผิวดำทั้งหลายเพราะเป็นผู้นำในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ แต่น่าเสียดายที่ความฝันของคิงถูกทำลายลงด้วยความรุนแรงแห่งอคติและความจงชัง จนทำให้ความฝันอันงดงามนั้นเปื้อนเลือด เพราะคิงถูกลอบยิงในปี คศ. 1968
ในขณะที่ ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เชื่อมั่นในสันติวิธีเรื่องการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของคนผิวดำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนผิวดำทั้งหมดเห็นด้วยการนโยบายแบบไม่นิยมความรุนแรงของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง เพราะในเวลาไล่เรี่ยกันนั้นเอง มีขบวนการต่อสู้เรียกร้องเพื่อสิทธิของคนผิวดำโดยเน้นการก่อการร้ายและความรุนแรงแข็งกร้าวในช่วงยุคปี 1960 โดยตั้งตัวเป็นกลุ่มแล้วเรียกตัวเองว่า “เสือดำ” หรือ Black Panther
กลุ่มเสือดำก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม คศ. 1966 ที่แคลิฟอร์เนีย ฮิววี่ นิวตันและบอบบี้ เสียล์ได้ก่อตั้ง ขบวนการเสือดำเพื่อป้องกันตนเองสำหรับคนผิวดำและออกหนังสือพิมพ์ในนาม “เสือดำ” อีกหกเดือนต่อมา โดยแนวคิดในการก่อตั้งได้รับอิทธิพลมาจากมัลคอม เอ็กซ์ ที่เน้นความรุนแรงเป็นทางแก้ไขปัญหาเพราะเห็นว่าวิธีการของดร.คิงที่ยืมมาจากมหาตมะ คานธีนั้น "อ่อน" เกินไป แนวของแก๊งค์เสือดำเลยออกมาแนวระเบิดภูเขาเผากระท่อมเราดีๆ นี่เอง
ขบวนการเสือดำมีแนวคิดหลักว่า คนผิวดำจะต้องเท่าเทียมกับคนผิวขาวและมีสิทธิ์ใช้กำลังป้องกันตนเอง หากถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือพวกเหยียดสีผิว เพราะความคิดแนว “พลังคนผิวดำ” ที่ให้เชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของคนผิวดำอย่างที่สุด
ต่อมาโลกเปลี่ยนแปลงไป ใครๆต่างก็นึกว่าไอ้สองกลุ่มนี้สลายตัวไปหมดแล้ว ทั้งกลุ่มสามเคและเสือดำแถมประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่นั่งแท่นมา 8 ปียังเป็นคนดำอีกต่างหาก แต่ผิดคาด เมื่อพณ.ท่านโดนัลด์ ทรัมป์มาโยนเชื้อไฟแล้วเป่าตูด กลุ่มเคเคเคก็คืนชีพเหมือนผีโผล่จากหลุม หลังจากทีแอบๆ ซ่อนๆ ก่อกรรมกับคนดำแบบเล็กๆ น้อยๆ มาพอแก้เซ็ง โดยกลุ่มสามเคประกาศลั่นอย่างดีอกดีใจว่ากลุ่มตนนั้นเป็นแนวร่วมทรัมป์
อย่าคิดว่าไอ้กลุ่มเสือดำจะไม่โผล่ จะว่าไปเสือดำตัวใหม่ก็สะบัดหางลับๆล่อๆ มาโดยตลอดนั่นแหละในท่ามกลางหมู่คนผิวดำที่เคียดแค้นชิงชังกับความไม่เป็นธรรมและการเลือกปฎิบัติที่ตนได้รับ ขณะนี้เชื้อเพลิงแห่งเกลียดชังประทุขึ้นอีกครั้ง โดยเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น 3 เหตุการณ์และทั้งสามเหตุการณ์มีความเชื่อมโยงต่อกัน
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา หนุ่มผิวดำชื่อ อัลตัน สเตอร์ลิง วัย 37 ปีใช้ปืนจี้คนที่ด้านนอกร้านค้าแห่งหนึ่งในเมืองบาตัน รูจ ในรัฐหลุยส์เซียน่า ตำรวจสองรายได้รับรายงานเลยซิวซะจนกระสุนพรุนร่างกลางเมือง ถือเป็นการวิสามัญ
ฆาตกรรมแบบโจ่งแจ้ง ชาวบ้านร้านถิ่นเลยถ่ายคลิปมาประจานลงในโซเชียลเนตเวิร์คให้มีประชาชนกว่า 200 คนออกมาชุมนุมประณามตำรวจด้วยความโกรธแค้น และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนผิวดำ ในคลิปเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต แสดงให้เห็นว่าตำรวจสองนายช่วยกันจับและกดร่างนายสเตอร์ลิงลงกับพื้นบริเวณด้านหน้ารถเก๋งคันหนึ่ง จากนั้นภาพในคลิปได้ถูกตัดไป ขณะที่ได้ยินเสียงปืนหลายนัดดังกึกก้องขึ้น ตามด้วยเสียงร้องอย่างตกใจ
ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้าแทรก วันต่อมาตำรวจรัฐมินนิโซต้าเรียกรถคันหนึ่งเพื่อหยุดตรวจในรถมีแฟนสาวและลูกสาวของฝ่ายหญิงนั่งมาด้วย ชายคนขับคือ ฟิลันโด คาสติล อายุ 32 ปี เป็นหัวหน้างานที่โรงอาหารในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ฝ่ายชายมีปืนและกำลังล้วงเอกสารมาแสดง แต่ตำรวจก็ควักปืนมายิงรัวไป 5 นัด แฟนสาวนั่งอยู่ในรถคันเดียวกับชายผู้ถูกยิงโพสต์วิดีโอความยาว 10 นาทีไว้บนอินเทอร์เน็ต แสดงให้เห็นว่าชายผิวดำโดนยิงมีรอยเลือดเต็มเสื้อต่อหน้าเด็กหญิงและผู้เป็นแม่โดยที่แฟนของฝ่ายชายถ่ายทอดสดแบบ Live ในเฟสบุ้ค
เหตุตำรวจยิงชายผิวดำเสียชีวิต 2 รายติดใน 2 วันโหมกระพือความเจ็บแค้นในหมู่คนผิวดำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกรณีล่าสุุดที่แฟนของเหยื่อโพสต์วิดีโอวินาทีสังหารลงบนอินเทอร์เน็ต แถมผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาโยงเหตุการณ์นี้เข้าสู่ประเด็นถกเถียงทางผิวสี ระบุว่าถ้าเป็นคนขาวคงไม่ถูกยิงตาย สงสัยผู้ว่าการรัฐคนนี้ผีคงเจาะปากให้พูดอย่างแน่นอน เพราะในเวลาแบบนี้ยังพูดจาเหมือนราดน้ำมันลงกลางกองเพลิงให้ลุกฮืออีกต่างหาก
การใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจกับคนผิวดำตามเมืองต่างๆ ตั้งแต่ เมืองเฟอร์กูสัน ในมิสซูรี ไปจนถึงบัลติมอร์และนิวยอร์ก จุดชนวนการประท้วงรุนแรงประปรายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และกระตุ้นให้เกิดขบวนการเคลื่อนไหว “ชีวิตคนดำมีความสำคัญ (Black Lives Matter)” ขณะที่ความโกรธแค้นทวีความหนักหน่วงขึ้น เมื่อพวกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์เหล่านั้นมักถูกชำระคดีหรือแม้กระทั่งไม่มีการตั้งข้อหาเลย
ทันทีที่เรื่องขมขื่นอันซ้ำซากเกิดขึ้นก็เกิดปฎิกริยา "ตาต่อตา" ขึ้นมาทันที มีการประท้วงในดัลลัสต่อต้านตำรวจอเมริกายิงคนผิวดำในวันที่ 7 กรกฎาคม โดยมีผู้เข้าร่วมการประท้วง 800 คน และมีกำลังตำรวจร่วม 100 นายถูกส่งเข้าไปดูแลในจุดพื้นที่ชุมนุม และบริเวณใกล้เคียง ปรากฎว่า มีกลุ่มสไนเปอร์ส่องยิงเฉพาะตำรวจจนดับไป 5 ราย บาดเจ็บอีก 7
ทางตำรวจเชื่อว่ากลุ่มปฏิบัติการมีอย่างน้อย 4 คน ซึ่ง 3 คนถูกควบคุมตัวไว้แล้ว และอีกคนที่เหลือยังเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจาบริเวณชั้น 2 ของตัวตึกลานจอดรถ ซึ่งสไนเปอร์รายนี้ตะโกนบอกตำรวจว่า
“ต้องการฆ่าคนผิวขาวให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะตำรวจผิวขาว”
สไนเปอร์รายนี้ชื่อ ไมคาห์ จอห์นสัน วัย 25 ปี ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม และเคยกดไลก์เพจ “พรรคเสือดำใหม่” หรือ New Black Panther Party จอห์นสันบอกกับตำรวจที่เข้าไปเจรจาว่ารู้สึกไม่พอใจที่คนผิวสีถูกฆ่า และต้องการแก้แค้นด้วยการฆ่าคนขาว โดยเฉพาะพวกตำรวจผิวขาว เหตุซุ่มยิงครั้งนี้ทำให้ตำรวจเสียชีวิตไป 7 นาย บาดเจ็บ 5 นาย และมีพลเรือนบาดเจ็บอีก 2 คน ก่อนที่จอห์นสันจะถูกตำรวจใช้ระเบิดหุ่นยนต์ปลิดชีพ
จากการตรวจค้นบ้านพักของจอห์นสันที่ชานเมืองดัลลัสพบอุปกรณ์ทำระเบิด, เสื้อกั๊กติดระเบิด, กระสุนปืน และบันทึกส่วนตัวที่มีข้อมูลเกี่ยวกับยุทธวิธีในการต่อสู้ พบภาพถ่ายที่กำลังชูกำปั้นขวาเลียนแบบขบวนการ Black Power Movement อันเชื่อมโยงกับขบวนการเสือดำ
ความไม่พอใจอย่างรุนแรงทำให้ประชาชนโดยเฉพาะคนผิวดำหลายพันคนออกมาเดินประท้วงบนถนนในเมืองต่างๆ เพื่อประณามเหตุตำรวจยิงชายผิวดำ 2 คนเสียชีวิตในสัปดาห์นี้ ผู้ประท้วงปิดกั้นถนนหลายเส้นในเมืองนิวยอร์ก แอตแลนตา และฟิลาเดลเฟีย ขณะที่กิจกรรมในเมืองซานฟรานซิสโกและฟินิกส์ก็ดึงดูดคนได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน
สโลแกนสวยหรูเรื่องความเท่าเทียมกันของลุงแซมดูเหมือนจะเป็นเพียงอมยิ้มเอาไว้หลอกเด็กมากกว่าจะเป็นไปได้จริงในทางปฎิบัติ เพราะในแต่ละปี ตำรวจมะริกันยิงคนร้ายเสียชีวิตปีละกว่า 1,000 ราย และส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุเป็นคนผิวดำ สิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมในบ้านตัวเองก็ยังกวาดไปซุกพรมอยู่จนฝุ่นคลุ้ง บางวันก็สะบัดออกมาเลอะเทอะไปทั้งบ้าน หากเป็นแบบนี้ อย่าได้สะเออะไปสั่งสอนหรือครอบงำประเทศอื่นเลย..อายตัวเองบ้างเถอะนะ..ลุงแซม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี