ผมเป็นคนที่ชอบดื่มน้ำมะพร้าวมากๆ เวลาเหนื่อยๆ หลังการเดินออกกำลังกาย ซึ่งผมพยายามเดินทุกวันให้ครบ 10,000 ก้าว เช่น ถ้าเดินระหว่างการทำงาน 2,000 – 4,000 ก้าว พอกลับถึงบ้านถ้าว่าง ผมจะพยายามเดินให้ครบ 10,000 ก้าว ถึงแม้บางวันต้องเปิดไฟเดิน เช่น จาก 20.00 – 21.00 น. แต่บางวันมีงานต้องไปตอนกลางคืน จึงเดินไม่ครบ 10,000 ก้าวในวันนั้น แต่เสาร์-อาทิตย์ ผมก็เดินเพิ่มจนเฉลี่ยเดินได้ครบ 10,000 ก้าวต่อวันตลอด 7 วัน วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการต่างๆ ผมจะเสริมให้พอสำหรับวันที่เดินไม่ครบ 10,000 ก้าว โดยมากช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดราชการ ผมจะเดินประมาณวันละ 15,000 – 20,000 ก้าว ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกแนะว่า ควรออกกำลังกายครั้งละ 30-60 นาที และออกกำลังกาย 5 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือ 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ถ้าเป็นการออกกำลังกายโดยการวิ่ง ถ้าทำได้ 30 นาทีต่อครั้งก็พอ แต่ถ้าเดิน ควรเดินอย่างน้อย 60 นาทีต่อครั้ง WHO ยังได้บอกอีกว่า มีผู้เสียชีวิตจากการไม่ออกกำลังกายหรือออกกำลังกายไม่พอ ถึง 3.2 ล้านคน ในโลกต่อปี ผมก็ขอฝากท่านผู้อ่านไว้เลยครับว่า ควรพยายามวิ่งหรือเดินทุกวัน วันละ 30-60 นาที ตามลำดับ
หลังการออกกำลังกายดังกล่าว ผมรู้สึกว่าการดื่มน้ำมะพร้าวที่หวานและเย็น จะทำให้ร่างกายสดชื่นมากและอร่อยมากด้วย รสชาติดีมาก เท่าที่ทราบ เพื่อนผมหลายคนชอบดื่มน้ำมะพร้าว แต่น้อยคนจะรู้ถึงสรรพคุณของน้ำมะพร้าวว่ามีอะไรดี หรือไม่ดี คนส่วนใหญ่มักทราบว่าน้ำมะพร้าวนั้นมี potassium (K, เกลือแร่ชนิดหนึ่ง) มาก และ potassium นี่แหละที่มีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตที่สูงจากฤทธิ์ของ sodium (Na) ได้บ้าง
น้ำมะพร้าวมีอะไรบ้าง? ใน 100 ซีซี ของน้ำมะพร้าวจะมีพลังงานเพียง 19 กิโลแคลอรี่ มีน้ำ 95% และ 4% เป็นคาร์โบไฮเดรท มีโปรตีน ไขมันอย่างละต่ำกว่า 1% และยังมีวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ อย่างละต่ำกว่า 10% ของปริมาณที่ควรจะรับประทานต่อวัน
ในน้ำมะพร้าว 100 ซีซี จะมีคาร์โบไฮเดรท 3.71 กรัม เป็นน้ำตาล 2.61 กรัม ใยอาหาร (dietary fiber) 1.1 กรัม มีไขมัน 0.20 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 0.176 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 0.008 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 0.002 กรัม มีโปรตีน 0.72 กรัม มีวิตามินตั้งแต่ thiamine (B1) 0.030 มก. 3% (ของปริมาณที่ควรรับประทานต่อวัน), riboflavin (B2) 0.057 มก. 5%, niacin (B3) 0.080 มก. 1%, vitamin B6 0.032 มก. 2%, folate (B9) 3 มก. 1%, choline 1.1 มก. vitamin C 2.4 มก. 3% ส่วนเกลือแร่มี calcium 24 มก. copper 0.04 มก., เหล็ก 0.29 มก., magnesium 25 มก., manganese 0.142 มก., phosphorus 20 มก., potassium 250 มก., selenium 1 มก., sodium 105 มก., zinc 0.10 มก. และมีน้ำ 95 กรัม
ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าสามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้ทุกวัน ไม่มีโทษ ไม่ทำให้อ้วน เพราะมีพลังงานเพียง 19 กิโลแคลอรี่ต่อ 100 ซีซี เป็นน้ำเสียส่วนใหญ่ มีวิตามิน เกลือแร่พอสมควร แต่ที่ต้องระวัง คือ น้ำมะพร้าวมี potassium มาก คือ 250 มก. หรือ 5% ของปริมาณที่ควรรับประทานต่อวัน มีเกลือ (sodium) 105 มก. หรือ 7% ของปริมาณที่ควรรับประทานต่อวัน ฉะนั้นไม่ควรดื่มน้ำมะพร้าวมากเกินไป (วันละ 1-3 ลูก น่าจะไม่มีปัญหา) ผมเองดื่มไม่เกิน 3 ลูกต่อวัน แต่ส่วนใหญ่จะดื่มเพียงวันละ 1 ลูก ถ้าชอบน้ำมะพร้าวสามารถดื่มได้ แต่ถ้าจะดื่มเพราะขาดน้ำ น้ำจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถูกสตางค์ ไม่มีน้ำตาล (ถึงแม้มะพร้าวจะมี 19 กิโลแคลอรี่ ต่อ 100 ซีซี) และไม่มีเกลือแร่ (ที่อาจเป็นโทษ ถ้าดื่มน้ำที่มีเกลือแร่มากไป) การดื่มน้ำมะพร้าวดื่มเพราะสดชื่น อร่อย หวานดี แต่ไม่ใช่ดื่มเพราะต้องการเกลือ เพราะในน้ำมะพร้าวมี Na น้อยกว่า K เพราะถ้าดื่มมากไป อาจทำให้ระดับ potassium ในเลือดขึ้นสูงได้ (hyperkalaemia) ทำให้เกิดไตวายเฉียบพลัน หัวใจเต้นผิดปกติ หมดสติ และถึงกับเสียชีวิตได้ แต่ในปริมาณ 1-3 ลูกต่อวันไม่น่าจะมีปัญหา ยกเว้นผู้ที่เป็นโรคอยู่แล้ว ฯลฯ
ผมค้นพบผู้ขายมะพร้าวที่น้ำมีรสชาติดีมาก หวาน สดชื่น ผมจึงดื่มทุกวัน (ถ้ามีมะพร้าว) ทั้งๆ ที่ปกติผมไม่ดื่มน้ำหวาน น้ำผลไม้ เลย ยกเว้นน้ำส้มที่คั้นเอง แต่ถึงกระนั้นน้ำส้มคั้นเอง 1 แก้ว ก็อาจต้องใช้ส้มถึง 7 ลูก ปกติส้ม 1 ลูก อาจมีพลังงานถึง 40-50 กิโลแคลอรี่ ฉะนั้น 1 แก้วจึงอาจมีพลังงานถึง 280-350 กิโลแคลอรี่ และน้ำผลไม้ที่เราซื้อมักจะมีน้ำตาลมากไป ทำให้อ้วนได้ง่าย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี