สหประชาชาติ ถือว่า Climate Change หรือ Global Warming หรือสภาวะโลกร้อน เป็นภัยคุกคามที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21(21st Century) นี้ ฉะนั้นพวกเราต้องทำความรู้จักกับมันให้เป็นอย่างดี และต้องช่วยกันหาทางป้องกัน ลด อยู่กับมันให้ได้ มากที่สุดที่จะทำได้ ด้วยเหตุนี้เองผมจึงพยายามนำบทความ หรือเขียนรายละเอียดในส่วนต่างๆ ของ Climate Change เพื่อให้พวกเราทุกๆ คน หรือมากที่สุดที่จะทำได้ เข้าใจและทุกๆ คนต้องให้ความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหานี้ เรา โลกเรา จะได้อยู่รอดได้ และลูกหลานเราจะได้ไม่ต้องทนทุกข์อยู่ในสภาพที่แย่มากกว่าปัจจุบันนี้
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (Fossil Fuel) เป็นแหล่งพลังงานสิ้นเปลืองหรือพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป (Non renewable energy)ที่เกิดขึ้นจากการทับถมของซากพืช ซากสัตว์ ประกอบกับความร้อนและความดันใต้ผิวโลก โดยใช้เวลานานนับล้านๆ ปี พลังงาน Fossilเป็นพลังงานที่สำคัญของโลก ได้ช่วยขับเคลื่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางบวกขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในทางลบด้วย เนื่องจากการเผาไหม้หรือนำเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์มาใช้นั้นก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ตลอดจนก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ไปสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งทำให้โลกร้อนขึ้น สำหรับเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ที่มีการนำมาใช้มากที่สุด ได้แก่ ถ่านหิน ปิโตรเลียม และก๊าซ
ถ่านหิน (Coal) เป็นเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ที่มีสีดำ หรือสีน้ำตาลดำ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 300 ล้านปีมาแล้ว เมื่อเฟิร์นขนาดใหญ่ มอส หรือพืชชนิดอื่นๆ ตายลงและทับถมกัน และเมื่อมันถูกปกคลุมไปด้วยดิน ทำให้พวกมันมีโอกาสสัมผัสกับออกซิเจนน้อยมากนอกจากนี้ความร้อนและความดันยังไล่ออกซิเจนและไฮโดรเจนซึ่งเป็นองค์ประกอบของซากพืชเหล่านี้ออกไป โดยเหลือคาร์บอนไว้ในปริมาณมาก กลายเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีปริมาณคาร์บอนแตกต่างกันไปถ่านหินที่มีปริมาณคาร์บอนมากก็จะให้ค่าพลังงานความร้อนมาก ซึ่งถ่านหินที่พบมีหลายประเภท เรียงตามระดับความลึกที่พบถัดจากผิวโลกลงไปได้ดังนี้ พีต (Peat) เป็นถ่านหินที่อยู่ตื้นที่สุดมีปริมาณคาร์บอนเป็นส่วนประกอบอยู่ 50-60% ลักษณะของถ่านหินชนิดนี้ยังมีซากพืชให้เห็นเป็นโครงสร้างอยู่ ลิกไนต์ (Lignite)เป็นถ่านหินที่มีสีน้ำตาลดำ มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบอยู่ 60-70% นอกจากนี้ยังมีกำมะถันและความชื้นสูง โดยมีความชื้นสูงมากกว่า 45%แต่มีคุณภาพต่ำ มักใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าในโรงงานไฟฟ้า บิทูมินัส (Bituminous) เป็นถ่านหินสีดำสนิท เป็นมันวาวมีคุณภาพสูง ให้ค่าความร้อนสูงกว่าพีตและลิกไนต์เมื่อเผาไหม้ เนื่องจากมีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 80-90% มีกำมะถันและความชื้นต่ำโดยมีความชื้นอยู่ต่ำกว่า 20% ใช้ในการถลุงโลหะหรือผลิตกระแสไฟฟ้านอกจากนี้ยังมีถ่านหินประเภทซับบิทูมินัส (Subbituminous) ซึ่งอยู่ระหว่างชั้นของลิกไนต์และบิทูมินัส โดยมีคุณภาพอยู่ระหว่างลิกไนต์และบิทูมินัส และมีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบอยู่ประมาณ 75-80%มีความชื้นประมาณ 20-30% แอนทราไซต์ (Anthracite)เป็นถ่านหินที่มีคุณภาพดีที่สุด เนื่องจากอยู่ชั้นลึกที่สุดจึงถูกแรงกดดันและความร้อนใต้ผิวโลกอัดจนทำให้เหลือแต่คาร์บอน โดยมีปริมาณคาร์บอนเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 90% ขึ้นไป มีความชื้นน้อยกว่า 15%ซึ่งถือว่าต่ำที่สุด ให้ค่าความร้อนสูง สำหรับในประเทศไทยยังไม่พบถ่านหินแอนทราไซต์ แต่จะพบเซมิแอนทราไซต์ซึ่งมีคุณภาพอยู่ระหว่างบิทูมินัสกับแอนทราไซต์
ปิโตรเลียม (Petroleum) เกิดจากซากพืชและซากสัตว์ในทะเล เช่น สาหร่ายและแบคทีเรีย ที่ตายลงมาเป็นเวลาหลายล้านปี และถูกทับถมเรื่อยๆ ภายใต้ตะกอน ทราย หรือโคลนตมที่มีระดับความสูงหลายพันฟุต ประกอบกับถูกอัดด้วยความร้อนและความดันใต้โลกทำให้สสารอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบ เช่น ออกซิเจน ไนโตรเจน กำมะถัน เหลือน้อยลง ดังนั้น ปิโตรเลียมจึงมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งประกอบไปด้วยคาร์บอนและไฮโดรเจนมันเป็นเชื้อเพลิงที่อยู่ในสถานะของเหลวอย่างน้ำมันดิบ และแก๊สอย่างแก๊สธรรมชาติ น้ำมันดิบ (Crude Oil) ประกอบไปด้วยสารประกอบไฮโดรคาร์บอนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือจะเป็นออกซิเจน ไนโตรเจน และกำมะถัน การจะนำน้ำมันดิบไปใช้จำเป็นต้องผ่านกระบวนการกลั่นลำดับส่วน (Fractional Distillation) เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติและนำไปใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกันออกมา ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นลำดับส่วน ได้แก่ น้ำมันเตาและยางมะตอย, น้ำมันหล่อลื่น, น้ำมันดีเซล, น้ำมันก๊าด, น้ำมันเบนซิน และแนฟทาหนัก, แนฟทาเบา และเชื้อเพลิงแก๊สหุงต้ม ตามลำดับ แก๊สธรรมชาติ (Natural Gas) เกิดจากซากพืชและสัตว์ขนาดเล็กที่ตายลงเป็นเวลากว่าล้านปีมาแล้ว โดยแก๊สจะแทรกตัวอยู่ตามชั้นหินลักษณะคล้ายกับน้ำที่อยู่ในฟองน้ำเปียกๆ มันเป็นส่วนผสมของแก๊สหลายๆ ชนิด เช่น มีเทน อีเทน โพรเพน แต่มีก๊าซมีเทน (CH4) เป็นองค์ประกอบหลัก แก๊สธรรมชาตินี้ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่โดยทั่วไปแล้วบริษัทผลิตแก๊สจะผสมสิ่งที่เรียกว่า Mercaptan ซึ่งมีส่วนผสมของกำมะถันเข้าไป ทำให้มันมีกลิ่นแปลกๆ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจจับเมื่อมีแก๊สรั่ว (แหล่งข้อมูล ทรูปลูกปัญญา 8 แหล่งพลังงานสำคัญของโลก สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2561)
โดยทั่วๆ ไป เมื่อเราพูดถึงพลังงาน Fossils เราหมายถึงถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี