ชีวิต คือ การบริหารความเสี่ยง ตั้งแต่เกิดจนตาย เราต้องเรียนรู้วิธีบริหารความเสี่ยงต่อปัญหาต่างๆ เหล่านี้ในชีวิตให้ได้ เพื่อผ่อนหนักเป็นเบา หรือหลีกเลี่ยงปัญหาไปเลย
สำหรับผม วิธีการที่ดีที่สุดคือ การป้องกัน เช่น ดูแลสุขภาพตั้งแต่ยังเยาว์วัย เพื่อที่จะไม่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร และจะได้มีสุขภาพที่ดีตอนสูงวัย ดูแลเรื่องการศึกษาที่สังคมต้องการ เพื่อที่จะมีงานรายได้ที่ดี แต่ยังต้องรู้จักการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักการออม การลงทุน โดยใช้สมองใช้เงินไปต่อเงินให้เราอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการดูแลสุขภาพ การป้องกันสร้างเสริมสุขภาพสำคัญมาก วิธีป้องกันโรคต่างๆ มีหลากหลายวิธี ตั้งแต่อาหาร ออกกำลังกาย นอนให้พอ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มไม่เกิน 2 หน่วยแอลกอฮอล์ของสหราชอาณาจักรต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง 1 หน่วยแอลกอฮอล์สหราชอาณาจักร คือ 8 กรัมแอลกอฮอล์ หรือ 25 ซีซีของวิสกี้ หรือไวน์ 80 ซีซี หรือเบียร์ 200 ซีซี ไม่ใช้สารเสพติด มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ตรวจสุขภาพเป็นระยะๆ และมีทัศนคติที่เป็นบวก ฯลฯ ส่วนใหญ่แล้ววิธีการต่างๆ ข้างบนนี้เป็นการป้องกันโรคชนิดต่างๆ ที่เราเรียกว่า โรคไม่ติดต่อ หรือโรค NCDs-non communicable diseases ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของชาวโลกถึง 70 กว่า%
ส่วนโรคติดต่อก็มีวิธีการป้องกันที่หลากหลาย เริ่มต้นด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อ(ถ้ามีวัคซีน) ตามที่แพทย์แนะนำ เป็นสิ่งแรก ตามด้วยการหลีกเลี่ยงเชื้อด้วยวิธีการต่างๆ
สำหรับโรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งมีอยู่ได้ในสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม (mammals) คือ สุนัข แมว ลิง ค้างคาว ฯลฯ ในประเทศที่เจริญแล้วมีการฉีดวัคซีนป้องกันให้สัตว์เลี้ยงอย่างดี จึงไม่มีโรคนี้ ทั่วโลกยังมีการเสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณปีละ 59,000 คน99% มาจากสุนัข ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย เพราะโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการเอาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในผู้ที่ยังไม่โดนสุนัขกัด (pre-exposure prophylaxis, Pr EP) แพทย์ไม่ได้แนะนำให้ประชาชนทั่วไปฉีด ยกเว้นสัตวแพทย์ และบุคลากรอื่นๆ ที่ทำงานใกล้ชิดกับสัตว์ที่อาจเป็นโรคนี้ได้ แต่ในความเห็นส่วนตัวของผม คนไทยมีความเสี่ยงต่อการถูกสุนัขกัดในชีวิตประจำวัน เพราะประเทศไทยมีสุนัขจรจัด หรือสุนัขที่อยู่ตามถนนทั่วๆ ไป วันดีคืนดีอาจมากัดเราได้ และถ้าถูกกัดถึงแม้ว่าสุนัขตัวนั้นอาจจะดูดี ดูไม่เป็นโรค เราก็ไม่สามารถทราบได้ ถ้าถูกกัดเราก็ต้องรีบไปโรงพยาบาล พบแพทย์ที่มีความรู้ทางด้านนี้ เพื่อการให้การรักษาที่เหมาะสม อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ทันที เพราะถ้าใครถูกกัด และไม่ไปพบแพทย์ทันที ถ้ามีอาการจากโรคพิษสุนัขบ้า จะต้องเสียชีวิตทุกคน ไม่มีการรักษา การป้องกันจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
การที่เราจะรอดูจนสุนัขตาย จะช้าไป หรือเราไม่สามารถที่จะติดตามสุนัขตัวนี้ต่อไปได้ เพราะเป็นสุนัขกลางถนน สมัยก่อนพูดกันว่ารอดูว่าสุนัขตายไหมภายใน 10 วัน ถ้าไม่ตายก็ไม่น่าจะเป็นโรคเดี๋ยวนี้แพทย์ไม่ให้รอแล้ว คนที่โดนกัดถ้าไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนต้องรีบไปพบแพทย์เลย หลังจากทำความสะอาดแผลทุกแผลด้วยการเช็ดล้างแผลด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อยแผลละ 15 นาที ไปพบแพทย์ แพทย์จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ให้ 5 เข็ม (post exposure prophylaxis, PEP) และอาจให้ RIG (rabies immunoglobulin) ที่ผลิตมาจากม้าหรือคนด้วย โดย RIG นี้ต้องฉีดรอบๆ และในแผลทุกๆ แผล
ผมเคยไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามา 3 เข็มนานมาแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องไปฉีด booster (กระตุ้น) dose อีก เพราะร่างกายมีความจำทางด้านเชื้อนี้ดีมาก ถ้าเราโดนสุนัขกัดเมื่อไหร่ เรารีบไปพบแพทย์ฉีด booster ที่แขนได้เลย 2 เข็ม ห่างกัน 3 วันโดยไม่ต้องฉีด RIG ที่ฉีดต้องฉีดรอบๆ แผล
และแล้วผมก็โชคไม่ดี โดนสุนัขกัดจนได้!? ที่แย่คือ ผมเดินในหมู่บ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด อยู่ดีๆ มีสุนัขตัวเล็กๆ 2 ตัววิ่งออกจากบ้านหลังหนึ่ง แล้วมากัดผมเลยทั้ง 2 ตัวจนเลือดออก แล้ววิ่งไป พอกัดเสร็จผู้ชายที่จูงสัตว์จึงค่อยออกมาจากบ้านขอโทษ อ้างว่าสุนัขตัวเล็กๆ 2 ตัววิ่งกระชากจนโซ่หลุด ปรากฏว่าสุนัข 2 ตัวนี้กัดคนมาแล้ว
4 คน เจ้าของน่าจะมีมาตรการดูแลสัตว์ให้ดีกว่านี้ ถึงแม้สุนัขได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้ว แต่ก็ไม่แน่นอน 100% ว่าจะไม่เป็นโรค
ในความโชคไม่ดีของผมก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ในการที่ผมชอบวางแผนล่วงหน้า ชอบป้องกัน ชอบบริหารความเสี่ยง จึงได้ไปฉีดวัคซีนตามที่ได้กล่าว (Pre EP) ผมจึงรีบทำแผลอยู่นานถูจนเจ็บแล้วกลับ กทม.เลย โดยได้โทรคุยกับคุณหมอที่สถานเสาวภาล่วงหน้าว่าควรปฏิบัติตนเองอย่างไร คุณหมอก็แนะนำตามที่ผมทำอยู่แล้ว ผมฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักอยู่แล้วทุก 10 ปี และครั้งสุดท้ายฉีดได้ไม่ถึง 4 ปี จึงไม่ต้องฉีดซ้ำ และไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะเพราะแผลดูสะอาด ผมกลับมา กทม.ฉีดวัคซีนเพิ่ม 2 เข็มโดยห่างกัน 3 วัน โดยไม่ต้องฉีด RIG รอบๆ แผลทุกแผล
จึงขอเรียนให้ทราบว่าถ้าท่านโดนสุนัขกัด แมวกัด จะต้องทำอย่างไร ส่วนตัวผมอยากแนะให้ทุกท่านที่เดินบนถนนพิจารณาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไว้ก่อน ถึงแม้จะต้องจ่ายเงินเอง ถ้าไม่ฉีดป้องกัน ถ้าถูกกัดจะต้องฉีดวัคซีน 5 เข็มอาจจะต้องฉีด RIG เป็นโปรตีนที่ทำจากม้า หรือคน ฉีดรอบๆ และในแผลทุกแผล และอาจมีอาการแพ้ได้ อาจต้องได้รับการฉีดป้องกันโรคบาดทะยัก ถ้าไม่ได้ฉีดทุก 10 ปี อาจจะต้องกินยาปฏิชีวนะ ซึ่งอาจมีอาการแพ้ยาได้เช่นผม
ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ ด้วยการวางแผน บริหารความเสี่ยงทุกอย่างในชีวิต
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี