“ทำไปเถอะ อยากทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น และถ้าจะพูดว่าห้ามหาเสียง ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะหากพูดว่าห้ามหาเสียง ก็ต้องพูดว่าหาเสียงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คำตอบคือควรจะมีความผิด แต่มันไม่มีความผิด ไม่มีโทษ ดังนั้น เอาเป็นว่า สิ่งที่เรียกว่าหาเสียง จะเริ่มก็ต่อเมื่อมี พ.ร.ฎ. ให้มีการเลือกตั้ง แล้วคิดค่าใช่จ่ายตั้งแต่วันนั้น ก่อนหน้านั้นไม่มีการคิดค่าใช่จ่าย วันนี้คุณจะขึ้นป้ายคัตเอาท์อะไรก็สามารถทำได้ แต่เมื่อมี พ.ร.ฎ. ให้มีการเลือกตั้ง ก็ต้องเอาลง”
1.นี่เป็น “สัญญาณ” จากมือกฎหมายคนสำคัญของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เสมือนเป็นการ “ปล่อยตัว”นักการเมือง ให้เริ่มออกวิ่งไปบนถนนแห่งการเลือกตั้งได้แล้ว
เมื่อนักข่าวขอความชัดเจนจาก “นายวิษณุ เครืองาม” อีกครั้ง ว่าการยกเลิกคำสั่งตามมาตรา 44 ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้ง 9 ฉบับนั้น พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ทุกอย่างใช่หรือไม่
รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า “ทำได้ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น กฎหมายรักษาความสะอาด กฎหมายความสงบเรียบร้อย แม้แต่การเชิญชวนให้เลือกพรรคก็สามารถทำได้ แต่เมื่อ พ.ร.ฎ. ให้มีการเลือกตั้ง ทุกอย่างจะเข้าสู่ระบบ และจะเริ่มคิดค่าใช้จ่ายกันตั้งแต่วันนั้น อะไรที่เคยคิดว่าอิสระ ก็ต้องมาดูแล้วว่ากติกาการหาเสียง ทางวิทยุ โทรทัศน์ ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ถือว่ายังไม่มีกฎเกณฑ์อะไร”
ครับ, หลังการให้สัมภาษณ์นี้เกิดขึ้น สื่อสารมวลชนต่างพากันพาดหัวข่าวในทำนองที่ว่า “คสช. “ปล่อยผี” พรรคการเมือง” มันจึงเป็นเรื่องที่อยากจะชี้ชวนมาทำความเข้าใจในคำว่า “ปล่อยผี” ที่จะ “ตีความ” กันเป็นเพียงแค่สำนวน หรือเราควรต้องคิดให้ไกลไปกว่านั้น
2.12 ธันวาคม 2561 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงของพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่า “พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ ชัดเจนฝ่ายประชาธิปไตยรวมแล้ว 300 เสียง ถ้าทะลุตามนี้จะมาเสนอนายกฯ แข่งได้อย่างไร มั่นใจว่าประธานสภาฯ เป็นฝ่ายประชาธิปไตยอยู่แล้ว ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่บอกว่าได้ 350 เสียง ต้องนับหลายครั้ง สมมุติพรรคพลังประชารัฐตั้งเป็นนายกฯ ก็เป็นสิทธิ แต่มันไม่ใช่ชนะในการตั้งรัฐบาลถาวร เพราะได้เพียง 200 เสียงจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าตั้งได้จะเจอกระทู้ญัตติ กระทู้สด นายกฯ ต้องมาตอบในสภาฯ”
นี่แหละครับ “ผี” ที่ถูกปล่อยตัวแรกของเรา เห็นชัดๆ ได้จากส่วนหนึ่งในการแถลงข่าวของ “อดีตดาวสภา” ที่ค่อยๆ ร่วงโรยความน่าเชื่อถือไปทีละน้อยๆ ผ่าน “ลีลา” ทางการเมืองของเขา
3. ผมก็ไม่แน่ใจว่า “เหลิมดาวเทียม” เอาความมั่นใจจากไหนมาประกาศ 300 ที่นั่ง และเหมารวม “พรรคแนวร่วม” เข้าควบรวมเบ็ดเสร็จ ด้วยคำว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” ที่หลายคนยังงุนงงกับคำจำกัดความกันอยู่ว่า พฤติกรรมการทุจริต ใช้อำนาจโดยมิชอบ เอาเปรียบทางการเมืองด้วยกลวิธีสารพัด รวมไปถึงการย่ำยีกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ทำให้เกิด “ความละอายใจ” ขึ้นเลยหรืออย่างไร แต่เอาเถอะ “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน” ฉะนั้น กลับมาที่เรื่อง “ผี” กันดีกว่า
ถ้านับรวมตอนนี้ แต่ละพรรคการเมืองมีการประกาศ “เก้าอี้” ของผู้แทนราษฎรในสังกัดออกมาเกินกว่าสภาฯ มีเก้าอี้ให้นั่งแล้วนะครับ จะด้วยการเรียกขวัญกำลังใจ จะกดดันคู่แข่งให้หวาดหวั่น หรือกระตุ้นให้ผู้สมัครในพรรคตัวเองกระตือรือร้น ก็เป็น “วิธีคิด” ที่ “เหยียบหัว” ประชาชนกันเกินไป ในเมื่อ “สิทธิ” ที่ควรจะมีความเป็นอิสระ ถูกนำไปแสดงความเป็นเจ้าของอำนาจล่วงหน้า ผ่านการจัดตั้งรัฐบาลตามใจปรารถนา โดยไม่ต้องสนว่า เจ้าของเสียงที่แท้จริงเขาจะต้องการอย่างไรกันแน่ แบบนี้มันไม่แฟร์นะครับ
4. “ผี” ตัวที่สอง ตัวนี้น่ากลัวมากครับ และไม่ใช่แค่โผล่มาตอนเลือกตั้งเท่านั้น มันวนเวียนอยู่ในบ้านเมืองของเรามานานนมแล้ว อยู่ที่ว่า “เขา” จะปล่อยตัวไหนขึ้นมาทำงานเท่านั้น สำหรับ “อนาคตใหม่” โดย “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรค เลือกตัวนี้ครับ
“อาวุธสุดท้ายที่ชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมเลือกใช้ เมื่อหยุดยั้งประชาธิปไตยไม่ได้ คือ รัฐประหาร เกิดวงจรอุบาทว์ ฉีกรัฐธรรมนูญ เขียนใหม่ ให้พวกตนเองมาควบคุม แล้วก็ปล่อย พอคุมไม่ได้ ก็รัฐประหารอีก รัฐประหารซ้ำซาก ไม่ได้มาจากประชาชนโง่ นักการเมืองไม่ดี สกปรก แต่รัฐประหารเพราะประชาชนฉลาดเกินกว่าที่พวกเขาจะควบคุมได้
...อนาคตใหม่มีนโยบายยุติวงจรอุบาทว์นี้ 3 เรื่อง คือ 1.ล้างมรดกบาป 2.เอาสิทธิและเสรีภาพประชาชนกลับคืนมา 3.ป้องกันไม่ให้คณะทหารยึดอำนาจอีก ซึ่งตลอด 5 ปีที่ คสช. เข้ามา ออกคำสั่งมากมาย ที่มีผลไปถึงชาติหน้า อนาคตใหม่จะทบทวนคำสั่ง คสช. อันไหนพอใช้งานได้ ต้องเปลี่ยนรูปเป็นกฎหมาย คำสั่ง คสช. ที่อยุติธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน ต้องถูกยกเลิกทันที ผู้เสียหายต้องได้รับการเยียวยา รัฐธรรมนูญ 2560 มาตราสุดท้าย 279ที่ให้การใช้อำนาจของ คสช. ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต ถูกต้อง คำสั่ง คสช. อยู่เหนือกฎหมายสูงสุด อนาคตใหม่จะยกเลิกมาตราสุดท้าย”
5. อ่านไปก็หลอนไป หลังเลือกตั้งมันจะไปอย่างไรกันนะ เมื่อฟากฝั่งหนึ่งก็ “ตั้งธง” จะล้มล้างระบบ กฎหมาย และคำสั่งต่างๆ ที่ คสช. กำหนด ด้วยความรู้สึกที่ว่า มันไม่ใช่ มันทำลายความเท่ากันของคนไทย ถ้าใครอยากอยู่ในสังคมที่ปราศจากความเหลื่อมล้ำ เราต้องไม่ต้อนรับ “พวกเผด็จการ” รวมไปถึงพวกที่เป็นบันไดให้พวกนั้นทำ “รัฐประหาร” เราก็จะไม่คบหาด้วย ดังนั้น ถ้าอยากให้บ้านเมืองเรามีประชาธิปไตย ต้องมากับเราเท่านั้น
ส่วนอีกพวกก็ประกาศยอมตาย “ต้าน” ระบอบทักษิณ เราจะปกป้องสถาบันฯ แคมเปญ “ไม่เลือกเราเขามาแน่” กลายเป็นวาระขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านวาทกรรม “แมวสีอะไร ขอให้จับหนูได้เป็นพอ” รวมไปถึงบางกลุ่มก็ “หัวหมอ” ประกาศขอเป็น “โซ่ข้อกลาง” พาประชาชนก้าวข้ามความขัดแย้ง แสดงตัวเป็น “พลังเงียบ” ที่ก็เงียบจริงๆ เงียบเป็นเป่าสากต่อปัญหาของบ้านเมืองมาโดยตลอด
ถ้า “การเมือง” บ้านเรายังนิยมใช้ “ผี” ตัวนี้ ชาวบ้านก็คงไม่มีเหตุผลอะไรดีๆ ที่จะสนับสนุนใครสักคนเข้าไปทำหน้าที่ “ตัวแทน” ของพวกเขา นอกเสียจาก “ความกลัว”
6.สำหรับ “ผี” ตัวสุดท้าย ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ แต่วุ่นวาย ไร้สาระ และน่ารำคาญ บางทีอาจกลายเป็นเรื่องที่สังคมมองเป็น “สีสันการเมือง” เสียด้วยซ้ำ แต่จะเป็นสีสันที่มันค่อนข้างจะเปรอะๆ ไปเสียหน่อย เพื่อให้มองเห็นเป็นรูปธรรม ขออนุญาตหยิบยกหนึ่งเหตุการณ์ขึ้นมา
เริ่มต้นที่ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” หนึ่งในสี่กุมารแห่ง “พลังประชารัฐ” ปล่อยประโยคสั้นๆ ออกมาว่า “ใครคือคุณเฉลิม ผมไม่รู้จัก” เท่านั้นแหละ “สารวัตรเหลิม” ก็หัวร้อนขึ้นมาทันใด พร้อมโต้กลับไปทันควัน “ผมมั่นใจว่า คนทั้งประเทศรู้จักผมมากกว่าคุณ”
ไม่ครับ, ไม่ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ผ่านไปสามวัน มีตัวละครใหม่โผล่ออกมา
เมื่อ “ธนกร วังบุญคงชนะ” โฆษกหนุ่มจากกลุ่ม “สามมิตร” แนวรบสำคัญของบ้านพลังประชารัฐ ก็ออกตัวมาพิทักษ์ “คนของเฮีย” อย่างเมามัน ดังนี้ “ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาพูดอย่างภูมิใจว่า คนทั้งประเทศรู้จัก ร.ต.อ.เฉลิม มากกว่านายสุวิทย์ แต่อยากให้ถามคนที่เขารู้จัก ร.ต.อ.เฉลิม ด้วยว่า เขารู้จัก ร.ต.อ.เฉลิม แบบไหน เชื่อว่าเกือบ 100% จะตอบว่าเขารู้จักในฐานะคนที่ชอบสร้างความขัดแย้งในสังคม ชอบใส่ร้ายป้ายสี ข่มขู่ผู้คน”
7.แน่นอนครับ หลังจากธนกร “ชกข้ามรุ่น” ตระกูล “อยู่บำรุง” ก็บุกพื้นที่ออนไลน์ทันที
“พรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกคณะกรรมการรณรงค์เฉพาะกิจในการหาเสียง คุณควรภูมิใจที่ผม โพสต์ ถึงคุณ เพราะนักการเมืองอย่างคุณ เปรียบเสมือนมวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น แต่คุณพยายามไต่เต้า ผมไม่ได้ดูถูกคุณ คนอย่างคุณน่ะ ตามผมไม่ทันหรอก คุณยกตัวอย่างว่า คนรู้จักผมน้อยกว่า นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ คุณเอาสมองส่วนไหนมาคิด ว่าคนรู้จักผมน้อยกว่า คุณพยายามเสี้ยม ยุยง ให้พรรคเพื่อไทยเกิดความแตกแยก พอเริ่มต้นทางการเมืองคุณก็มีพฤติกรรมอย่างนี้เสียแล้ว ผมพยากรณ์ไว้ว่า คุณจะเล่นการเมืองอย่างไรก็ไม่มีวันมีอนาคต การที่ให้สัมภาษณ์ก้าวก่ายมายังพรรคเพื่อไทย ต้องถือว่าคุณเผือก และขาดความรับผิดชอบ คุณจะทำอะไรในพรรคพลังประชารัฐ คุณก็ทำไป แต่อย่ามายุ่งกับพรรคเพื่อไทยเลย เพราะพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย ทางการเมืองมันคนละชั้น”
นี่ของ “คุณพ่อเฉลิม” ต่อมาคือของ “คุณลูกวัน”สั้นๆ แต่สมราคา “คุณธนกร วังบุญคงชนะ...มามามาเอาไปสิบบาทแล้วไปเล่นไกลๆ ตรงนูนไป๊!!!!!!! #มวยไม่มีราคาม้าไม่มีชั้น”
เป็นอย่างไรกันบ้าง วิวาทะในทำนองแบบนี้ คุ้นเคยกันดีใช่ไหมครับ
คือ มันอาจไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไรกับใคร แต่...เชื่อซิ!! การเมืองไทยสามารถไปได้ไกลกว่าจุดนี้
8.นี่เป็นแค่ตัวอย่างเพียงเล็กน้อย หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยอมถอย แล้วปล่อยให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่เส้นทางที่ควรจะต้องดำเนินไปในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ท้ายที่สุด ก็คงอยู่ที่การปล่อย “ผี” ของแต่ละพรรคการเมืองแล้วล่ะครับ ว่าจะเลือกให้แบบใดออกมา
“ผี” ที่เอาแต่ “หลอกหลอน” ด้วยความหวาดกลัว น่าสยดสยอง สร้างความหวั่นวิตก เป็นผลให้ประชาชนสับสน มึนงง และหลงทาง “ผี” ที่รอแต่จะโต้ตอบกันอย่างมันปาก ลากพาความสนใจไปในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ให้ต้องสิ้นเปลืองทั้งโอกาสและความหวัง หรือจะเป็น “ผีบ้านผีเรือน” ที่คอย “คุ้มครอง” ผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง และปกปักรักษา “ความสุขสงบ” ของคนในบ้านให้อยู่ดี กินดี และมีความสุข
มาเริ่มต้นศักราชใหม่ๆ ด้วย “การเมืองที่สร้างสรรค์”กันเถอะครับ
เชื่อเถอะ!! ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้ ถ้าเป้าหมายของพวกเรามองไปที่ดาวดวงเดียวกัน และดาวดวงนั้น มันควรจะเป็นความผาสุกของคนในชาตินะครับ-ผมว่า
อรรฆพันธ์ อภิรักษ์พงศ์
(แทนจิตรกร)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี