น่าประหลาดใจที่เวลาใครก็ตามพูดถึงเรื่องความสามานย์สารพัดสารเพของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้อหังการกล้าประกาศว่าจะตนเองอยู่ในตำแหน่งผู้นำรัฐบาลอย่างน้อย 20 ปี หรือเคยมุสาสารพัดเรื่อง ไม่ว่าจะแก้ปัญหาจราจรให้ได้ภายใน 6 เดือนหรือจะทำให้คนจนหมดไปจากประเทศไทย หรือแม้กระทั่งการอ้างว่าตนเองเป็นผู้ล้างหนี้สิน ปลดแอกให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากการเป็นหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund) ไม่ว่าใครก็ตามที่พูดถึงความเลวร้ายของทักษิณ ก็มักจะถูกคนที่เป็นฝ่ายทักษิณชี้หน้าประณามว่า ก้าวไม่พ้น ก้าวไม่ข้ามทักษิณเสียที บางคนอ้างอีกว่าคนที่ก้าวไม่ข้ามทักษิณเป็นคนที่กลัวทักษิณ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การพูดย้ำถึงความเลวร้ายของทักษิณมิใช่การก้าวไม่พ้นทักษิณ แต่เป็นเพราะต้องการตอกย้ำให้สังคมยอมรับความจริงในแง่ความสามานย์ของคนชื่อทักษิณ ชินวัตร
มีผู้ตั้งคำถามว่า จะไปเคียดแค้น ชิงชังอะไรกับทักษิณหนักหนา เพราะปัจจุบันเขาก็ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยอีกต่อไปแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับประเทศไทยโดยมีลมหายใจหรือไม่
ประเด็นสำคัญของผู้ที่กล่าวถึงความสามานย์ของทักษิณนั้น มิได้อยู่ที่ความเคียดแค้นชิงชังส่วนบุคคล แต่เป็นการพูดย้ำให้สังคมได้ตระหนักถึงผลร้ายแสนสาหัสอันเกิดขึ้นกับสังคมไทยด้วยน้ำมือและความโอหังของทักษิณ ทักษิณเคยประกาศแบบอหังการว่าจังหวัดใดหรือท้องที่ไหนที่เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคการเมืองของทักษิณ ประชาชนในจังหวัดนั้นจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ การประกาศแบบนี้เท่ากับเป็นการข่มขู่ว่า หากใครหรือจังหวัดไหนไม่เลือกพรรคการเมืองของทักษิณ คนในจังหวัดเหล่านั้นจะไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาลทักษิณ
ส่วนในเรื่องที่ทักษิณได้เคยพูดอยู่บ่อยๆ ในประเด็นที่ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยตีความได้ว่าเขาไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทักษิณกลายเป็นปลาหมอที่ต้องตายเพราะปากตัวเอง แม้ระยะหลังๆ นี้ทักษิณจะไม่ค่อยพูดจาให้ผู้คนตีความได้ว่าตนเองไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนเมื่อครั้งอดีต แต่วาจาอันเข้าข่ายจาบจ้วงล่วงละเมิดของทักษิณก็ยังฝังอยู่ในความทรงจำของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ
คนของฝั่งทักษิณจะโจมตีคนที่พูดถึงความสามานย์ของทักษิณว่า เป็นพวกที่อิจฉาริษยาในความร่ำรวยแบบมหัศจรรย์ของทักษิณ แต่เมื่อคนที่มีสามัญสำนึกฝ่ายดีได้ยินเช่นนั้นก็จะหัวเราะด้วยความสมเพชโดยทันที แล้วไม่ตอบโต้ใดๆ กับคนที่พยายามเบี่ยงประเด็นในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ต้องการเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เพราะคนที่มีสำนึกฝ่ายดีไม่สนใจว่าทักษิณจะรวยหรือจน เพราะความรวยหรือจนไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่ที่สนใจคือประเด็นที่ทักษิณรวยเพราะความไม่สุจริตมากกว่า
คนที่รู้จักความเป็นมาของทักษิณเป็นอย่างดี ต่างรู้ดีว่านักธุรกิจการเมืองผู้นี้อาศัยช่องทางของการมีอำนาจรัฐเป็นบันไดเพื่อกระโจนไปสู่ความมั่งคั่งโดยไม่สุจริต ในครั้งเมื่อทักษิณยังไม่มีอำนาจรัฐ เขาก็เข้าไปอาศัยเกาะแข้งเกาะขาผู้มีอำนาจรัฐบางรายเพื่อให้ผู้มีอำนาจรัฐที่เขาเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยหนุนส่งให้เขาสามารถแสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจได้ แต่จนกระทั่งวันหนึ่งทักษิณจึงก้าวเข้าไปเป็นผู้มีอำนาจรัฐเสียเอง เพราะรู้ดีว่าการมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ คือการทำให้ตนเองสามารถแสวงหาความมั่งคั่งได้อย่างไม่มีขอบเขต นั่นจึงนำไปสู่การทุจริตเชิงนโยบายดังที่วิญญูชนรับทราบเป็นอย่างดีแล้ว
ในวันที่ทักษิณมีอำนาจรัฐ เขาคือผู้กำหนดกติกาเพื่อให้เขาสามารถครอบครองผลประโยชน์อันไม่ควรได้อย่างมากมายมหาศาล เราพบมาแล้วว่าทักษิณกำหนดคุณสมบัติ และเงื่อนไขจนทำให้บริษัทของครอบครัวตัวเองกลายเป็นผู้ชนะการประมูลสัมปทานของรัฐ แล้วเมื่อเขาเหลิงในอำนาจรัฐที่ถือครองไว้ เขาก็ใช้กระบวนการในการออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเองอีก เช่น การยกเว้น หรือการไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้รัฐ หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เขาก็ใช้อำนาจรัฐเพื่อให้บริษัทของเขาจ่ายค่าสัมปทานน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือการโกงบ้านกินเมืองด้วยการใช้อำนาจรัฐโดยทักษิณ ซึ่งทำให้ประเทศชาติสูญเสียรายได้ปีละหลายหมื่นล้านบาท
ส่วนเรื่องที่ชาวไร่ชาวนาและเกษตรกรเข้าใจผิดคิดว่าทักษิณทำให้ราคาสินค้าการเกษตรของไทยมีราคาแพง ก็ต้องบอกว่าเป็นความเข้าใจผิด เพราะราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกขึ้นอยู่กับ demand and supplyของตลาดโลก หากตลาดโลกไม่ต้องการสินค้าเกษตรตัวใดแล้ว ต่อให้เป็นพ่อของทักษิณก็ไม่สามารถทำให้ราคาสินค้าเกษตรตัวนั้นมีราคาดีขึ้นมาได้ แต่นับว่าเป็นความโชคดีของทักษิณที่เข้ามาบริหารประเทศในยุคที่ราคาสินค้าเกษตร เช่น ยางพารามีราคาแพง เนื่องจากตลาดโลกมีความต้องการใช้ยางมาก นั่นคือความจริงในการตลาด แต่ทักษิณกลับบิดเบือนว่าตนเองคือผู้ทำให้ราคายางพารามีราคาสูงเกินกิโลกรัมละกว่า 100 บาท ซึ่งถ้าหากเป็นคนที่มีสติปัญญาและรู้หลักการตลาดเบื้องต้นแล้วจะไม่มีวันเชื่อคำโกหกของทักษิณเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ดีพอ แต่ชอบที่จะหลงเชื่อคารมลมของทักษิณ ก็จึงตกเป็นเหยื่อของทักษิณไปโดยปริยาย ส่วนคนที่รู้ทันทักษิณก็ต้องรู้ว่าในยุคทักษิณครองเมืองนั้น เขาได้ทำข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) สินค้าเกษตรกับสารพัดประเทศ แต่สุดท้าย FTA สินค้าเกษตรก็กลับเป็นตัวทำลายเกษตรกรไทย โดยเฉพาะการทำข้อตกลงนี้กับจีน จนสุดท้ายสินค้าเกษตรจากจีนทะลักเข้าไทยจนส่งผลให้เกษตรไทยล้มละลายไปเป็นจำนวนมาก
นอกจากเรื่องข้อตกลง FTA ที่ก่อปัญหาหนักให้กับเกษตรกรไทยแล้ว ทักษิณยังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายธุรกิจของการบินไทยด้วย ทุกคนไม่ปฏิเสธว่าในยุคแรกของการเปิดสายการบินแอร์เอเชียนั้น ทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วเมื่อสายการบิน low cost เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย คนไทยก็พบว่ามีการยกเลิกการให้บริการของการบินไทยไปทีละจังหวัดๆ แล้วให้สายการบินที่ทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปทำการบินแทน หลายคนวิจารณ์ว่าเส้นทางไหนที่บินแล้วขาดทุน การบินไทยก็บินต่อไป ส่วนเส้นทางไหนที่บินแล้วกำไร สายการบินโลว์คอสต์ก็เข้าไปบินแทน
เมื่อทักษิณและคนในตระกูลของทักษิณเข้าไปควบคุมกิจการต่างๆ ที่ได้สัมปทานผูกขาดจากรัฐไปแล้ว สุดท้ายทักษิณก็แก้กฎหมายเพื่อให้ตนเองหรือคนในครอบครัวชินวัตร-ดามาพงศ์ หรือบริวารของทักษิณขายทอดกิจการเหล่านั้นให้กับต่างชาติ โดยที่ทักษิณได้กำไรส่วนต่างจำนวนมหาศาล ซึ่งเรื่องนี้มีประจักษ์พยานชัดเจนกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็ก ของสิงคโปร์ วงเงิน 73,000 ล้านบาท
แน่นอนว่าคนของฝั่งทักษิณย่อมต้องบอกว่าทักษิณไม่ผิด เพราะทุกอย่างดำเนินไปตามกระบวนการของรัฐสภาโดยมีกฎหมายรองรับ แต่ข้ออ้างดังกล่าวใช้กับผู้มีปัญญาไม่ได้ เพราะผู้มีปัญญาทราบดีว่ากระบวนการทางรัฐสภาในยุคทักษิณครองเมืองนั้นเป็นเพียงแค่การใช้หุ่นกระบอกที่เป็นขี้ข้าทักษิณเข้าไปยกมือผ่านกฎหมายโดยแลกกับเศษเงินค่าจ้างจากทักษิณ
ทักษิณชะล่าใจหนักขึ้นทุกที เพราะคิดว่าอำนาจรัฐที่ตนเองยึดกุมไว้นั้นจะอยู่กับตนเองตลอดไป โดยไม่มีใครคัดค้านได้ ดังจะเห็นได้ว่าทักษิณมีข้ออ้างว่าตนเองชนะการเลือกตั้ง แต่ช้าก่อน ชัยชนะการเลือกตั้งไม่ได้หมายความว่าทักษิณได้รับการยินยอมจากประชาชนให้เข้าไปปล้นประเทศได้ ในที่สุดทักษิณก็หนีไม่พ้นความโลภและความหลงผิดในอำนาจรัฐ จนในที่สุดทักษิณก็ฆ่าตัวตายด้วยการซื้อที่ดินรัชดาภิเษก โดยอ้างว่าเมียซื้อ ผัวไม่รู้ แต่ข้ออ้างของทักษิณไม่เป็นที่ยอมรับของวิญญูชน เพราะในเมื่อผัวเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเมียซึ่งเข้าไปก้าวก่ายการทำงานของผัวเป็นประจำ ดังนั้น ผัวจะอ้างว่าเมียซื้อโดยผัวไม่รู้ได้อย่างไร ทักษิณย่ามใจหนักมากจนถึงขนาดประกาศให้วันหยุดสิ้นปีเป็นวันทำงานของราชการเพื่อให้การโกงการซื้อที่ดินรัชดาฯ ผ่านพ้นไปได้ โดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงข้อบังคับของกฎหมายใหม่ที่ต้องประกาศใช้ในปีต่อไป หลายคนจำได้ไม่ลืมว่า ราคาที่ดินที่เมียทักษิณซื้อได้นั้นถูกอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ราคาเดิมที่กองทุนฟื้นฟูฯ ซื้อไว้เกือบ 5 พันล้านบาท แต่เมียทักษิณจ่ายเงินเพียงไม่ถึง 800 ล้านบาทก็ได้ที่ดินผืนนั้นไปครอง
และทุกคนยังคงจำได้ดีว่าทักษิณโฆษณาชวนเชื่อว่าตนเองคือผู้ล้างหนี้ IMF ให้ประเทศไทย ทั้งที่จริงๆ แล้วคือคำโกหก เพราะคนรู้ทันรู้ดีว่าทักษิณได้สร้างหนี้ก้อนใหม่ด้วยการกู้เงินจาก Asian Development Bank (ADB) ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าไปชำระเงินกู้จาก IMF
ส่วนอีกเรื่องที่คนไทยไม่มีวันลืมคือ การซื้อขายที่ดินธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามแล้วเอาไปทำสนามกอล์ฟอัลไพน์ โดยเป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือระหว่างเสนาะ เทียนทอง กับทักษิณ ชินวัตร เรื่องผู้ว่า CEO เรื่องการแต่งตั้งญาติตัวเองเป็นผู้บัญชาการทหารบก รวมถึงการส่งนายกรัฐมนตรี cloning ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปทำหน้าที่แทนตัวเอง จนนำไปสู่การทุจริตโครงการจำนำข้าว ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายไปหลายแสนล้านบาท และทำให้ข้าวไทยมีปัญหาสาหัสตามมา
นี่เป็นแค่เพียงตัวอย่างของความสามานย์บางประการที่ทักษิณได้กระทำไว้กับแผ่นดินไทย ดังนั้นการพูดย้ำถึงความเลวร้ายของทักษิณจึงไม่ใช่การก้าวไม่ข้ามทักษิณ แต่คือการตอกย้ำให้เห็นถึงความชั่วช้าของทักษิณ โปรดเข้าใจด้วย ไม่มีใครห้ามหวงถ้าคนไทยบางคนจะรักทักษิณ แต่ขอให้อย่าลืมรักประเทศชาติ และอย่าลืมรักความถูกต้องชอบธรรมด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี