เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อึงมี่ เมื่อข้าราชการอัยการ ระดับรองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดี อัยการสูงสุด “ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม” แสดงจุดยืนความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ค ในท่ามกลางกระแสข่าวการเรียกร้องให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกรณี “ช่อ” สส.อนาคตใหม่เคยใช้สื่อโซเชียลโพสต์ข้อความและรูปภาพพาดพิง ลามปาม กระทบกระเทียบ “แซะ” สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง
ท่านรองอธิบดีฯ บอกว่า “ตอนเราเด็กเราก็คิดอย่างเด็ก พอเราโตเราคิดอย่างผู้ใหญ่ ทำไมต้องถอยหลังไปเล่นงานตอนเขาเป็นเด็กเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เพื่ออะไร ?”
1. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงรองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดี อัยการสูงสุด ความว่า
“ตามที่ท่านได้โพสต์เฟซบุ๊คของท่านว่า “ตอนเราเด็กเราก็คิดอย่างเด็ก พอเราโตเราคิดอย่างผู้ใหญ่ ทำไมต้องถอยหลังไปเล่นงานตอนเขาเป็นเด็กเมื่อ
9 ปีที่แล้ว เพื่ออะไร ?” นั้น
ด้วยความเคารพ ผมเห็นแย้งต่อข้อเขียนในโพสต์ดังกล่าวของท่าน และไม่เข้าใจในเจตนารมณ์ของท่าน ว่าต้องการสื่อเพื่อช่วยใคร ? แต่ถ้าเป็นบุคคลสาธารณะที่สังคมไทยกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ ที่กระทำการมิบังควรโดยโพสต์เฟซบุ๊คของตนหลายกรรม หลายวาระที่อาจกระทบต่อสถาบันนั้น อาทิ เมื่อ 25 พ.ย.2553, 5 ธ.ค.2553, 21 ม.ค.2554, 21 พ.ย.2556, 17 ก.พ.2557 และ 24 มิ.ย.2558 และอีกมากมาย ฯลฯ จึงไม่ใช่กรณีที่ทำไมต้องถอยหลังไปเล่นงานตอนเขาเป็นเด็กเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เพราะเมื่อ 9 ปีที่แล้วบุคคลดังกล่าวอายุ 22 ปี ซึ่งถือว่าบรรลุนิติภาวะโดยสมบูรณ์ทางกฎหมายแล้ว และเรียนจบปริญญาถือว่าเป็นบัณฑิตแล้ว ท่านยังมองว่าอายุขนาดนี้ยังเป็นเด็กอีกหรือ ?
ท่านเป็นนักกฎหมายย่อมทราบดีว่าคำว่า “เจตนา” ตามมาตรา 59 นั้นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ? และอายุความของ ปอ.มาตรา 112 นั้นมีระยะเวลาเท่าใด อย่าแสร้งทำเป็นคิกขุอาโนเนะอยู่เลย หรือว่าท่านเป็นพวกเดียวกันกับกลุ่มคนพวกนี้ที่ชอบกระทำการมิบังควรอยู่เสมอๆครับ”
2. ปรากฏว่า คอมเมนท์ใต้โพสต์ดังกล่าวในเฟซบุ๊คของอัยการปรเมศวร์เอง ได้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็น “ไม่เห็นด้วย” จำนวนมาก เช่น
Banphot Teerathana - โธ่อาจารย์ แล้วเขาจะมีอายุความไว้ทำไมเล่า งั้นจะสั่งยกเลิก การพิจารณาคดีเก่าที่ยังอยู่ในอายุความ การกระทำบ่งบอกถึงเจตนา การกระทำที่ไม่ดีเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ก็บ่งบอกถึงเจตนาไม่ดีเช่นกัน กรรมคือการกระทำ กี่กรรมก็ว่ากันไป
มนัสชา หมื่นจักร์ - อาจารย์ไม่เคยได้ยินหรือว่า ทำตามความฝันในวัยเด็กไงล่ะครับ แต่นี่ไม่ใช่เด็กแล้วครับ เขาเรียกว่าทำตามอุดมการณ์ที่ฝังลึกอยู่ในสมองครับ อาจารย์พอคิดได้ไหมครับ
Cynthia Aiemsaard - เวรกรรมของประเทศที่มีข้าราชการกระบวนการยุติธรรมคิดเช่นนี้ คนอายุ 22 จบปริญญาตรี ถือว่าเป็นปัญญาชนแล้วค่ะ เด็กอะไรอีก เวรกรรม!
Panat Thach Pavapirom - ยัง ยังไม่รู้ตัวอีก แก้ตัวน้ำขุ่นๆ น่าจะลาออกจากราชการไปสมัครพรรคอนาคตใหม่ดีกว่า ผู้คนมากมายวิจารณ์คุณแทนอีช่อแล้ว เป็นข้าราชการระดับสูง ยังอยู่ในราชการด้วย แต่กลับปกป้องคนที่คิดร้ายต่อสถาบันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนถึงปัจจุบัน คุณไม่ละอายต่อตำแหน่งหน้าที่ที่ทำอยู่หรือ?
Dhammatuch Jumpa -มันควรจะทำตั้งแต่แรกที่เขาปรากฏตัวในสังคม” ท่านกล่าวไว้ในโพสต์นี้ ผมถามว่าแล้วมันต่างกันตรงไหนเมื่อพฤติกรรมชั่วของ..
ช่อเพิ่งปรากฏต่อสังคม แม้พฤติกรรมชั่วนั้นจะผ่านมานานก็ตามที ? การที่สังคมจะประฌามพฤติกรรมชั่วของ..ช่อเพราะสังคมเพิ่งทราบเพิ่งเห็น ก็ย่อมถือเป็นเรื่องปกตินี่ครับท่าน มันไม่ใช่เรื่องโทสาคดีอะไรอย่างที่ท่านยกมากล่าวอ้าง และก่อนหน้าที่..ช่อจะปรากฏตัวต่อสังคม สังคมก็ไม่ได้เป็นคู่อาฆาต คู่ศัตรู คู่เคียดแค้น หรือเป็นคู่จ้องจับผิด...ช่อนี่ครับท่าน ฉะนั้นการยกคำว่า โทสาคดี ของท่านจึงฟังไม่ขึ้นด้วยประการทั้งปวง ผมไม่เชื่อท่าน ผมเชื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงสอนว่า “อย่าเชื่อทันทีทันใดเพราะผู้พูดเป็นผู้น่าเชื่อถือ แต่จงเชื่อด้วยปัญญาของตนเอง” ^^
Heng Jeer - แปลตาม...นะ ฉันทาคติ คือคนที่เป็นคนไทยเขารักพ่อของเขา เทิดทูนของเขา แล้วทำไม..กะ...ช่อไม่รักล่ะ โทสาคติ คนไทยเขาโกรธเพราะ...ช่อแสดงไม่ดีกับคนที่เขารัก ...ช่อไม่ได้เป็นคู่อาฆาต ศัตรู คนไทยแล้วก็ไม่ได้จ้องจับผิด มันแสดงออกมาเอง มันอยากดังเอง คิดว่าคิดนอกกรอบแล้วจะแสดงว่าตัวเองมีความสามารถ ภยาคติ คนไทยไม่ได้กลัวสถาบัน เขารักสถาบัน แล้วสถาบันก็มีแต่ปกป้องคนไทย รักคนไทย ช่วยเหลือคนไทยมายาวนาน โมหาคติ แล้วอยู่ดี...ช่อมาทำแบบนี้กับสิ่งที่คนไทยเขารัก เทิดทูนทำไม สถาบัน กับทหารปกป้องประเทศ ยอมตายเพราะที่จะรักษาแผ่นดินให้พวก... เนรคุณ แล้วถามว่า...ช่อไปโมโหอะไรสถาบัน สถาบัน และทหารทำไร...ช่อ กฎหมายก็คือกฎหมาย ความจงรักภักดี ที่กูมี ไปทำลายกฎหมายเหรอ หรือกฎหมาย สิทธิ ประชาธิปไตยที่พวก...กำลังกล่าวอ้าง ทำลายสิ่งที่กูรักกันแน่ ฯลฯ
3. ถ้าไล่ดูย้อนหลัง จะพบว่า รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดี อัยการสูงสุด “ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม” เคยแสดงจุดยืนความคิดเห็นทางการเมืองผ่านเฟซบุ๊ค
บ่อยครั้ง อาทิ
June 6 at 6:48 AM “ถ้าไม่มี สว.ที่ตั้งมา 244 ของ สส.คือชัยชนะของประชาชน เพราะงดออกเสียง 3”
จะเห็นว่า ความเห็นนี้ผิดไปจากข้อเท็จจริงมหันต์ เพราะ สส.ในสภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกพลเอกประยุทธ์ถึง 251 เสียง ถ้างดออกเสียง 3 ก็ยังเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอยู่ดี
ยังไม่นับที่ท่านเคยโพสต์เรื่องกาแฟแก้วละ 12,000 บาท กระทบกระเทียบถึงความพอเพียง ตอนที่มีเฟกนิวส์โจมตีรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
June 5 at 5:03 PM “เพราะเขาให้เป็น สว.จึงพิทักษ์เขา แต่มีสมองแค่ตำหนิเรื่องเสื้อผ้า ไร้สาระจริงๆ”
จะเห็นว่า ความเห็นนี้น่าจะโจมตี สว.
April 29 “ตกลงว่า กกต.ไม่ได้กำหนดวิธีคิดคะแนนบัญชีรายชื่อก่อนการเลือกตั้งเหรอครับ เตรียมพร้อมดีมากเลย เจริญระดับประเทศ”
จะเห็นว่า ความเห็นนี้น่าจะโจมตี กกต. ทั้งๆ ที่ วิธีการคำนวณนั้นระบุอยู่ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว
May 26 at 7:41 PM “ประชาธิปัตย์ก็แค่พรรคการเมืองธรรมดา อดอยากปากแห้งก็เป็นนะครับ หาเสียงมาสุดท้ายหน้ามือกลายเป็นหลังตีนกันทั้งนั้น”
จะเห็นว่า ความเห็นนี้โจมตีพรรคประชาธิปัตย์รุนแรง
ในทางตรงกันข้าม ก็เคยกล่าวถึงพรรคเพื่อไทยด้วยว่า
March 20 “มาประชุมที่ดานังแปลกใจมาก ทำไมต่างชาติภูมิภาคเอเชียถึงเชียร์พรรคเพื่อไทย”
ฯลฯ
น่าคิดว่า ข้าราชการอัยการระดับรองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดี อัยการสูงสุด แสดงท่าที ความเห็น จุดยืนทางการเมืองขนาดนี้ ถูกต้อง เหมาะสม ดีงามตามจริยธรรมอัยการแล้ว หรือไม่?
แม้ท่านอัยการปรเมศวร์ จะมีความสนิทสนมส่วนตัวกับประธาน กอ.คนปัจจุบัน แต่อัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด คณะกรรมการ กอ.จะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นแนวทางการปฏิบัติตนที่ถูกต้องงดงามแล้ว ควรปล่อยให้ดำเนินต่อไป สนับสนุนส่งเสริมต่อไป อย่างนั้นหรือ?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี