1. ทุกครั้งที่เห็นข่าวนายกฯ ลงพื้นที่ต่างจังหวัด เห็นโครงการลงทุนของเอกชนในต่างจังหวัด เห็นข่าวคราวความคืบหน้าโครงการพัฒนา ธุรกิจพาณิชย์ ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถของคนในต่างจังหวัด ฯลฯ มักจะดีใจ และเอาใจช่วยไปด้วยเสมอๆ
มันไม่ใช่แค่โอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมสำหรับคนต่างจังหวัด แต่มันคือโอกาสของประเทศ ที่หัวเมืองต่างจังหวัดมีศักยภาพจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปได้อย่างเต็มภาคภูมิในโลกยุคใหม่
2. ล่าสุด ได้ศึกษาข้อมูลจากการสำรวจวิจัยเชิงลึก Nielsen Retail Index โดยบริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด คุณสมวลี
ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ นำเสนอแจกแจงไว้หลายประการ
สะท้อนให้เห็นศักยภาพระดับสูงของหัวเมืองในต่างจังหวัดยุคนี้
ขอหยิบยกบางส่วน บางประเด็น มาเล่าต่อสั้นๆ เป็นตัวอย่าง ดังนี้
2.1 จังหวัดหัวเมืองที่จะกล่าวถึงนี้ กระจายไปใน 4 ภูมิภาคประกอบด้วย
ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ และเชียงราย
ภาคกลางและตะวันออก คือ ชลบุรี และนครสวรรค์
ภาคใต้ ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช สงขลา และสุราษฎร์ธานี
ภาคอีสาน อาทิ นครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี เป็นต้น
ทั้งหมดมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมากขึ้น นักการตลาดหรือแบรนด์ต่างๆ ต้องหันมาให้ความสำคัญ และไม่สามารถละเลยการทำตลาดในเมืองเหล่านี้ไปได้
2.2 กำลังซื้อในการจับจ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบัน การเติบโตเฉลี่ยในต่างจังหวัดสูงถึง 4.2% ขณะที่การเติบโตในเขตกรุงเทพฯ แค่ 2.4%
จำนวนประชากรกว่า 40% ของทั้งประเทศ กระจายอยู่ในพื้นที่เมืองรองเหล่านี้
รายได้เฉลี่ยของคนในเมืองรอง สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายได้รวมของคนทั้งประเทศไทยเกือบ 5%
จ.ระยอง มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนในพื้นที่สูงกว่าใน กทม. ถึงเกือบเท่าตัว
จ.ภูเก็ต คนในพื้นที่ก็มีกำลังซื้อไม่ต่างจากคนใน กทม.
2.3 ภายในปี 2025 คาดว่า ประชากรในเมืองรองเหล่านี้จะมีเพิ่มขึ้นอีก 1.1 ล้านคน
38% เป็นกลุ่ม New Gen ทั้งชาวมิลเลเนียล หรือ Gen Z ที่มีอายุระหว่าง 12-39 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อหลักในสินค้าทั่วไป และคาดว่าสัดส่วนของคนกลุ่มนี้จะเติบโตเพิ่มมากขึ้นในอนาคตเป็น 77%
หมายความว่า ในจังหวัดเมืองรองเหล่านี้จะเป็นมีกลุ่มกำลังซื้อสำคัญในตลาดประจำอยู่
2.4 ค่าเฉลี่ยการเข้าถึงอินเตอร์เนตของประชากรไทยทั่วทั้งประเทศมีสัดส่วน 63%
แต่การเข้าถึงอินเตอร์เนตของกลุ่ม New Gen ครอบคลุมเกือบ 100%
เพราะฉะนั้น ความสามารถในการเข้าถึงอินเตอร์เนตของคนในเมืองรองจึงไม่ได้แตกต่างจากคนใน กทม.
แม้เวลาเฉลี่ยที่อยู่บนโลกออนไลน์อาจจะน้อยกว่าที่ 2-3 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับใน กทม. และปริมณฑลที่ใช้เวลามากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน แต่แนวโน้มการใช้เวลาออนไลน์ของคนในพื้นที่เมืองรองมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2.5 สิ่งที่นักการตลาดต้องตระหนัก คือ ผู้บริโภคแต่ละภาคจะมีคาแร็กเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ไม่ใช่จะพัฒนามาเหมือนผู้บริโภค กทม.ทั้งหมด
ในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน เริ่มมีความคล้ายคลึงกับ กทม. ค่อนข้างมาก ทำให้เห็นว่าธุรกิจร้านกาแฟหรือห้างสรรพสินค้ามีการเติบโตและขยายตัวค่อนข้างมาก และเริ่มมีลักษณะเป็น Single Family เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าภาคอื่นๆ ดังนั้น หากจะนำไลฟ์สไตล์ที่เกิดขึ้นและเป็นที่นิยมใน กทม. ขยายไปภูมิภาคอื่นๆ ภาคเหนือและภาคอีสานน่าจะให้การตอบรับได้ดีกว่าภาคอื่นๆ
ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก มีการผสมผสานวัฒนธรรมจากแต่ละแห่ง เพราะในพื้นที่นี้มีทั้งคนไทยที่อาจจะย้ายถิ่นฐานเข้ามาเพื่อทำงาน หรือกลุ่ม Expat ที่จะมีหลายเชื้อชาติมากยิ่งขึ้นทุกวัน ทำให้ในอนาคตพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกจะเป็น Mixed Culture และมีความแตกต่างจากคัลเจอร์ของประเทศไทยโดยรวมโดยสิ้นเชิง เป็นพื้นที่มีกำลังซื้อสูง แต่ก็เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายที่สูงมากด้วย
ภาคใต้ จะมีความเป็นอัตลักษณ์ที่ชัดเจนสูงมาก มีแบรนด์ลอยัลตี้ และมีความภาคภูมิใจใน Culture Local ที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งมีกำลังซื้อสูงด้วยเช่นกัน แต่น่าสังเกตว่า พัฒนาการในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาของภาคใต้แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ คือ การขยายตัวไปสู่ Single Familyมีไม่สูงเหมือนในพื้นที่อื่นๆ คนใต้ที่เติบโตและแยกครอบครัวออกไป ส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะปลูกบ้านอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับครอบครัวเดิมหรือเครือญาติ จะมีความเป็นครอบครัวใหญ่มากกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ
น่าคิดว่า เวลาจะทำธุรกิจ ทำการตลาด จึงต้องมีรายละเอียดแตกต่างกันไปจึงจะสอดคล้อง ต้องเข้าใจลักษณะเฉพาะของผู้บริโภคแต่ละพื้นที่
2.6 ผู้บริโภคในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เล็กกว่า
ในภาคใต้ สินค้าพรีเมียมมีการเติบโตที่ดี
แต่ในอนาคต จากโครงการพัฒนาต่างๆ มีโอกาสที่ผู้ผลิตจะผลักดันให้เกิดการซื้อสินค้าพรีเมียมในภาคอื่นๆได้
3. ข้อมูลข้างต้น มาจากการสำรวจวิจัยเชิงลึกของบริษัทเอกชนผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยตรง
สอดรับกับข้อมูลพื้นฐานในเชิงมหภาค ที่นโยบายของภาครัฐเองในระยะหลัง จะเห็นทิศทางที่มุ่งไปสู่การพัฒนาในต่างจังหวัด โดยเฉพาะตามหัวเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟ สนามบิน มอเตอร์เวย์ รถไฟฟ้าในหัวเมือง ฯลฯ รวมไปถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจต่างๆ
4. หลังจากนี้ไม่กี่เดือน จะมีการเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ
ถือว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ในช่วงระยะเวลาที่หัวเมืองต่างจังหวัดกำลังแผ่ศักยภาพสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
เราคงจะได้เห็นการชิงชัยของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามเลือกตั้งระดับนี้
แน่นอนว่า ใครจะเป็นผู้ชนะ ย่อมต้องตระหนักรู้ถึงศักยภาพ พฤติกรรม และรสนิยมของคนในหัวเมืองเหล่านี้ ซึ่งมีความแตกต่างกันไป ดังที่กล่าวมาแล้วนั่นเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี