คำพิพากษาของศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลใด ทุกฝ่ายจะต้องเคารพ
หากไม่เห็นพ้อง ผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องก็จะต้องใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไป
สุดท้าย ผู้มีอำนาจหน้าที่พิพากษาชี้ขาด ก็คือศาลยุติธรรม
1. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ศาลอาญา อ่านคำพิพากษา คดีแกนนำ นปช.ก่อการร้าย กรณียุยงปลุกปั่นประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – 20 พ.ค. 2553 บังคับขู่เข็ญรัฐบาลในขณะนั้น
คดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
จำเลย 24 ราย อาทิ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้วพิกุลทอง, นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เป็นต้น
ข้อหาความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, 135/2 ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา ให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามมาตรา 116, 215, 216 และร่วมกันชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 รวม 6 ข้อหา
ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง
รายละเอียดดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
2. อัยการที่ฟ้อง คือ อัยการสำนักงานคดีพิเศษ
น่าสนใจว่า บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นอัยการสูงสุดคนใหม่ ที่วุฒิสภากำลังตรวจสอบประวัติอยู่ในขณะนี้ ก็คืออดีตอธิบดีสำนักงานคดีพิเศษ
น่าคิดว่า ในคำพิพากษาที่ศาลยกฟ้องนั้น ได้แสดงเหตุผลไว้หลายประการ
หากพิจารณาตามเอกสารข่าวฉบับย่อที่ศาลอาญาได้เผยแพร่นั้น จะเห็นว่ามีหลายประเด็นที่อัยการคงต้องพิจารณาว่าจะอุทธรณ์คดีนี้หรือไม่ อย่างไร? และน่าคิดว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
อาทิ
2.1 ศาลอาญาชี้ว่า “...จากพยานหลักฐานทางนำสืบของโจทก์ไม่มีพยานปากใดที่เข้ามาเบิกความยืนยันว่ามีจำเลยคนหนึ่งคนใดที่เป็นแกนนำกลุ่มนปช. ได้ทำการปราศรัยหรือกระทำการอันเป็นการยุยงปลุกปั่นให้ผู้ร่วมชุมนุมกระทำการดังที่ได้ระบุไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135 / 1 วงเล็บ(1)ถึง(3) แม้โจทก์จะมีพยานเบิกความต่อศาลว่าระหว่างการชุมนุมของกลุ่มนปช. มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นมากมายหลายแห่งตามข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายในคำฟ้องแต่พยานโจทก์ไม่ได้เบิกความยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นการกระทำของบุคคลใดหรือเป็นการกระทำของฝ่ายใดและไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของแหล่งข่าวว่าเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร...”
เหตุใด จึงไม่มีพยานยืนยันว่าแกนนำ นปช.ปราศรัยยุยงปลุกปั่น?แกนนำไม่เคยปราศรัยเช่นนั้นเลย จริงหรือ?
อัยการจะสามารถหาพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมเข้ามาประกอบการอุทธรณ์ได้หรือไม่
2.2 ศาลอาญาชี้ว่า “...เหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม โดยเฉพาะเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 ก็ไม่มีพยานปากใดเบิกความยืนยันว่าเป็นการกระทำของกลุ่มนปช. การเดินทางไปที่รัฐสภาและสถานีดาวเทียมไทยคมก็เป็นการเดินทางไปเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลมีคำสั่งให้ต่อสัญญาณสถานีโทรทัศน์ช่องพีเพิลชาเเนล ที่รัฐบาลมีคำสั่งให้ปิดหรือตัดสัญญาณไปก่อนหน้านั้น ชายชุดดำก็ไม่ปรากฏว่าเป็นกองกำลังของฝ่ายใด...”
อัยการจะสามารถหาพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมเข้ามาประกอบการอุทธรณ์ในประเด็นนี้ ได้หรือไม่?
2.3 ศาลอาญาชี้ว่า “...การที่แกนนำกลุ่มนปช. ปราศรัยบนเวที ที่ว่าหากทหารออกมาสลายการชุมนุมหรือทำรัฐประหารให้ประชาชนนำน้ำมันและให้มีการเผานั้น เป็นการกล่าวปราศรัยบนเวทีก่อนวันที่จะมีการชุมนุมใหญ่หลายวันและไม่มีเหตุการณ์เผาทำลายทรัพย์สินตามที่มีการปราศรัยแต่อย่างใด การวางเพลิงเผาเกิดขึ้นช่วงบ่าย
วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ภายหลังจากแกนนำกลุ่มนปช.ประกาศยุติการชุมนุมแล้ว ซึ่งศาลฎีกาได้วินิจฉัยในเรื่องการวางเพลิงเผาทรัพย์ไว้เป็นที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8132 / 2561ว่ามิใช่เป็นการกระทำของกลุ่มนปช...”
อัยการจะสามารถหาพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมเข้ามาประกอบการอุทธรณ์ในประเด็นนี้ ได้หรือไม่?
กรณีการเผาศาลากลางในต่างจังหวัด 4 แห่ง ที่ศาลพิพากษาแล้วว่าแนวร่วม นปช.เผาจริงๆ ติดคุกอยู่จริงๆ มีหลักฐานอะไรเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของแกนนำส่วนกลาง หรือไม่?
2.4 ศาลอาญาชี้ว่า “...แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศแนวทางการต่อสู้มาโดยตลอดว่าเป็นการชุมนุมโดยสันติวิธีสงบและปราศจากอาวุธ และปฏิเสธเข้ามาดำเนินการของพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง กับพวกซึ่งมีแนวทางการต่อสู้คนละแนวกันตลอดมา การดำเนินการของพลตรีขัตติยะกับพวกจึงไม่ใช่เป็นการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มนปช...”
อัยการจะสามารถหาพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมเข้ามาประกอบการอุทธรณ์ในประเด็นนี้ ได้หรือไม่?
2.5 ศาลอาญาชี้ว่า “...การที่จำเลยที่ 7 กับพวกขัดขวางการลำเลียงกำลังพลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าและยึดเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ไปแสดงต่อสื่อมวลชนบริเวณเวทีปราศรัย และต่อมาเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรับเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลายเหล่านั้นกลับคืนไปหมดแล้ว การกระทำดังกล่าวมิได้ประสงค์เอาแก่ตัวทรัพย์เพื่อเอาเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบจึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์...”
อัยการจะสามารถหาพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมเข้ามาประกอบการอุทธรณ์ในประเด็นนี้ ได้หรือไม่?
กองทัพยืนยันว่าได้รับอาวุธกลับคืนครบถ้วนแล้ว จริงหรือ? มีพยานหลักฐานใหม่ในเรื่องนี้ หรือไม่?
2.6 ศาลอาญาชี้ว่า “...โจทก์ฟ้องคดีนี้รวม 5 สำนวน ขอให้ลงโทษฐานก่อการร้าย โดยบรรยายฟ้องถึงลักษณะการกระทำความผิดต่างๆเพื่อให้ครบองค์ประกอบความผิดและไม่ได้ขอให้ลงโทษในการกระทำความผิดลักษณะต่างๆมาด้วย จึงถือว่าเหตุการณ์ต่างๆตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ...”
ประการสำคัญ เหตุใดอัยการผู้เป็นโจทก์ จึงกระทำเช่นนั้น?
ถือว่าปกติหรือไม่?
จะสามารถหาพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติม หรือยื่นอุทธรณ์ในประเด็นนี้ อย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี