ช่องยูทูบ New 18 ของสถานีโทรทัศน์นิวทีวี ได้ทำการถ่ายทอดสดการประชุม สส. ครั้งที่ 16 โดยที่ผู้ชมสามารถแสดงความคิดเห็นได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งเมื่อนั่งอ่านความคิดเห็นเหล่านั้นแล้วให้สังเวชใจ
ยกตัวอย่างในช่วงเวลา 44:16 ของคลิปที่ดูย้อนหลังได้ มีความเห็นของคนดูแสดงไว้ดังนี
“...ประยูร พรมพื้น บัณฑิต ป.4 : นายกหายหัวไปไหนหรือว่ากลัว อยู่มา 5 ปี ไม่มีคนด่า พอโดนด่าบ้างเลยไม่กล้าเข้าสภา, Lamyong Choedphon : ลุงหนีสภาอีกมั้ยวันนี้, หลวง ยอด : ไอ้ตู่ไปเล่นกับเด็กอีกป่าววันนี้, Gundarf msai : เอาลุงตูบไปเลี้ยงควายดีกว่า มีประโยชน์, พุทธา หล่อ : ประยุทธ์คือนายกเถื่อน กลัวสภา ขาดความเป็นผู้นำ ลาออกไปเถอะ, Gundarf msai : ตูบจะเอาเงินมาจากไหนมากมายแก้ไขนโยบายต่าง หาเงิน มีแต่กู้กับขึ้นภาษี, ประเสริฐ : อ้าว ประยุทธ์ไม่เข้าสภาอีกหรือครับ, gffrtfeedg daechur : ไอ้ตู่หนีเที่ยวครับ ท่านประธาน, Nin Dpgn : ไอ่ตู่มาไหม พอดีพึ่งมาดู, ประเสริฐ : ผิดหวังกับประยุทธ์จริงๆ, Rojne Mas : ตูบไปเล่นทรายหลังบ้าน, Gundarf msai : ตูบหน้าหนากว่าคอนกรีต, Nin Dpgn : สงไสไอ่ตู่มันไปแดกขี้จริงๆ, สงัด ดําเลิศ : ลุงตู่ไม่ต้องเข้าสภา เบื่อน้ำลาย ไปดูแลประชาชนดีกว่า เชื่อผม, ประเสริฐ : ตู่ไม่มาทำหน้าที่ลาออกไปดีกว่า...”
ข้อความเต็มไปด้วยความหยาบคาย ดูถูก ชิงชัง และผิดหวัง
บอกไม่ได้เลยว่า ทำไมผู้คนในบ้านเมืองเรา ถึงเลือกที่จะแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำเหล่านี้ แต่บอกได้อย่างหนึ่งว่า การไม่มาตอบกระทู้ในสภา น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สร้างปัญหาให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
1) ก่อนอื่นต้องเข้าใจเสียก่อนว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้ ไม่ได้เป็น “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” หรือ สส. โดยปกติท่านไม่ต้องมาประชุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว เพราะไม่ได้เป็นสมาชิก จะมาก็ต่อเมื่อมีวาระหรือญัตติที่เกี่ยวข้องกับท่านเท่านั้น อันนี้เชื่อว่ามีหลายคนไม่เข้าใจ เปิดโทรทัศน์ทีไร ไม่เห็นประยุทธ์มาประชุม ก็ด่าไว้ก่อน
2) อย่างไรก็ดี มันก็มีกระทู้ที่ฝ่ายค้านถามเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน กับเรื่องการแถลงนโยบายที่ไม่มีการแสดงงบประมาณ ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ไม่ครบถ้วน หรือจะเข้าขั้นขัดรัฐธรรมนูญ หรือไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญก็ได้ ซึ่งต้องตรวจสอบว่า มีการบรรจุไว้ ในวาระการประชุมหรือไม่ และการมีกระทู้ถาม ก็มีทั้งกระทู้สดและกระทู้แห้ง คือมาตอบเลย หรือรอความชัดเจนก่อนค่อยมาตอบก็ได้ แต่ต้องมีเหตุผลอันควรในการชี้แจงต่อสภา ว่าที่ยังไม่มาหรือเลื่อนไปก่อนนั้น เพราะ “ติด” เรื่องอะไร
3) ฝ่ายค้านเองก็ “สบโอกาส” อันที่จริงก็เป็นหน้าที่ของเขานะ ที่จะตั้งกระทู้ถาม หรือยื่นเป็นญัตติ แต่ทำด้วย “เจตนาใด” นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
4) เรื่องนี้ พอบิ๊กตู่ท่านปล่อยให้ “คาราคาซัง” ไม่มาตอบ เพราะ “ติดภารกิจล่วงหน้า” ก็ส่งผลให้ผู้ไปปรารถนาดีนำไป “ขยายผล” เจือปนด้วยการ “สร้างความเกลียดชัง” และรั้งท่านลงมาอยู่ในระนาบเดียวกับ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” นักการเมืองเลวๆ ที่ท่านเคยตำหนิและเรียกร้องต่อประชาชนให้ช่วยกัน “ยกระดับการเมืองไทย” ให้ดีขึ้น
5) ท่านไม่มา “ตอบ” เรื่องนี้ที่สภา แต่ตอบกับสื่อมวลชนไหม มาดูกันครับ
วันที่ 16 ส.ค. 2562 - ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี 7 พรรคฝ่ายค้าน ยื่นเรื่องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่ครบถ้วนด้วยถ้อยคำ ตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า เป็นเรื่องของกลไกรัฐสภา ซึ่งตนก็เคารพ ให้เป็นขั้นตอนตรงนั้นไป โดยทุกครั้งที่ตนไม่ได้ไปตอบกระทู้ถามในสภาเพราะมีภารกิจ ที่ถูกกำหนดล่วงหน้าอยู่แล้ว มีตารางงานล่วงหน้าทุกวัน ตนก็ไปตอบไม่ได้ หากมีการตั้งกระทู้ถามขึ้นมาใหม่ ก็ต้องดูว่าจะไปตอบได้หรือไม่ โดยวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนไปเยี่ยมผู้พิการทางสายตา ไม่ได้เอาเวลา และว่างมากหรืออย่างไร ที่ไปเตะฟุตบอล เป็นคนละเรื่องกัน ขอให้ช่วยกันด้วย เพราะไม่ได้ไปแค่เตะฟุตบอลและชักเย่อเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ ที่รัฐบาลดูแลและไม่ทอดทิ้งพวกเขา และได้นำ ครม.ไปดูด้วย เพื่อกำหนดแผนงานโครงการต่างๆ ซึ่งต่อไปตนจะไปตรวจเยี่ยมเกี่ยวกับภัยแล้ง
เมื่อถามว่าหากฝ่ายค้านยื่นญัตติจะไปตอบในสภาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็แล้วแต่ท่าน”
ส่วนที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าจะเป็นตั้งกระทู้ถามหรือการอภิปราย นายกฯ จะต้องไปตอบนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “อะไรก็แล้วแต่ ผมเคารพประธานสภาอยู่แล้ว”
เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านระบุว่า นายกฯ กลัวสภา กลัวการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมจะกลัวเขาทำไม ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
เมื่อถามย้ำว่าฝ่ายค้านอยากให้ นายกฯ ไปชี้แจงจะได้หาทางออกร่วมกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ขอบคุณนะ ขอบคุณ” ก่อนจะยิ้มให้สื่อ
“ก็ผมเชื่อมั่นว่าผมทำครบถ้วนกระบวนการอยู่แล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ก็ไปว่ากันมาล่ะกันนะ” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าจะเร่งเคลียร์คิวเข้าสภาเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะตั้งกระทู้รึเปล่า จะอภิปรายรึเปล่า ก็ไปว่ากันอีกทีละกัน ตนมีขั้นตอนในการแก้ปัญหาของตนอยู่แล้ว มีฝ่ายกฎหมายของตน ก็ต้องฟัง อะไรที่จะมีผลกระทบไปเรื่องอื่นๆ ต้องระวังให้มากที่สุด เข้าใจหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ตนกระทำต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าใจให้ตรงกัน
เมื่อถามว่า การเมืองในวันนี้ทำให้รัฐบาลเป๋ไปเป๋มาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่เคยเป๋ ผมไม่เห็นเป๋อะไรเลย ผมยังเดินเข้มแข็ง เดินตรงทางตลอด ไม่มีหกล้ม แต่วันนั้นหกล้มกับเด็ก เตะบอลกันไง ไปหาว่าผมซวนเซ แล้วผมจะไปเตะแรงๆ กับเด็กได้ไหม”
เมื่อถามว่าการเมืองได้เปลี่ยนไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ให้พวกเราช่วยกันวิเคราะห์วิจารณ์ ก็ดูในโซเชียลมีเดียและการพูดในสภา เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้แก้ที่ตน ต้องแก้ที่ประชาชนว่าจะทำอย่างไร ขอให้ช่วยกันทุกคน
6) สองเรื่องนี้สำคัญอย่างไร?
หลายท่านมีอาการ “เบื่อหน่าย-รำคาญ” อยากให้แก้ปัญหาของประชาชนก่อนที่จะมาสาละวนอยู่กับเรื่องนี้ ทำไมเหรอ เรื่องถวายสัตย์ก็ผ่านไปแล้ว การแถลงนโยบาก็ทำแล้ว ทำไมไม่ช่วยกันเดินหน้าแก้ปัญหาประชาชน
ปัญหามันมีอยู่ว่า “สิทธิธรรม” ในการจะบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการของแผ่นดิน เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์แล้วหรือไม่ เนื่องจากถูกตั้งคำถามว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณที่มิได้กล่าวถ้อยคำที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ม.161 ให้ “กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณด้วยถ้อยคำต่อไปนี้” กับการแถลงนโยบายที่ไม่มีการแสดงตัวเลขงบประมาณตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส่งผลให้ “กระบวนการ” ทั้งสอง ยังมิครบถ้วนสมบูรณ์ มิได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เรื่องนี้จึงต้องการ “วินิจฉัย” โดยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ เพื่อให้ได้ข้อยุติ และเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อแก้ปัญหาของประชาชนต่อไป
7) องค์กรที่เกี่ยวข้องว่าอย่างไร?
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงซึ่งผู้ตรวจได้มีมติรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา ขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริงก็เป็นหลักการ ต้องการรวบรวมข้อเท็จจริงประเด็นข้อกฎหมาย และอาจจะต้องมีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ถูกร้อ งคือ นายกฯ ด้วย
“เมื่อได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้วจะนำพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งปกติแล้วการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องซับซ้อนก็จะให้เวลา 30 วัน ถ้าไม่ซับซ้อนจะให้เวลา 15 วัน ซึ่งในกรณีนี้น่าจะถือว่าเป็นเรื่องไม่ซับซ้อน 15 วัน ก็น่าจะเพียงพอ ทั้งนี้ การประชุมผู้ตรวจฯ ครั้งต่อไปในวันที่ 27 ส.ค.ก็คงได้มีการพิจารณา แต่คงจะไม่เร็วไปกว่านั้น เพราะผู้ตรวจฯ ก็มีภารกิจมาก” พล.อ.วิทวัส กล่าว
เมื่อถามว่า หากจะต้องส่งเรื่องไปยังศาลพิจารณาจะยื่นศาลใด พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณากันอยู่ ส่วนที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้นำว่าควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญทำการวินิจฉัยนั้น ตนไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการชี้นำ เพราะฝ่ายค้านว่าอย่างหนึ่ง รัฐบาลก็ว่าอย่างหนึ่ง แต่ผู้ตรวจฯ จะใช้ดุลยพินิจของเราเอง ผู้ตรวจฯ ไม่ได้หนักใจ เราเป็นองค์กรอิสระ ไม่ประสงค์ที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การพิจารณาเป็นอิสระยึดตามข้อเท็จจริง พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีใครมากดดันได้
8) ทางที่ต้องผ่าน ด่านที่ต้องเจอ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเร่งรีบฝ่า 2 ประเด็นตรวจสอบนี้ไปให้ได้ คือ การถวายสัตย์ปฏิญาณกับการแถลงนโยบายโดยไม่แจกแจงตัวเลขงบประมาณ มิเช่นนั้นแล้ว ความคลุมเครือที่ถูกตอกย้ำโดยฝ่ายค้าน และสื่อมวลชน จะทำให้ท่านมีอาจ “ทำงาน” กันอย่างปลอดโปร่งและสง่างามได้ ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังว่าเรื่องทั้งสอง จะมีผลในทางลบในวันข้างหน้าหรือไม่ ขณะที่ปัญหาของประชาชนก็ “รอมิได้” เพราะทุกข์ยากกันแสนสาหัส ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจฝืดเคือง ขาดกำลังซื้อ การจ้างงานต่ำ อมทุกข์ สิ้นหวัง ฯลฯ
ความขัดแย้งในพรรคพลังประชาชน ที่แตกกันเป็นก๊กเป็นเหล่า อันเนื่องมาจากไปชักลากมาจากหลายป่าหลายดง ก็ยอมเป็น “ไผ่แปลกกอ” เป็นธรรมดา บัดนี้ก็แก้ปัญหาด้วยการส่ง “ตัวจริง” อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปนั่งเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคแล้ว ใครจะเจรจาอะไร จะต่อรองอะไร ก็ไม่ต้องผ่าน “นายหน้า” ให้เสียเวลาและยุ่งยากอีก ก็น่าจะช่วยให้ความคลอนแคลนในพรรคพลังประชารัฐทุเลาลง
ต่อมาก็เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต่างคนต่างเร่ง “สร้างผลงาน” ใน “ยี่ห้อ” ของตัวเอง ต้องเร่งทำให้เกิดเอกภาพให้ได้แม้ยังไม่มีสัญญาณความขัดแย้งกับพรรคใหญ่ๆ ที่มาร่วม แต่ก็มีบางนโยบายที่อาจจะกลายเป็น “ปัญหาในวันข้างหน้า” เช่น ประชาธิปัตย์รอการอนุมัติเงินสำหรับทำโครงการ “ประกันรายได้”จะอนุมัติไหม และเมื่อไหร่ ระหว่างรอก็เป็น “หนังหน้าไฟ” ที่ทำได้เพียงแค่ “ให้ความหวัง” กับ “ให้สัญญา” นั่นรวมถึงปัญหาราคายาง-ปาล์ม ที่จ่อคอหอยกันมานานอีกด้วย, ภูมิใจไทย ปัญหา “รถตู้” ที่อาจสวนทางกับท่าทีเดิมของ คสช. ที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข ใช้ไมโครบัสหรือมินิบัสเข้ามาทดแทน แต่รัฐมนตรี “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” อาจไปอีกทิศทางหนึ่ง จะทำกันอย่างไร “กัญชา” ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล จะให้ปลูกบ้านละ 6 ต้นอีกล่ะ, พรรคเล็กๆ ดูจะรียบร้อยขึ้นแล้ว เต้-มงคลกิตติ์ ออกไปเป็นศิลปินเดี่ยวโชว์อยู่หน้าม่าน หลังม่านก็ต้องรักษาความสัมพันธ์กันไว้ ดำรงค์ พิเดช แห่งรักษ์ผืนป่าประเทศไทย ประกาศเงื่อนไข 3 ข้อ ที่จะทำให้ “ตีจาก” การโหวตแพ้มาสองสามนัด การมี “ลูกหาบ” ปัญญาน้อย เอาวิทยุทรานซิสเตอร์มาไประจาน” ความไร้ปัญญาที่จะบริหารจัดการให้คนของตัวเองอยู่กับห้องประชุม และมีวินัย มีความใส่ใจกับการโหวตในสภาให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ การถูกตั้งคำถามเรื่อง “ธรรมาภิบาล” ในการเลือกคนทำงาน เช่น กรณีล่าสุด วิรัช รัตนเศรษฐ เมีย และน้องเมียถูก ป.ป.ช.ชี้มูลเรื่องทุจริตสนามฟุตซอลแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเคยตั้งคำถามเรื่อง “ธรรมาภิบาลของรัฐบาล” มาก่อน จะโชว์ความมีธรรมาภิบาลที่เหนือกว่า หรือว่าไม่ต่างกัน ทั้งหมดนี้นั้น ล้วนเป็น “หนามยอกอก” หรือเป็น “เก้าอี้ขาโยก” ที่รองรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในเวลานี้
เศรษฐกิจในประเทศซบเซา เศรษฐกิจโลกหงอยเหงา สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ปัญหาสังคมสูงวัย และอีกสารพัดปัจจัยที่จะรุมเร้าเข้ามา
หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่เร่งแก้ปัญหา “หยุมหยิม” ให้หมดจดเสียก่อน เผลอๆ อาจไม่ได้ไปแก้ปัญหาใหญ่ที่รอให้ “แสดงฝีมือ” อยู่ ก็เป็นได้!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี