นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือ “กี้ร์” ถูกศาลออกหมายจับแล้ว 2 ใบ
หมายจับล่าสุด เนื่องจากหลบหนีในคดีสินบนบ้านเอื้ออาทร
ก่อนหน้านั้น ถูกศาลออกหมายจับกรณีไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีล้มการประชุมอาเซียน
ผู้คนสงสัยว่า “กี้ร์” จะเอาอย่างไรแน่?
จะหนี หรือจะกลับมาฟังคำพิพากษา?
จะมีใครหนีตามรอยกี้ร์ หรือไม่?
ใครดีใจที่ “กี้ร์” หายไปก่อนจะถูกซักถามกลางศาล ในคดีสินบนบ้านเอื้ออาทร?
1. เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ก.ย. นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ไม่ไปขึ้นศาล ในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนพยานคดีทุจริตสินบนบ้านเอื้ออาทร
ทนายความเอง ก็ไม่สามารถติดต่อนายอริสมันต์ได้
ศาลฎีกาฯ เห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์น่าจะหลบหนี จึงให้ออกหมายจับเพื่อนำตัวกลับมาสู่กระบวนการพิจารณาต่อไป โดยสั่งปรับนายประกันด้วยเต็มจำนวนวงเงินประกัน 5 ล้านบาท
นายธำรงค์ หลักแดน ทนายความของนายอริสมันต์ ระบุว่า แม้ศาลจะมีคำสั่งให้ออกหมายจับ แต่ไม่ได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี (การพักพิจารณาคดีไว้ชั่วคราว) ศาลมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่มีตัวจำเลย (ลับหลังจำเลย) ต่อไปได้ ซึ่งตนก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความรักษาสิทธิของนายอริสมันต์ในการต่อสู้คดีได้ต่อไป ตนก็จะยังนำพยานอื่นเพื่อให้ศาลไต่สวนต่อสู้แทนนายอริสมันต์ต่อไป
สำหรับคดีทุจริตสินบนบ้านเอื้ออาทรนั้น ศาลให้นำพยานขึ้นไต่สวนทั้งหมด 82 ปาก กำหนดวันนัดไต่สวนไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว นัดสุดท้าย วันที่ 27 ก.ย.2562 (เว้นแต่ศาลท่านพิจารณาเพิ่มเติม)
ประเด็นของคดี ไม่ใช่ว่าบ้านสร้างเสร็จหรือไม่เสร็จ ไม่ใช่เรื่องฮั้วประมูล ไม่ใช่เรื่องผู้รับเหมาทิ้งงาน ไม่ใช่เรื่องขาดทุนหรือกำไร แต่ประเด็นที่ต้องพิสูจน์กันในศาลฯ คือ มีการเรียกรับสินบนในโครงการบ้านเอื้ออาทร หรือไม่? และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือไม่?
นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ กรรมการ กคช. และประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการ และนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ฝ่ายการเมืองใน
ขณะนั้น คือตัวละครหลักที่จะต้องพิสูจน์ความสุจริตของตนเอง
จะเห็นว่า คดีงวดเข้ามาทุกทีแล้ว จะไต่สวนนัดสุดท้ายกันในเดือนนี้อยู่แล้ว
สุดท้าย คำพิพากษาจะออกมาอย่างไร ไม่อาจจะไปก้าวล่วงได้
แม้ว่าจำเลยจะหนีไป กระบวนการแห่งคดีก็ไม่ต้องสะดุดหยุดลง ทนายความนายอริสมันต์ก็ประกาศว่าจะทำหน้าที่ต่อสู้ในศาลเพื่อปกป้องสิทธิของนายอริสมันต์ต่อไป แต่แน่นอนว่า ในแง่ของการรับผิดรับโทษ หากศาลพิพากษาว่านายอริสมันต์มีความผิด ทนายก็ไม่อาจจะไปรับโทษแทนจำเลย หรือติดคุกแทนจำเลยก็ไม่ได้
2. ก่อนหน้าไม่กี่วัน นายอริสมันต์ไม่ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีบุกล้มการประชุมอาเซียน ปี 2552 ซึ่งนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยพิพากษาให้จำคุก 12 แกนนำและแนวร่วม นปช. เป็นเวลา 4 ปี
และให้ออกหมายจับนายอริสมันต์มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 31 ต.ค.นี้
หากในวันที่ 31 ต.ค. ไม่มีตัวนายอริสมันต์มา ศาลก็สามารถที่จะใช้ดุลพินิจอ่านคำพิพากษาลับหลังได้
หลังจากนั้น ก็คงจะออกหมายจับเพื่อนำตัวมารับโทษตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดต่อไป
3. สำหรับโทษจำคุก 4 ปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกา คดีล้มการประชุมอาเซียนนั้น หากผู้ใดหลบหนี ก็จะมีอายุความในการติดตามจับกุมตัวมารับโทษ 10 ปี
แต่สำหรับโทษจำคุก หรือหมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตสินบนบ้านเอื้ออาทรนั้น ถ้าหลบหนี ก็จะต้องหนีไปตลอดชีวิต ไม่มีอายุความ
4. ในคดีทุจริตสินบนโครงการบ้านเอื้ออาทรนั้น บทบาทของนายอริสมันต์ตามที่ถูกกล่าวหา นับว่าเป็นตัวละครสำคัญ มิใช่แค่นักแสดงประกอบ
ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนรายงานว่า มีพยานหลายคนให้การซัดทอดนายอริสมันต์ ทำนองว่ามีบทบาทเป็นผู้ติดต่อประสานกับเอกชน ทั้งเจ้าของที่ดินบางราย และผู้ประกอบการบางราย โดยมีการเรียกรับเงินรับทอง เช่น
นางชดช้อย ผู้ประกอบการบริษัทเอกชนฯ เบิกความว่า บริษัทได้เข้าร่วมโครงการบ้านเอื้ออาทร กับการเคหะแห่งชาติ ได้ติดต่อนายอริสมันต์ให้ช่วยหาที่ดิน ซึ่งนายอริสมันต์ได้แนะนำเสนอที่ดินในจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 6 แปลง ซึ่งนายอริสมันต์แจ้งว่าหากได้รับการอนุมัติให้ร่วมโครงการต้องจ่ายค่าดำเนินการให้ผู้ใหญ่ 40 ล้านบาท และ 7.6 ล้านบาท เป็นค่านายหน้า...
น.ส.รุ่งทิพย์ เจ้าของที่ดินในโครงการบ้านเอื้ออาทร เบิกความสรุปว่า น้องชายตนแจ้งว่าจะหาคนมาซื้อที่ดิน ซึ่งน้องชายตนเป็นเพื่อนกับน้องชายของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง น้องชายตนบอกว่านายอริสมันต์จะช่วยให้ขายที่ดินได้ ต่อมานายอริสมันต์ได้มาติดต่อเสนอจะนำที่ดินของตนให้การเคหะฯ พิจารณาทำโครงการบ้านเอื้ออาทร
โดยแนะนำให้บริษัทของนางชดช้อยเป็นผู้ซื้อที่ดิน และให้น้องชายตนเป็นกลุ่มนายหน้า ตนจึงเสนอขายที่ดินไร่ละ 2.5 ล้านบาท มีการทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทของนางชดช้อยพร้อมวางมัดจำ 1 ล้านบาท ซึ่งการเจรจาซื้อขายมีครั้งหนึ่งนายอริสมันต์แจ้งว่าต้องมีค่าดำเนินการให้ผู้ใหญ่ 40 ล้านบาท และ 7.6 ล้านเป็นค่านายหน้า กระทั่งโครงการได้รับอนุมัติเมื่อเดือนม.ค.2549 นางชดช้อยให้ตนเสนอราคาไปที่การเคหะฯ ไร่ละ 3 ล้านบาทเพราะต้องใช้ดินถมที่จำนวนมาก แต่ตนไม่มีประสบการณ์ติดต่อกับหน่วยงานราชการ ดังนั้น เงินค่านายหน้า ค่าถมที่ดิน และค่าดำเนินการที่ได้มอบให้นางชดช้อยดำเนินการ...
นายอริสมันต์และพวกปฏิเสธ อยู่ระหว่างการต่อสู้คดี แต่ล่าสุด เจ้าตัวก็หลบหนีไปเสียแล้ว
น่าเสียดายที่ฝ่ายอัยการและศาล ก็เสียโอกาสที่จะซักถาม ไต่สวนตัวนายอริสมันต์ ในประเด็นที่เจ้าตัวถูกพาดพิงข้างต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าตัวรู้เฉพาะตัว ว่าทำอะไร เกี่ยวกับใครบ้าง แม้ทนายก็คงไม่สามารถตอบคำถามแทนได้
5. สำหรับกรณีทุจริตสินบนบ้านเอื้ออาทร ปรากฏว่า ได้มีการดำเนินการทางทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย
ปปง. มีคำสั่งอายัดทรัพย์ ระบุว่า กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายวัฒนา กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดดังกล่าว โดยทรัพย์สินที่ ปปง.อายัด เป็นที่ดิน 13 แปลง ในพื้นที่เขตลาดพร้าว และเขตบางกะปิ กรุงเทพฯอยู่ในชื่อนางสุดา คุณจักร ราคาประเมิน 51,532,950 บาท
ยิ่งกว่านั้น อัยการยังได้ยื่นเพิ่มเติมคำฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตสินบนบ้านเอื้ออาทร เกี่ยวกับมาตรการร้องขอให้ริบทรัพย์สินหรือการใช้เงิน หรือทรัพย์สินอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ
กระทำผิด มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท
6. นอกจากคดีที่เกี่ยวกับตัวนายอริสมันต์เองแล้ว ภรรยาของนายอริสมันต์ นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ก็มีคดีร่ำรวยผิดปกติ ที่ต้องลุ้นว่าจะถูกยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน หรือไม่? และยังมีคดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ลุ้นว่าจะติดคุก
หรือไม่? น่าสนใจว่าหลังจากนี้ นางระพิพรรณจะตัดสินใจอย่างไร?
เมื่อรูปการเป็นเช่นนี้ เมื่อปรากฏว่านายอริสมันต์ได้ล่องหนไปแล้ว ไม่ไปฟังคำพิพากษาล้มประชุมอาเซียนเสียแล้ว จึงน่าเชื่อได้ว่า อาจจะดำน้ำหายจ๋อมยาวไปเลย ค่อยไปลุ้นคำพิพากษาคดีทุจริตสินบนบ้านเอื้ออาทร
ซึ่งการที่นายอริสมันต์หายไป ผลดีต่อฝ่ายจำเลย คือ นายอริสมันต์ไม่ต้องถูกซักไซ้ไล่เลียงในประเด็นที่ถูกพยานหลักฐานซัดทอดไว้ก่อนหน้านั้นซึ่งหากอัยการฝีมือฉมัง ย่อมจะสามารถซักค้าน หรือซักถามได้อย่างหวาดเสียวสำหรับคนที่เกี่ยวข้องต่อจากนายอริสมันต์
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี