หนึ่งในประเด็นที่ไม่น่าเชื่อว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะกล้าหยิบยกขึ้นมาแถลงย้ำต่อหน้าผู้สนับสนุนตนเอง
ประหนึ่งว่าพูดอะไรไป ผู้สนับสนุนตนเองก็คงเชื่อตามลมปากตน
ถึงขนาดหยิบเอาประเด็นขึ้นมาพูดหน้าตาเฉยด้วย คือ การกล่าวอ้างว่า บริษัทวี-ลัคมีเดีย ไม่ใช่บริษัทสื่อ
1. นายธนธรอ้างว่า บริษัทวี-ลัคฯ ได้ผลิตนิตยสาร WHO ฉบับสุดท้าย เดือน ต.ค.2559 โดยเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทวี-ลัคฯ, ส่วนหนังสือจิ๊บๆบริษัทวี-ลัคฯเป็นแค่ผู้ผลิต ผู้เป็นเจ้าของหนังสือคือสายการบินนกแอร์, ส่วนหนังสือ Wealth บริษัทวี-ลัคฯเป็นผู้ผลิต แต่ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นเจ้าของและปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2561 และยุติการดำเนินการและไม่มีพนักงาน และบริษัทไม่มีรายได้ตั้งแต่ 26 พ.ย.2561 ดังนั้น วี-ลัคยุติกิจการไปแล้ว และไม่มีผลิตภัณฑ์แล้ว เช่นนี้จะเป็นสื่อได้อย่างไร เป็นบริษัทที่ไม่มีการปฏิบัติการใดๆ แต่เป็นบริษัทที่รอการชำระบัญชีเท่านั้น
“นิตยสารทั้ง 3 เล่มนี้ ตั้งแต่เกิดจนวันที่มันตาย มันไม่เคยให้คุณกับผมและไม่เคยโทษกับนักการเมืองคู่แข่งของผม” นายธนาธรกล่าว
นายธนาธรย้ำว่า นิตยสารปิดตัวไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง พ.ศ. 2562
2. นายธนาธรอุตส่าห์เอาหน้าปกนิตยสารมาแสดงด้วย ทำนองไม่มีเรื่องการเมืองใดๆ ในนิตยสารเหล่านี้เลย
แต่นายธนาธรก็พูดความจริงไม่หมด โดยพูดแค่บางส่วน แล้วปกปิดความจริงส่วนใหญ่ไว้
เพราะในนิตยสาร WHO นั้น จะมีการสัมภาษณ์คนในแวดวงการเมืองขึ้นหน้าปก เป็นเรื่องหลักประจำ
บุคคลที่เคยถูกสัมภาษณ์ขึ้นหน้าปก เช่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,พินทองทา แพทองธาร ลูกสาวของนายทักษิณ, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์, นายเนวิน ชิดชอบ, นายอนุทิน ชาญวีรกูล ฯลฯ
คนในแวดวงการเมืองทั้งนั้น!
ดังหน้าปกที่มีรายการเนชั่นทีวีนำมาตบหน้านายธนาธร
ถูกจับโกหกจะจะขนาดนี้ จะรู้สึกรู้สาอะไรบ้างไหม?
คนที่ยังฟัง ยังเชื่ออยู่ จะรู้สึกอย่างไร? จะยอมให้เขาเป่าหู จูงจมูกอย่างไรก็ได้ อย่างนั้นหรือ?
3. ข้อที่อ้างว่า บริษัทปิดกิจการไปแล้วนั้น แนวคำวินิจฉัยคดีหุ้นสื่อ ในศาลฎีกา เคยมีอย่างไร?
อาทิ กรณีนายอนุสรณ์ เกษมวรรณ เจ้าของหนังสือพิมพ์ “สื่อกลางสภาไทย”, กรณีนายสุวัฒน์ชัย สวัสดี เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “โคราชการเมือง”, กรณีนายทวีป ขวัญบุรี เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “สื่อกลางรายวัน” อ้างว่า เป็นเจ้าของสื่อข้างตนจริง แต่หยุดตีพิมพ์มาหลายปีแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ไม่ได้จดทะเบียนยกเลิกต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 30 วัน ตามพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 ศาลฎีกาวินิจฉัยถือว่าบุคคลดังกล่าวยังเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร สส.
อย่างไรก็ตาม คดีของนายธนาธรขึ้นศาลรัฐธรรมนูญ แนวทางอาจแตกต่างกันได้
แต่คดีของนายธนาธร ก็จะเป็นบรรทัดฐานแก่คดีของ สส.อีกจำนวนมาก ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่มีคดีอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน
4. กรณี บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เป็นบริษัททำสื่อแน่หรือไม่?
4.1 บริษัทฯแจ้งวัตถุที่ประสงค์ (แบบ ว.) 31 ข้อ แบ่งเป็นวัตถุที่ประสงค์ทั่วไป 6 ข้อ (ข้อ 1-ข้อ 6) วัตถุที่ประสงค์ประกอบธุรกิจบริการ 25 ข้อ (ข้อ 7-ข้อ 31)
ข้อ (23) ประกอบกิจการออกหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์หนังสือจำหน่าย3
ข้อ (25) ประกอบกิจการโฆษณาด้วยสื่อการโฆษณาทุกอย่าง เช่น โฆษณาในหนังสือพิมพ์ แผ่นป้ายโฆษณา สิ่งพิมพ์ ใบปลิว กระจายเสียงผ่านสื่อวิทยุ โทรทัศน์ โทรเลข เคเบิลทีวี โทรสาร การสื่อสารด้วยระบบดาวเทียม และสื่ออื่นใด
4.2 แบบ สสช.1 หรือ แบบแสดงรายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบริษัท ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 83 (พ.ศ.2515) ยื่นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท เมื่อวันที่ 10 ม.ค.25551 หมวดกิจกรรม ระบุ การขายส่ง การขายปลีก และอื่นๆ โดยระบุสินค้า/บริการที่ประกอบการ 1 ข้อ “1.ประกอบกิจการออกหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์หนังสือจำหน่าย”
4.3 ข้อมูลงบการเงิน บริษัทงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค.2560 รอบปี 2560 หมายเหตุประกอบงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค.2560
ข้อ 1 ข้อมูลทั่วไป ระบุ “ประกอบธุรกิจผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม”
ข้อ 3 นโยบายการบัญชีที่สำคัญ “ข้อ 3.1 การรับรู้รายได้และค่าใช้จ่าย บริษัทบันทึกการรับรู้รายได้จากการขายนิตยสารเมื่อผู้รับฝากขาย ขายนิตยสารได้แล้ว บริษัทบันทึกรับรู้รายได้ค่าโฆษณา ค่าสมาชิก รายได้อื่น และค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์คงค้าง”
4.4 ส่วนที่อ้างว่าเลิกกิจการไปแล้วนั้น
สำนักข่าวอิศราไปตรวจสอบมา พบว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2562 บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ได้มอบอำนาจให้นายฉัตรชัย เตชะมนตรีกุล ยื่นคำขอจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชี บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร โดยแนบเอกสารรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2562 ณ ที่บ้านเลขที่ 43/10 หมู่ที่ 6ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ยื่นแสดงเป็นหลักฐาน
เพิ่งจดทะเบียนเลิกกิจการเมื่อ 14 มิ.ย.2562
หลังจากนายธนาธรไปสมัครรับเลือกตั้ง สส.
หลังจากได้รับเลือกตั้ง เป็น สส.แล้ว
หลังจากถูกยื่นร้องเรียนให้ กกต.ไต่สวน
น่าคิดว่า เรื่องแค่นี้ ยังพูดความจริงไม่หมด แล้วประเด็นอื่นๆ ที่หยิบยกขึ้นมา เรื่องที่คนภายนอกยากจะรู้เห็น จะเชื่อได้อย่างไรว่าจะไม่โกหกมดเท็จ?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี