คนการบินไทย โดยเฉพาะผู้บริหารการบินไทยจะรู้บ้างหรือไม่ว่าคนไทยจำนวนมากรักและเป็นห่วงการบินไทย สาเหตุที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรักและห่วงการบินไทย เพราะเขาเข้าใจว่าการบินไทยคือสายการบินแห่งชาติ และเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย แต่มาระยะหลังๆ นี้คนไทยจำนวนมากที่เคยรักและห่วงการบินไทยเริ่มลดความรักและความเป็นห่วงการบินไทยลงเป็นลำดับ เพราะผู้บริหารการบินไทยทำตัวไม่น่ารัก
อันที่จริงคนไทยควรจะต้องรังเกียจผู้บริหารการบินไทยที่ทำให้กิจการของการบินไทยเสื่อมทรุด แต่ไปๆ มาๆ คนไทยจำนวนไม่น้อยกลับพากันรังเกียจการบินไทยไปโดยปริยาย เพราะเห็นว่าการบินไทยเป็นแหล่งรวมของคนระดับบริหารที่ไม่น่าจะมีประสิทธิภาพโดยแท้จริง
ถ้าจะถามว่าการที่คนไทยจำนวนไม่น้อยพูดเช่นนี้ เป็นการกล่าวหาที่เกินเลยความเป็นจริงหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะคนไทยจำนวนมากเฝ้าติดตามผลประกอบการของการบินไทยมาอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลานานกว่า 20 ปีแล้ว แล้วก็พบว่าการบินไทยประสบปัญหาในการทำธุรกิจการบินมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความผิดนี้ไม่ใช่ความผิดของบริษัท แต่เป็นความผิดของผู้บริหารองค์กร ถ้าหากการบินไทยมีผู้บริหารองค์กรที่มีประสิทธิภาพแท้จริงแล้ว ปัญหาของการบินไทยจะไม่สะสมและหมักหมมจนเน่าเฟะถึงเพียงนี้
ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารการบินไทยในยุคต่างๆ มาเป็นลำดับ ทุกครั้งที่ได้สัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยก็ได้คำตอบที่ดูเสมือนลอกกันต่อๆ มาว่า การบินไทยกำลังจะหลุดพ้นจากปัญหา แต่สุดท้ายแล้วคำว่าการบินไทยกำลังจะหลุดพ้นจากปัญหาก็เป็นเพียงคำแก้ตัวของผู้บริหารการบินไทยคนแล้วคนเล่า
ขอถามกันตรงๆ ว่าผู้บริหารการบินไทยทุกระดับ โดยเฉพาะผู้บริหารชั้นสูง รวมถึงบรรดากรรมการบริหารของการบินไทย หรือบอร์ดการบินไทยเคยสำเหนียกตัวเองบ้างหรือไม่ว่า สังคมเขาวิพากษ์ว่าพวกคุณคือปมปัญหาสำคัญของการบินไทย สาธารณชนตั้งคำถามต่อไปด้วยว่า หากคุณเป็นเจ้าของการบินไทย (หมายถึงการบินไทยเป็นบริษัทของคุณ) พวกคุณจะยังคงว่าจ้างคนที่ไม่มีประสิทธิภาพให้ทำหน้าที่บริหารการบินไทยหรือไม่ (โปรดอ่านคำถามนี้หลายๆ ครั้ง แล้วโปรดตอบคำถามนี้ด้วย)
เมื่อไม่กี่วันมานี้ สาธารณชนได้รับทราบผลประกอบการประจำไตรมาสที่สาม ของการบินไทยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่ผิดความคาดหมายเพราะขาดทุนเช่นเคย ตัวเลขขาดทุนครั้งนี้ 4,600 ล้านบาทที่บอกว่าไม่ผิดความคาดหมายก็เพราะคนที่มีปัญญาย่อมรู้ดีว่า ในช่วงไตรมาสสามเป็นช่วงที่ธุรกิจต่างๆ มักจะอยู่ในขั้นชะลอตัว ดังนั้นเมื่อรวมยอดขาดทุนของไตรมาสสามของการบินไทยจึงมีตัวเลขมากกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท แต่หากจะให้ความเป็นธรรมกับการบินไทยก็ต้องบอกว่าการขาดทุน (ซ้ำซากเช่นนี้) ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ในสายตาของผู้บริหารการบินไทย เนื่องจากเขามักจะอ้างว่าเขาทำยอดขายได้ปีละประมาณ 2 แสนล้านบาท ดังนั้นการขาดทุนเพียงหมื่นล้านต้นๆ จึงเป็นเรื่องเล็ก แต่ถึงอย่างไร ขาดทุนก็คือขาดทุน ขาดทุนใช่เรื่องดีสำหรับบริษัท แม้ผู้บริหารจะไม่ให้ความสำคัญมากนักก็ตาม แต่เท่าที่ติดตามข่าวคือผู้บริหารการบินไทยยังคงบอกเช่นเดิมว่าสามารถแก้ปัญหาขาดทุนได้ ซึ่งก็บอกแบบนี้มาโดยตลอด แต่ความจริงคือแก้ไม่เคยได้เลย
สำหรับคนที่มีความรู้ด้านบัญชี และรู้เรื่องสถานะการเงินของบริษัทการบินไทยจะยิ่งปวดศีรษะมากยิ่งขึ้น เพราะในความจริงนั้นการบินไทยมีหนี้สินรุงรังมากจนน่าวิตก ส่วนทุนของการบินไทยก็หายหดไปเป็นลำดับเช่นกัน มีผู้รู้เรื่องนี้บอกว่าทุนของการบินไทยในขณะนี้เหลือเพียง 12,000 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อทุนเหลือน้อยก็หมายความว่าหนี้สินต่อทุนของการบินไทยมีจำนวนมากมายมหาศาล ว่ากันว่าหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity) สูงเกินกว่า 20 เท่า เมื่อคุณทราบเรื่องแย่ๆ แบบนี้แล้ว ผมขอถามคุณตรงๆ ว่าหากคุณเป็นนักลงทุน คุณยังอยากจะลงทุนกับการบินไทยต่อไปหรือไม่ แล้วถ้าการบินไทยไม่มีรัฐบาลไทยคอยอุ้มชู คุณคิดว่าการบินไทยจะเป็นอย่างไร แล้วคุณรู้ดีใช่ไหมว่าเงินที่รัฐบาลเอามาอุ้มการบินไทยคือเงินภาษีของคนทั้งประเทศ ขอย้ำว่าเงินที่เอาไปอุ้มการบินไทยนั้นไม่ได้ลอยมาจากฟากฟ้านภากาศ เมื่อการบินไทยมีหนี้ท่วมตัวท่วมหัวท่วมหู แล้วยังอยากจะลงทุนต่อไป คุณคิดเอาเองก็แล้วกันว่า ใครจะอยากลงทุนด้วย
เพราะฉะนั้น เรื่องที่การบินไทย (โดยใครบางกลุ่ม บางพวก) อยากซื้อเครื่องบินฝูงใหม่ โดยใช้เงินมากถึง 1.5 แสนล้านบาท ก็จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งฟังยิ่งตลก แต่หัวเราะไม่ออก ถามอีกทีว่า ใครจะโง่แล้วเอาเงินให้การบินไทยกู้ ถ้าจะตะแบงกู้ก็ต้องให้รัฐบาลอุ้มอีก แล้วถ้ารัฐบาลยอมอุ้ม ก็หมายถึงรัฐบาลต้องเสี่ยง แต่รัฐบาลเสี่ยงก็คือประชาชนทั้งประเทศก็ต้องเสี่ยงตามไปด้วย หากรัฐบาลเกิดบ้าจี้แล้วบ้าอุ้มต่อไปก็หมายความว่ารัฐบาลก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะรัฐบาลไทยหลายชุดก็ยอมก่อหนี้สาธารณะมากมาย เพราะรัฐบาลก่อแล้วก็หายศีรษะไป ทิ้งภาระให้ประชาชนรับต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน ส่วนประเด็นการเพิ่มทุนก็เป็นเรื่องยากมาก ยกเว้นนักลงทุนจะไร้ปัญญาคิดจริงๆ อย่าลืมว่านักลงทุนให้เงินมามากแล้ว แล้วเมื่อเขาเห็นหนี้มากกว่าทุน ถ้าคุณเป็นนักลงทุน คุณจะยอมควักเงินให้อีกหรือไม่ ขอยืนยันว่าไม่มีนักลงทุนที่มีสติมีปัญญาคนไทยโยนเงินเข้าไปในกิจการที่เขาไม่มั่นใจว่าจะมีอนาคต คือไม่มีนักลงทุนคนไหนต้องการลงทุนเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้เงินกลับคืนมา แต่ถ้าจะมีก็คงมีแต่รัฐบาลเสียสติเท่านั้น
มีเรื่องที่ต้องพูดจากันอีกประเด็นคือ ราคาตั๋วโดยสารของการบินไทย ที่หลายคนบ่นตรงกันว่าแพงแสนแพง แต่ขนาดการบินไทยขายตั๋วแพงแสนแพงถึงเพียงนี้ แล้วทำไมการบินไทยยังขาดทุน หลายคนบ่นอีกว่า ขนาดตั๋วแพงเช่นนี้ ก็ยังหาตั๋วการบินไทยได้ยากแสนยาก ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นมา
มีข้อมูลว่าการบินไทยมีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (passenger load factor) ดีอย่างน่าพอใจ คือ อยู่ที่ระดับร้อยละประมาณ 80 ซึ่งน้อยกว่าอัตราเฉลี่ยของธุรกิจการบินทั่วโลกเล็กน้อย เพราะอัตราเฉลี่ยของธุรกิจการบินโลกอยู่ที่ร้อยละ 82.1 ดังนั้นคำถามซ้ำคือก็ในเมื่อขายตั๋วได้ตั๋วก็มีราคาแสนแพง แล้วก็มีผู้โดยสารไม่น้อย แล้วทำไมยังขาดทุน
ดังนั้นปัญหาการขาดทุนของการบินไทยจึงน่าจะมาจากปัจจัยอื่นๆ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือประสิทธิภาพของผู้บริหาร ส่วนปัจจัยอื่นๆ คือต้นทุนการดำเนินการของการบินไทยสูงมาก เมื่อต้นทุนดำเนินการสูงก็คงหวังจะได้กำไรยากมาก คำถามคือต้นทุนอะไรในการบินไทยที่ทำให้การบินไทยมีปัญหา (อันนี้ยังไม่พูดถึงเรื่องทุจริตต่างๆ นานา ที่ฝังตัวอยู่ในการบินไทยมายาวนานวันหน้าจะมาขยายความเรื่องปัญหาเงิน incentive จากการขายตั๋วในที่ต่างๆ ทั่วโลก ที่คนการบินไทยเขาประณามเรื่องนี้กันอย่างครึกโครมทุกวี่ทุกวัน)
ผู้บริหารการบินไทยต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าต้องลดต้นทุนการดำเนินกิจการอย่างไร เพื่อให้การบินไทยได้กำไร แต่ก็ต้องย้ำว่าหากเน้นการลดต้นทุนแล้วดันไปส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการให้บริการต่อผู้โดยสารแล้วละก็ รับรองจะไม่มีใครใช้บริการการบินไทยอย่างแน่นอน
ผู้บริหารการบินไทยต้องกลับไปเร่งทบทวนว่าเงินเดือนที่แต่ละคนได้รับ รวมถึงสวัสดิการที่ได้รับด้วยนั้น มันแพงเกินกว่าประสิทธิภาพการทำงานที่มอบให้กับบริษัทหรือไม่ ขอบอกว่าเงินเดือนผู้บริหารการบินไทยสูงมาก และมากจนน่ากลัว แต่ทว่าเมื่อเทียบประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงานที่มอบให้บริษัทแล้ว บอกได้คำเดียวว่าจ่ายเงินแพง แต่ได้ผลลัพธ์ต่ำมาก
ประเด็นสำคัญที่ผู้บริหารการบินไทยต้องทบทวนด่วนที่คือ คนล้นงานหรือไม่ แล้วคนที่ล้นงานนั้นเป็นพวกลูกท่านหลานเธอที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพหรือเปล่า หรือว่ามาจากพวกเส้นใหญ่ที่มีสามีเป็นนายทหารยศสูงๆ หรือมาจากพวกนักการเมืองเสือหิว ใช่หรือเปล่า เรื่องเหล่านี้ผู้บริหารการบินไทยต้องกล้าตอบให้ชัดว่าใช่หรือไม่ ขอยืนยันว่าการจ่ายเงินเดือนแพงๆ ให้คนที่ทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพแท้จริง ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่การจ่ายเงินเดือนแพงๆ ให้พวกเศษสวะและกาฝากคือการทำลายการบินไทย ส่วนปัญหากินนอกกินใน กินหัวคิดโดยเหล่ามาเฟียต่างๆ ที่หากินกับการบินไทยมาโดยตลอดนั้น ก็เป็นเรื่องที่การบินไทยต้องกำจัดออกไปให้หมด หากไม่สามารถกำจัดได้ ก็หมายถึงจุดจบของการบินไทยในอนาคต
ส่วนปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงเป็นปัญหาที่สายการบินทุกสายบนโลกใบนี้ต้องประสบเหมือนๆ กัน เพราะฉะนั้นผู้บริหารการบินไทยเลิกอ้างปัญหาข้อนี้ได้แล้ว เพราะยิ่งอ้างก็ยิ่งเท่ากับประจานตัวเองว่าไม่มีน้ำยาแก้ปัญหา
มีคำถามสุดท้ายว่า การบินไทยจะไปรอดไหม คำตอบของวิญญูชน คือ ไปรอด แต่ต้องผ่าตัดยกเครื่องโดยด่วนที่สุด แล้วต้องหาคนที่เหมาะสมกับงานการบินอย่างแท้จริงเข้าไปบริหาร ส่วนคนที่ไม่มีความรู้ด้านธุรกิจการบินที่ได้ผลประโยชน์จากการบินไทยไปมากมายมหาศาลแล้ว ก็ช่วยลดความหนาความหยาบของตนเองเสียบ้างเถอะ แล้วปล่อยให้การบินไทยฟื้นตัวเองให้ได้ แล้วเมื่อการบินไทยอยู่รอดปลอดภัยแล้ว หากคนพวกหนาและหยาบจะกลับมาสูบเลือดสูบเนื้อการบินไทยอีกในอนาคต ก็ค่อยว่ากันไหม ขอโอกาสให้การบินไทยได้มีชีวิตต่อไปด้วยเถอะ ขอเถอะนะ และโปรดรู้ไว้ด้วยว่า คนไทยไม่เคยเกลียดการบินไทย แต่เกลียดพวกไร้ปัญญาแต่เข้าไปหากินและทำลายการบินไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี