ครบแล้ว สำหรับนโยบายประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกพืชผล 5 ชนิด
ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ตามนโยบายหาเสียงโดยพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ถูกกำหนดให้เป็นนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ล่าสุด ครม.เห็นชอบดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริมในเรื่องข้าวอีกด้วย
1. เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ รับทราบ และเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1.1 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63 วงเงินรวม 923 ล้านบาท
1.2 อนุมัติมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63 วงเงิน 45 ล้านบาท
1.3 รับทราบมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63
2. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63
ประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ
ราคาและปริมาณประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กก.ละ 8.50 บาท (ความชื้น 14.5%)
ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่
ธ.ก.ส. จะโอนเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง
จะเริ่มจ่ายเงินส่วนต่างครั้งแรก 20 ธันวาคมนี้
โดยโครงการมีระยะเวลาดำเนินการ
(1) ช่วงเวลาเพาะปลูก ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
(2) ระยะเวลาใช้สิทธิ ใช้สิทธิได้ในช่วงการเก็บเกี่ยวที่ระบุไว้ในทะเบียนเกษตรกร โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินส่วนต่างครั้งแรกในวันที่ 20 ธันวาคม 2562 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-19 ธันวาคม 2562 ให้มีสิทธิรับเงินชดเชยในวันที่ 20 ธันวาคม 2562 และจ่ายต่อไปทุกวันที่ 20 ของเดือนจนถึงระยะเวลาสิ้นสุดการรับสิทธิชดเชยตามโครงการ 31 ตุลาคม 2563
(3) ระยะเวลาโครงการ 1 ธันวาคม 2562-31 ธันวาคม 2563
3. ครม.ลุงตู่ ยังเห็นชอบมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2562/63
2.1 การบริหารจัดการการนำเข้า โดยกำหนดช่วงเวลาการนำเข้าให้นำเข้าเฉพาะช่วงกุมภาพันธ์-สิงหาคม ของทุกปี ยกเว้น อคส. หากมีนโยบายให้นำเข้า การควบคุมการขนย้ายในพื้นที่ติดชายแดนเพื่อนบ้าน กำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1 : 3 การตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายความมั่นคงและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในการกำหนดมาตรการป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้า เพิ่มความเข้มการตรวจค้นของด่านตรวจความมั่นคงจัดชุดเข้าตรวจตามช่องทางผิดกฎหมายในพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการลักลอบขนย้าย และให้มีคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน เพื่อศึกษาและนำเสนอมาตรการแก้ไขปัญหา รวมทั้งพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ลักลอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของเกษตรกรและระบบการค้าในประเทศเป็นสำคัญ
2.2 การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กำหนดให้ผู้รับซื้อแสดงราคา ณ จุดรับซื้อที่ความชื้น 14.5% และ 30% พร้อมแสดงตารางการเพิ่ม-ลด ราคาตามเปอร์เซ็นต์ความชื้น และกำหนดให้ใช้เครื่องชั่งน้ำหนัก/เครื่องวัดความชื้นที่มีมาตรฐาน
2.3 การดูแลความสมดุล โดยแจ้งปริมาณการครอบครอง การนำเข้า สถานที่เก็บ การตรวจสอบสต๊อก
2.4 การเพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยเชื่อมโยงผลผลิตกับผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
2.5 โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตร ปี 2562/63 ให้ ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ/หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในการรวบรวมหรือรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2562/63 กับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อจำหน่ายต่อแปรรูป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อช่วยดูดซับปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงที่ผลผลิตออกมาก โดย ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อ วงเงิน 1,500 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา MLR-1 หรือร้อยละ 4 ต่อปี โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน วงเงินชดเชย 45,000,000 บาท
2.6 สนับสนุนให้ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เก็บสต๊อกผลผลิต โดยสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ/หรือใช้วัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ ให้สามารถรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรโดยไม่ต้องเร่งระบายผลผลิตและเก็บสต๊อกไว้ในรูปแบบชนิดเมล็ด เพื่อดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาดโดยไม่แทรกแซงกลไกตลาด วงเงินสินเชื่อ1,500 ล้านบาท รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการตามมูลค่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เก็บสต๊อกไว้อัตราร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลาเก็บสต๊อก 60-120 วัน วงเงินชดเชย 15,000,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)
4. ยุคนี้ ไม่มีการดำเนินนโยบายในลักษณะเอาเงินแผ่นดินไปรับซื้อ(ตั้งชื่อว่ารับจำนำ) สินค้าเกษตรในราคาแพงกว่าตลาด แล้วเก็บเข้าโกดังหลวงอันจะเปิดช่องให้มีการโกงกินมโหฬารเหมือนยุครัฐบาลเพื่อไทย
แต่ใช้วิธีช่วยเหลือโดยจ่ายเงินส่วนต่างเข้ากระเป๋าเกษตรกรโดยตรงผ่านโครงการประกันรายได้เกษตรกร ในพืชผล 5 ชนิดข้างต้น นอกจากนี้ยังมีมาตรเสริมในพืชเศรษฐกิจแต่ละชนิดอีกต่างหาก
ยกตัวอย่าง ในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2562 กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2562/63 (คู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว) อาทิ(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก กรณีค่าฝากเก็บและค่ารักษาคุณภาพข้าวเปลือก (2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโดยสถาบันเกษตรกรวงเงิน และ (3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก เพื่อดูดซับปริมาณข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากเป้าหมาย 6.5 ล้านตันข้าวเปลือก จากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ฯลฯ
กรณียางพารา คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติก็รายงานความคืบหน้าในการเพิ่มการใช้ยางพาราของแต่ละกระทรวงให้ ครม.รับทราบ
ในวันเดียวกัน ยกตัวอย่าง (1) กระทรวงคมนาคม มีเป้าหมายการใช้ยาง จำนวน 33,957.68 ตัน โดยมีผลการใช้ยาง จำนวน 34,353.26 ตัน สำหรับทำถนนและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยจราจร คิดเป็นร้อยละ 101.16 ของเป้าหมาย (2) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายการใช้ยาง จำนวน 33,658.02 ตัน โดยมีผลการใช้ยาง จำนวน 18,008.62 ตัน สำหรับทำถนน คิดเป็นร้อยละ 53.50 ของเป้าหมาย (3) กระทรวงกลาโหม มีเป้าหมายการใช้ยาง จำนวน 42,098.47 ตัน โดยมีผลการใช้ยาง จำนวน 1,759.54 ตัน สำหรับทำถนน ปืนจำลอง รองเท้า และที่นอน คิดเป็นร้อยละ 4.18 ของเป้าหมาย(4) กระทรวงมหาดไทย มีเป้าหมายการใช้ยาง จำนวน 51,926.26 ตัน โดยมีผลการใช้ยาง จำนวน 65,370.90 ตัน สำหรับทำถนน สนามเด็กเล่น และลานอเนกประสงค์ คิดเป็นร้อยละ 125.59 ของเป้าหมาย ฯลฯ
สำหรับพืชผลอื่นๆ ก็มีมาตรการเสริมต่างกันออกไป
ทั้งหมด เป็นตัวอย่างสะท้อนถึงความคืบหน้าในการทำงานจริงเพื่อประโยชน์ปากท้องของประชาชน ไม่ใช่แค่มุ่งแต่จะเอาชนะคะคานทางการเมืองแย่งชิงอำนาจทางการเมือง อันทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความเบื่อหน่ายกับนักการเมืองจำนวนไม่น้อยในขณะนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี