อีกไม่กี่ชั่วโมงจากนี้ไป เราทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยก็จะข้ามพ้นปี พ.ศ. 2562 แล้วก้าวเข้าสู่ปี พ.ศ. 2563 ด้วยกัน (ขอย้ำว่าสำหรับผู้ที่ยังสามารถรักษาชีวิตของตนให้ดำเนินต่อไปได้เท่านั้น เพราะอาจจะมีคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถรักษาชีวิตของตนเองให้ก้าวข้ามปี พ.ศ. 2562 ไปได้ แต่จะด้วยเหตุผลใดนั้น ขอไม่กล่าวถึงในที่นี้ เพราะแต่ละคนต้องตระหนักดีอยู่แก่ใจตัวเองแล้วว่าจะต้องดำรงตนอย่างไรเพื่อให้ก้าวพ้นปีนี้ไปให้ได้)
ก่อนจะหมดปี พ.ศ. 2562 เราควรจะต้องกลับมาทบทวนตนเองกันอย่างจริงๆ จังๆ โดยจะต้องพิจารณาว่าในขวบปีที่กำลังจะผ่านไปนั้น เราทุกคนได้กระทำสิ่งดี และสิ่งไม่ดีอะไรลงไปบ้าง เพราะการทบทวนตนเองอย่างรอบคอบจะช่วยให้เราประเมินตัวของเราเองได้ว่า เราได้กระทำอะไรลงไปบ้าง เพื่อจะได้เดินหน้ากระทำสิ่งดีๆ ต่อไป แล้วยุติการกระทำสิ่งที่ไม่เป็นเรื่องดีโดยพลัน
ขอย้ำว่าผู้ที่รู้ตัวเอง มีสติ และสามารถหยุดยั้งสิ่งไม่ดี ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ได้ด้วยตนเองคือผู้ที่ประเสริฐสุด นอกจากการมีสติ และสามารถยุติเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์ได้ด้วยตัวเองแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนจำเป็นต้องทำให้ได้คือ การให้อภัย เพราะการให้อภัยคือการรักษาตัวและรักษาใจของเราอย่างดีที่สุด เมื่อเราให้อภัยแล้ว ใจของเราจะสบาย ตัวของเราจะเบา ขอย้ำว่าการให้อภัยคือการรักษาตัวและรักษาใจตนเองอย่างดีที่สุด
สำหรับประเด็นการทบทวนตัวเองนั้น มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะเมื่อเราทบทวนตัวเองได้อย่างแจ่มกระจ่างแล้ว เราก็จะยุติพฤติกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเองเราเองได้อย่างน่าอัศจรรย์ เช่น ไม่เป็นคนหงุดหงิด โมโหง่าย ไม่ฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อตัวเอง และเพื่อพ่อแม่ ลูกเมียสามี และเพื่อนฝูงญาติสนิทมิตรสหาย
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณสามารถทบทวนพฤติกรรมการใช้เวลาที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับตนเองได้แล้ว และเมื่อคุณยุติพฤติกรรมดังกล่าวได้ คุณจะมีเวลาเหลือเฟือ แล้วใช้เวลานั้นไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณได้มากขึ้น เช่น เมื่อคุณยุติการใช้เวลาที่สิ้นเปลืองเปล่าประโยชน์ไปกับเรื่องไร้สาระ แล้วเอาเวลานั้นไปดูแลพ่อแม่ ลูกเมียสามี และดูแลตัวคุณเองให้มากขึ้น คุณก็จะมีเวลาใกล้ชิดกับพ่อแม่ ลูกเมียสามี และมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น
หลายคนมักอ้างว่าไม่มีเวลา แต่ก็กลับใช้เวลาไปกับสิ่งไร้สาระ เช่น การหมกมุ่นอยู่กับ social media ที่ไร้สาระวันละหลายๆ ชั่วโมง หรือปล่อยเวลาทิ้งไปเรื่องไร้สาระที่มาจากจอทีวีที่เต็มไปด้วยขยะ ซึ่งเป็นขยะที่มาจากพิธีกรที่ไร้ปัญญา และไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม หากคุณสามารถหักห้ามใจไม่ให้เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระดังกล่าวได้แล้ว แล้วคุณเอาเวลาไปพูดคุยกับพ่อแม่ หรือพาพ่อแม่ไปเที่ยว ไปทำบุญทำทาน หรือไปกินข้าวกับพ่อแม่ให้มากขึ้น คุณจะมีความสุขมากเพียงใด ขอให้คุณลองพิจารณาดู
หรือหากคุณจะใช้เวลาดังกล่าวไปเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันกับคนในครอบครัวของคุณ เช่นกับลูกเมียสามี คุณจะพบได้ทันทีว่าความสัมพันธ์ภายในครอบครัวของคุณจะดีขึ้นอย่างมหัศจรรย์ หรือหากคุณไม่มีภาระใดๆ กับพ่อแม่หรือไม่มีครอบครัว คุณก็สามารถใช้เวลาที่มีนั้นเพื่อดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ ดูแลบ้าน อ่านหนังสือดี เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดีอย่างทันตาเห็น แถมยังไม่สิ้นเปลืองเงินที่ใช้ไปอย่างบ้าๆ บอๆ ไร้สาระเหมือนที่ผ่านๆ มา แต่ที่มากกว่านั้นคุณจะกลายเป็นผู้มีเงินออมได้มากขึ้นอย่างทันตาเห็น
นี่เป็นแค่เพียงตัวอย่างเล็กๆ เพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้นที่สามารถพลิกผันชีวิตของคุณให้ดีขึ้นอย่างทันตาเห็น ดังนั้นเมื่อคุณทราบเรื่องดีๆ เช่นนี้แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะลงมือทำในทันทีหรือไม่
ส่วนประเด็นการให้อภัยนั้น เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดของการมีชีวิตที่สดชื่นและราบรื่นของมนุษย์ หลายคนอาจจะถามกลับว่า ทำไมต้องอภัย ในเมื่อเขา (หรือคนอื่นๆ) ทำให้เราต้องเจ็บปวด ต้องเสียหน้า และเสียความรู้สึก รวมถึงเสียทรัพย์สิน หากมีคำถามเช่นนี้ก็ต้องถามกลับว่า การที่คุณถือโทษโกรธแค้น ไม่ยอมให้อภัยนั้นใครคือผู้เสียหายมากกว่ากัน ระหว่างคุณกับคนที่คุณมีความรู้สึกเคียดแค้น ชิงชัง และโกรธเคือง
ต่อให้คุณโกรธหรือโมโหกับใครก็ตาม คุณอย่าลืมว่า คนที่ว้าวุ่นใจมากที่สุดก็คือตัวของคุณนั่นเอง ทุกครั้งที่คุณนึกโกรธแค้นเขาผู้นั้น ใจของคุณจะไม่สบาย ใจจะร้อนรุ่ม แล้วคุณคิดหรือว่าคุณที่คุณโกรธเขานั้นจะมีอาการร้อนรุ่มไปกับคุณด้วย คุณอาจจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่สุขไม่สบายทั้งกายและใจ แต่คนที่คุณโกรธเขา เขาไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่คุณกำลังตกอยู่ในนรก ซึ่งเป็นนรกที่คุณสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวคุณเอง
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณถูกใครทำให้คุณโกรธ ซึ่งเขาคนนั้นอาจจะด่าว่าคุณ แล้วคุณก็เก็บเอาคำด่าว่านั้นมาเก็บและฝังอยู่ในใจคุณตลอดเวลา เขาด่าคุณเมื่อปีที่แล้ว แต่คุณยังเก็บเอาคำด่าของเขามาอัดแน่นไว้ใจใจคุณตลอดเวลา ในความเป็นจริงนั้น คนที่ด่าคุณ เขาอาจจะลืมไปแล้วว่าด่าคุณอย่างไร แต่คุณยังเก็บเอาคำด่าของเขามาเป็นมีดที่กรีดใจคุณอยู่แบบซ้ำๆ ย้ำๆ ตลอดเวลา ขอถามว่า แบบนี้แล้วใครกันแน่ที่เป็นผู้ทำร้ายจิตใจของคุณ
อย่าลืมว่าเขาด่าคุณผ่านไปตั้งปีหนึ่งแล้ว คำด่าก็จบไปแล้ว แต่คุณกลับเอามีดกรีดหัวใจคุณเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลา ขอถามอีกทีว่าคนด่าเขาทำร้ายจิตใจของคุณ หรือว่าคุณคือผู้ทำร้ายจิตใจของคุณเอง
อันที่จริงแล้ว การให้อภัยนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก แต่ก็น่าประหลาดใจที่ผู้คนกลับไม่ยอมให้อภัย คุณลองนึกให้ดีว่า หากคุณเปรียบคำด่าเป็นเสมือนใบมีดโกน หรือเป็นเข็ม หรือเป็นเศษแก้วคมๆ หากคุณมัวแต่กำเศษแก้ว ใบมีดโกน หรือเข็มไว้ในกำมือของคุณ และคุณก็บีบกำมือของคุณเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเป็นแบบนี้คุณจะโทษตัวคุณเองที่บีบหรือกำมือจนทำให้มือถูกเศษแก้วบาดแล้วฝังเข้าไปในเนื้อ หรือคุณจะโทษเศษแก้วบนฝ่ามือของคุณ คุณลองพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี แล้วคุณจะได้คำตอบ แล้วคุณจะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองได้โดยไม่ยาก
เศษแก้ว หรือใบมีดโกนบนฝ่ามือคุณไม่สามารถทำอันตรายคุณได้เลยแม้แต่น้อย หากคุณไม่กำมือของคุณ แล้วเศษแก้วหรือใบมีดโกนก็จะหายไปจากฝ่ามือของคุณโดยพลัน เพียงแค่คุณพลิกฝ่ามือทิ้งมันไป เท่านี้มันก็จบเรื่องแล้ว แต่คุณเองต่างหากที่ทำร้ายตัวเอง เพราะคุณเก็บเศษแก้ว และใบมีดโกนไว้ในกำมือ แล้วยังอุตส่าห์บีบและขยำมันตลอดเวลา ทั้งๆ ที่คุณรู้ว่ามันคือของมีคม แบบนี้แล้วจะบอกว่าคนอื่นทำร้ายใจคุณ มันใช่หรือ เพราะจริงๆ แล้วคุณคือคนทำร้ายตัวเองมากกว่า
ขอย้ำว่า การให้อภัย และการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับมนุษย์ แต่น่าประหลาดใจที่มนุษย์ส่วนใหญ่
ไม่สามารถทำเรื่องง่ายๆ เช่นนี้ได้ เพราะทั้งๆ ที่รู้ดีว่าอะไรคือโทษ และอะไรคือคุณ แต่มนุษย์ก็กลับเรื่องทำเรื่องที่เป็นโทษมากกว่า แต่เมื่อเลือกกระทำสิ่งที่เป็นโทษแล้ว ก็กลับโทษผู้อื่น โดยไม่พิจารณาตัวเอง ซึ่งนับว่าน่าสมเพชมากที่สุด
ปีใหม่ พ.ศ. 2563 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เป็นปีดีสำหรับคุณทุกคนที่ตั้งใจทำดี และมุ่งมั่นกระทำโดยทันที คุณเริ่มได้ตั้งแต่บัดนี้ด้วยซ้ำไป ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันสิ้นปี หรือไม่ต้องรอวันปีใหม่ เช่น เมื่อคุณตั้งใจไปหาคุณพ่อคุณแม่ของคุณ ก็ขอให้ไปโดยทันที อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าตั้งเงื่อนไขใดๆ เพราะหากคุณตั้งใจจะไปหาจริงๆ อุปสรรคใดๆ ก็จะหมดไปทันที แต่การที่คุณอ้างโน่นนี่นั่น ก็เพราะจริงๆ แล้วคุณไม่ได้ตั้งใจไปหาคุณพ่อคุณแม่ของคุณ
ขออนุญาตตั้งคำถามกับคุณว่า ระหว่างวันพรุ่งนี้กับชาติหน้าคุณคิดว่าอะไรจะมากก่อนกัน หลายคนบอกว่าชาติหน้ามาหลังวันพรุ่งนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลายคนไม่มีวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้น หากคุณรู้ดีว่าไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิตของเรา เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดกับเรา หรือเกิดกับคนที่เรารัก เช่น พ่อแม่ ลูกเมียสามี หรือญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของคุณ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณตั้งใจจะทำดีกับคนที่ได้กล่าวมาแล้ว ก็ขอให้ทำโดยทันที อย่ารีรอ อย่าตั้งเงื่อนไข เพราะคุณอาจไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับการไปรับประทานข้าวกับพ่อแม่ หรืออาจไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับการพาลูกเมียสามีไปเที่ยวด้วยกัน
การระลึกถึงมรณานุสติตลอดเวลาจะทำให้คุณไม่เป็นผู้ผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป ขอให้คุณระลึกเสมอว่า คุณอาจไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำสิ่งดี สิ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อคนที่คุณรักและคนที่รักคุณ และต่อสังคมประเทศชาติแล้ว ขอให้ลงมือทำทันที และขอย้ำอีกครั้งว่า หากคุณให้อภัยได้ คุณจะปลอดโปร่ง โล่งสบาย แล้วรับรองว่าปีหน้าและทุกวินาทีจากนี้ไปคุณจะมีแต่ความสุข ถึงแม้รอบตัวของคุณจะเต็มไปด้วยความโกลาหล แต่คุณก็จะเป็นผู้มีความสุขท่ามกลางความโกลาหล เพราะคุณมีใจที่เป็นสุข และเปี่ยมด้วยความสุขตลอดเวลา
สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2563
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี