นับวันประเทศไทยของเราดูเหมือนว่ากำลังเป็นเมืองขึ้นหรือตกอยู่ใต้อำนาจอันลึกลับชนิดหนึ่ง ซึ่งชาติไหนอยู่เบื้องหลังก็น่าจับตาติดตามมองกันให้ชัดเจนสักครั้งหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐาน
เพราะทุกวันนี้คำหนึ่งก็มาตรฐาน สองคำก็มาตรฐาน สามคำก็มาตรฐาน และบังคับขับไสให้ชาวไทยทั้งประเทศต้องประพฤติปฏิบัติตามและอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐานนั้น
ทำกันประหนึ่งว่าใครก็ตาม หน่วยงานใดก็ตาม ถ้าถูกกล่าวหาหรือถูกกล่าวขานว่าไม่ทำตามมาตรฐาน ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานแล้ว ความฉิบหายวายวอดก็จะมาถึง แม้กระทั่งบ้านเมือง
ของเราเอง หลายครั้งหลายหนก็ต้องยอมทนดุจดั่งเป็นเมืองขึ้น เพราะถูกสิ่งที่เรียกว่าผิดมาตรฐานหรือไม่ได้มาตรฐาน
จากนั้นก็บังคับขับไสเคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป ตั้งเงื่อนไขนานัปการให้ประเทศไทยต้องประพฤติปฏิบัติ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออาณาประชาราษฎรทั้งแผ่นดินครั้งแล้วครั้งเล่า
ดูตัวอย่างกรณีเรื่องประมง เรื่องการบิน เรื่องการผลิตทางการเกษตร แม้กระทั่งเรื่องการส่งออกก็จะถูกสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐานบังคับขับไสเคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป ด้วยเงื่อนไขที่ประเทศไทยต้องตกเป็นเมืองขึ้นทั้งสิ้น
และในที่สุดก็ต้องยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งหลายทั้งบนโต๊ะ ใต้โต๊ะ ทั้งที่ลับ ที่แจ้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง
แตกต่างกับบางประเทศที่เขาไม่ยอมรับมาตรฐานจัญไรแบบนี้ กระทั่งตั้งมาตรฐานของตนเองและตั้งเครือข่ายกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานต่างๆ เป็นของตนเอง ดังเช่นมาตรฐานหลายเรื่องของกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น
ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงมาตรฐานก็อาจจำแนกได้ว่ามีสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐานอยู่สองประเภท คือประเภทที่ตกเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่นที่ต้องยอมให้ถูกบังคับขับไสด้วยวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย และประเภทที่เป็นเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์แก่กลุ่มประเทศและประชาชนที่ยอมรับปฏิบัตินั้น
ดังนั้นจึงควรที่ชนชาวไทยจะต้องตั้งข้อสังเกตให้ชัดเจนแล้วว่าบัดนี้บ้านเมืองของเราตกอยู่ใต้บังคับของมาตรฐานประเภทไหนกันแน่ จะได้ร่วมจิตร่วมใจกันแก้ไขปัญหานี้ล้างความโสโครกให้หมดบ้านหมดเมืองเสียสักครั้งหนึ่ง
ในโอกาสที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดในประเทศ ทำให้คนไทยได้รู้จักมาตรฐานจัญไรชนิดหนึ่ง นั่นคือกรณีเรื่องเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ ซึ่งเป็นข่าวฮือฮาลั่นสนั่นเมืองและกำลังก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั้งประเทศเพราะเหตุขาดแคลนและราคาแพง
กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศกำหนดให้แมสปิดปากและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือเป็นสินค้าควบคุม ที่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายในการควบคุมสินค้าขาดแคลนอย่างเข้มงวดและมีโทษจำคุกสูงถึง 7 ปี และการปฏิบัติต่อสินค้าควบคุมนั้นมีเรื่องราวขั้นตอนและวิธีปฏิบัติมากหลาย ที่ร้านค้าทั่วไปมีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี
ดังนั้นหลังจากควบคุมสินค้าทั้งสองอย่างนี้แล้วปรากฏว่ายิ่งขาดแคลนและราคาสูงลิ่ว จนต้องใช้เงินงบประมาณแผ่นดินและใช้หน่วยงานของรัฐมากมายหลายหน่วยเพื่อแก้ไขเรื่องกระจอกงอกง่อยนี้
ถ้าดูตัวอย่างประเทศต่างๆ ที่ไวรัสโควิด-19ระบาดก็จะพบความจริงอย่างหนึ่งว่าไม่มีประเทศไหนต้องใช้กฎหมายควบคุมสินค้าเหมือนกับอยู่ในภาวะสงครามเลยแม้แต่ประเทศเดียว เพราะประเทศทั้งหลายต่างรู้ดีว่าถ้าควบคุมสินค้าใดก็ตาม สินค้านั้นจะขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น
สำหรับประเทศไทยทันทีที่มีการควบคุมสินค้าก็หายไปจากท้องตลาดและราคาสูงลิ่ว
กระทรวงสาธารณสุขซึ่งดูเหมือนว่าจะรู้เงื่อนงำที่ซับซ้อนและได้จัดการภายใต้อำนาจหน้าที่ของตนเองเท่าที่มีอยู่ จึงได้ออกประกาศให้ยกเลิกมาตรฐานเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือและถือว่าเป็นสิ่งของที่ทุกคนสามารถผลิตขึ้นใช้ได้เอง ไม่อยู่ภายใต้มาตรฐานการควบคุมสินค้าอีกต่อไป
แต่สิ่งที่คนไทยต้องงุนงงสงสัยทั้งประเทศก็คือประกาศยกเลิกดังกล่าวนั้นทำให้ได้รู้ว่าที่มีการควบคุมมาตรฐานของเจลแอลกอฮอล์ล้างมือก็เพราะในการควบคุมนั้นถือว่าเจลแอลกอฮอล์ล้างมือคือ “เครื่องมือทางการแพทย์”
แปลกแต่จริง! ที่เจลแอลกอฮอล์ล้างมือถูกประกาศมาตรฐานให้ถือว่าเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งคนทั้งหลายที่มีสติสัมปชัญญะดีอยู่ก็ไม่มีวันที่จะคิดคำนึงได้ว่าเจลแอลกอฮอล์ล้างมือจะเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ไปได้อย่างไร แต่กลับถูกประกาศให้ต้องควบคุมมาตรฐาน โดยถือว่าเป็นเครืองมือทางการแพทย์
ดังนั้นคุณูปการอย่างหนึ่งของไวรัสโควิด-19ก็คือทำให้คนไทยทั้งประเทศได้รู้ว่ามีประกาศแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ถูกกำหนดให้ถือในลักษณะนี้ย่อมไม่ใช่มีเฉพาะเจลแอลกอฮอล์ล้างมือเท่านั้น แต่อาจจะซ่อนเร้นอยู่ในกฎข้อบังคับอีกมากมาย ดังเช่นในกฎหมายบางฉบับที่ให้ถือว่าเห็ดเป็นป่าไม้ ทำให้ตายายที่ใจบริสุทธิ์และยอมรับว่าเก็บเห็ดต้องโทษฐานทำลายป่าไม้ ให้เห็นมาแล้ว
ดังนั้นเมื่อความจริงปรากฏให้เห็นเช่นนี้แล้ว จึงถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องตรวจสอบมาตรฐานจัญไรที่ทำให้ประเทศไทยเป็นเมืองขึ้นในลักษณะนี้ แล้วชำระล้างความโสโครกแบบนี้ให้สิ้นแผ่นดินไทยได้แล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี