เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2563 มีรายงานข่าวว่า อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คดีฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้แบงก์กรุงไทยจำนวน 10 ล้านบาท
รายงานข่าวระบุว่า คำสั่งชี้ขาดดังกล่าว ลงนามโดยรองอัยการสูงสุดคนหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติราชการเเทนอัยการสูงสุด
ส่วนรายละเอียด ข้อเท็จจริง และเหตุผลคำสั่งชี้ขาดดังกล่าว คาดว่าจะมีการชี้เเจงจากสำนักอัยการสูงสุดต่อไป
1. คดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ถึงวันที่ 25 มิ.ย.นี้
หากอัยการสูงสุดสั่งไม่อุทธรณ์ คดีดังกล่าวก็จะถือเป็นอันสิ้นสุด
ศาลอุทธรณ์ไม่มีโอกาสได้พิจารณาคดีในชั้นต่อไป
ดังนั้น รายงานข่าวข้างต้น หากไม่เป็นความจริง สนง.อัยการสูงสุด ควรเร่งออกมาชี้แจงโดยเร็วที่สุด
หรือหากเป็นความจริง ก็ควรต้องออกมาชี้แจงรายละเอียด ข้อเท็จจริงเหตุผลโดยละเอียด
เพราะคดีนี้ เป็นคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน และจะมีผลต่อความเชื่อมั่น เชื่อถือที่สังคมมีต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศโดยรวมด้วย
2. ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่25 พ.ย. 2562
ต่อมา ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้ทำความเห็นส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีศาลสูง ว่าเห็นควรไม่อุทธรณ์คดีต่อ ซึ่งอัยการสำนักงานคดีศาลสูงเห็นด้วย
จากนั้น ได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณา ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน ความเห็นของพนักงานอัยการ และคำพิพากษาของศาล ทั้งที่พิพากษายกฟ้อง และที่ทำความเห็นแย้งไว้ท้ายคำพิพากษา ประกอบกับความเห็นของพนักงานอัยการที่เห็นควรไม่อุทธรณ์คำพิพากษาแล้ว เห็นว่ายังมีประเด็นสำคัญแห่งคดีที่ควรต้องนำสู่การพิจารณาของศาลสูงเพื่อวินิจฉัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นควรให้นำคดีขึ้นสู่ศาลสูง โดยส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาด เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
3. กรณีนี้ หากอัยการไม่อุทธรณ์ มันจะเป็นภาพสะท้อนขององค์กรอัยการในยุคนี้
เป็นยุคที่ผดุงความยุติธรรม หรือยุคมืด?
แน่นอนว่า ท่านอัยการสูงสุด นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ (ได้ขยับขึ้นมาจากอธิบดีอัยการคดีพิเศษ หลังดำรงตำแหน่งนี้อยู่นานหลายปี เคยดูแลคดีเกี่ยวกับนักการเมือง คดีฟอกเงิน คดีแกนนำชุมนุมการเมืองหลายคดี) ย่อมจะต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจหน้าที่อันสำคัญนี้ และความเชื่อมั่นความเชื่อถือที่สังคมจะยังมีต่อองค์กรอัยการต่อไปแค่ไหน
ก่อนหน้านี้ อัยการก็สั่งไม่ฟ้องคดีฟอกเงินของนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าสัวธรรมกายไปแล้ว
4. น่าสนใจว่า นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.ประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ขอทราบเหตุผลรายละเอียดการไม่อุทธรณ์คดี รวมทั้งขอเปิดเผยรายชื่ออัยการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในคดีนี้
เนื้อความตามหนังสือ ถามว่า
“1.การที่อัยการไม่อุทธรณ์คดีนายพานทองแท้ โดยอ้างคําพิพากษายกฟ้องนั้น ท่านได้อ่านความเห็นแย้งของผู้พิพากษาเจ้าของสํานวนที่ตัดสินลงโทษจําคุกนายพานทองแท้ 4 ปีหรือไม่ ซึ่งคดีนี้มีองค์คณะผู้พิพากษา2 ท่านเท่านั้น และความเห็นแย้งของผู้พิพากษาฉบับเต็มนั้นย่อมติดอยู่ท้ายคําพิพากษาในคดีนี้อยู่ที่สํานักงานอัยการสูงสุดผู้ว่าคดีแล้ว
2.การปฏิบัติราชการของอัยการ กรณีผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นมีความเห็นแย้งแนบท้ายคําพิพากษา เมื่อคดีมันไม่ขาด ในอดีตอัยการมีธรรมเนียมการปฏิบัติราชการที่ผ่านมาอย่างไร
3.ขอให้เปิดเผยเหตุผลการไม่อุทธรณ์คดีนายพานทองแท้โดยละเอียด และขออนุญาตถามตรงๆ ว่ามีใบสั่งหรือมีการแทรกแซงทางการเมืองหรือมีการวิ่งเต้นคดีนี้หรือไม่…”
ปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏว่ามีการชี้แจงรายละเอียดข้อสงสัยข้างต้นว่าอย่างไร?
5. อย่าลืมว่า เหตุที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ศาลปราบโกง) พิพากษายกฟ้องในชั้นต้นนั้น สืบเนื่องด้วยคดีดังกล่าวมีองค์คณะผู้พิพากษา 2 ราย ปรากฏว่า มีความเห็นแย้งกัน สุดท้าย จึงต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 184 ที่ระบุให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า จึงทำให้นายพานทองแท้ได้รับอานิสงส์
พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีนี้ ได้แก่ น.ส.ศิริพร กาญจนสูตรผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไม่เห็นพ้องด้วยกับผู้พิพากษาองค์คณะที่พิพากษายกฟ้อง อาศัยอำนาจตามมาตรา 183 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงได้ทำความเห็นแย้งไว้หลังคำพิพากษาด้วย
ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน มีความเห็นแย้งว่า ชี้ประเด็นข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและรายละเอียดสำคัญอย่างน่าสนใจ กระทั่งระบุว่า... จำเลยจึงรู้หรือควรรู้ว่าเงิน 10 ล้านบาท ที่ได้รับมาจากนายวิชัยเป็นเงินส่วนหนึ่งของสินเชื่อธนาคารกรุงไทยที่อนุมัติให้เครือกฤษดามหานคร การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 5 (1) (2) พิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี...
หากอัยการสูงสุดอุทธรณ์ ศาลชั้นอุทธรณ์ก็จะได้พิจารณาทั้งสำนวน คำพิพากษา ข้ออุทธรณ์ของทั้งอัยการและฝ่ายจำเลย รวมถึงความเห็นแย้งของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนดังกล่าวอย่างละเอียดด้วยว่า มีน้ำหนักแค่ไหนอย่างไร?
แต่หากอัยการสูงสุดไม่อุทธรณ์ ก็เท่ากับว่า คดีจบลงไปเลย ทั้งๆ ที่ ยังมีข้อความเห็นแย้งของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนค้างคาอยู่เช่นนั้น
ต้องถามว่า อัยการทั้งแผ่นดิน ประชาชนทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะภาคภูมิใจ หรือไว้วางใจ ในองค์กรอัยการอยู่หรือไม่?
ส่องกระจก มองเงาสะท้อนตัวเอง แล้วยังมีความภาคภูมิใจอยู่หรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี