จุดสำคัญที่จะช่วยกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั่วโลกในขณะนี้ คือ “จ้างงาน สร้างรายได้” เพื่อให้เกิดกำลังซื้อหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ
1. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประเมินว่า ในปี 2563 จะมีแรงงานจำนวนสูงถึง 8.4 ล้านคน ที่เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์กันว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจในปัจจุบันจะทำให้นักศึกษาจบใหม่มีโอกาสได้รับการว่าจ้างไม่ถึง 30%
2. นักการเมืองฝ่ายค้านพุ่งเป้าโจมตีว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น
จากคำโจมตีข้างต้น เมื่อไปตรวจสอบมาตรการภาครัฐที่ผลักดันออกมาอย่างต่อเนื่อง จะพบว่า ไม่เป็นความจริง
ล่าสุด มติ ครม.อนุมัติสนับสนุนการจ้างนักศึกษาจบใหม่ทำงาน 2.6 แสนตำแหน่ง โดยจะช่วยเอกชนจ่ายเงินเดือนไม่เกิน 50% ของค่าจ้าง ระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564 และจะจัดมหกรรม Job Expo ในวันที่ 26-28 กันยายน 2563 ณ ไบเทค บางนา เพื่อช่วยคนตกงานอีก 1 ล้านคน
3. สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี ประมวลมาตรการที่เกี่ยวกับการเสริมกำลังการจ้างงาน
แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลในเวลานี้ มุ่งเน้นที่มาตรการสนับสนุนการจ้างงานและการจ้างงานเพิ่ม ทั้งในภาพรวม และเพื่อรองรับนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบใหม่กว่า 4 แสนคนในปีนี้ รวมทั้งผู้ที่ยังตกงานอยู่เดิม
3.1 มาตรการส่งเสริมการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ จำนวน 260,000 คนตามที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้เสนอ โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างรัฐและเอกชน หรือ Co-Payment
รัฐบาลจะช่วยเอกชนจ่ายเงินเดือนลูกจ้างใหม่ไม่เกิน 50% ของค่าจ้าง ตามวุฒิการศึกษาแบ่งเป็น
ผู้จบการศึกษาด้วยวุฒิ ปวช. รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนไม่เกิน 4,700 บาทต่อเดือน
ผู้ที่จบการศึกษาด้วยวุฒิ ปวส. รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนไม่เกิน 5,750 บาทต่อเดือน
ผู้ที่จบการศึกษาด้วยวุฒิปริญญาตรี รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือน
สำหรับผู้ที่จะลงทะเบียนเพื่อเข้ารับเงินอุดหนุนนี้ ต้องมีคุณสมบัติเป็นคนไทย อายุไม่เกิน 25 ปี หรือถ้าเป็นผู้ที่มีอายุเกิน 25 ปี ต้องสำเร็จการศึกษาในช่วงปี 2562 – 2563
รัฐบาลจะช่วยเหลือเอกชน เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564
และในส่วนของผู้ประกอบการที่จะเข้าโครงการ จะต้องไม่ลดการจ้างงานเกินกว่า 15% ของลูกจ้างเดิมที่มีอยู่ และจะต้องทำสัญญา 2 ส่วนส่วนแรก คือ สัญญาระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ส่วนที่สอง คือ สัญญาระหว่างนายจ้างกับกระทรวงแรงงาน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่านายจ้างจะทำตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนดไว้
มาตรการดังกล่าวจะใช้งบประมาณ 23,476.4 ล้านบาท โดยใช้เงินจากเงินกู้ตาม พ.ร.ก. การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563
มาตรการนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากภาคเอกชน อาทิ นายสุพันธ์ุ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ สอท. เชื่อมั่นว่า มาตรการนี้จะช่วยให้ภาคธุรกิจที่มีแนวคิดงดรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานเปลี่ยนนโยบายกลับมาเปิดรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานอีกครั้ง โดยประธาน สอท. ยังชี้ว่า มาตรการนี้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องมือแพทย์ และภาคบริการ
3.2 งาน Thailand Job Expo 2020 ในวันที่ 26 – 28 กันยายน 2563 ณ ไบเทค บางนา
เตรียมตำแหน่งงานกว่า 1 ล้านตำแหน่ง จากทั้งของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน
แบ่งออกเป็น
ตำแหน่งงานว่างจากกรมการจัดหางานจำนวน 106,312 อัตรา
ตำแหน่งงานต่างประเทศ 112,242 อัตรา
ตำแหน่งงานพาร์ทไทม์ จำนวน 66,881 อัตรา
การจ้างงานโดยภาครัฐจำนวน 410,415 อัตรา
การจ้างงานตามมาตรการส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ จำนวน 260,000 อัตรา
ตำแหน่งงานที่คาดว่าจะจ้างแรงงานไทยแทนแรงงานต่างด้าว จำนวน 44,150 คน ฯลฯ
3.3 มาตรการจ้างงานเฉพาะกิจ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลลุงตู่ได้จัดสรรงบประมาณ 6,478 ล้านบาท สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานประชาชนทั่วประเทศ 89,719 อัตรา จำนวน 9 โครงการ ได้แก่
โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ กลุ่มเป้าหมายการจ้างงานคือ เกษตรกรตำบลละ 2 คน จำนวน 8,018 อัตรา งบประมาณ 865 ล้านบาท
โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน คือ เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานอพยพ ตำบลละ 2 คน จำนวน 6,942 อัตรา งบประมาณ 701 ล้านบาท
โครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ด้านสัตว์ป่า กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน คือ ประชาชนทั่วไป จำนวน 1,250 อัตรา งบประมาณ 135 ล้านบาท
โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน 561 ศูนย์ จำนวน 3,366 อัตรา งบประมาณ 7 ล้านบาท
โครงการอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น เพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ประชาชนในพื้นที่ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 15,548 อัตรา งบประมาณ 928 ล้านบาท
โครงการพัฒนาต้นแบบบูรณาการ จ้างงานในทุกตำบล อำเภอทั่วประเทศ กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ได้แก่ ประชาชนในตำบลและอำเภอ ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือ เทียบเท่า จำนวน 14,510 อัตรางบประมาณ 2,611 ล้านบาท
โครงการเฝ้าระวังสร้างแนวกันไฟ สร้างรายได้ชุมชน กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ประชาชนทั่วไป จำนวน 9,137 อัตรา งบประมาณ 246 ล้านบาท
โครงการศูนย์นวัตกรรมผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ผู้ที่จบการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี 30 อัตรา ปริญญาตรี 145 อัตรา ปริญญาโท 70 อัตรา ปริญญาเอก 5 อัตรา จำนวน 250 อัตรา งบประมาณ 49 ล้านบาท
โครงการพัฒนาป่าไม้ สร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ได้แก่ แรงงานเครือข่ายความร่วมมือควบคุมไฟป่าเกษตรกร (เพาะกล้า) ประชาชนในชุมชนและผู้ที่จบศึกษาระดับปริญญาตรี 290 อัตรา รวมจำนวน 31,148 อัตรา งบประมาณ 928 ล้านบาท
ทั้งหมด เป็นตัวอย่างบางส่วนที่ผ่านการอนุมัติโดยรัฐบาลไปหมดแล้ว กำลังเข้าสู่ขั้นตอนเริ่มต้นจ้างงานต่อไป
การกระทำนั้น จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ใครจริงใจ ใครทำงานจริง ใครโกหกหลอกลวงเพียงหวังผลปลุกปั่น ซ้ำเติมสถานการณ์บ้านเมือง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี