หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีบ่นว่า 100 นายกฯ ก็แก้ปัญหาบ่อนไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่ให้ความร่วมมือหัวหน้าพรรคกล้า นายกรณ์ จาติกวณิช โพสต์ข้อความลง Facebook ว่า “นายกฯ คนเดียว ก็แก้ได้ ถ้ากล้าเอาไว้ “บนโต๊ะ” #เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี นำเม็ดเงินกลับมาใช้เพื่อประชาชน” โดยมีเนื้อหาว่า...
“ถ้าพรรคกล้าเป็นรัฐบาล เราจะเอา “การพนัน”ขึ้นไว้บนโต๊ะเลยครับ
ผมคิดว่าวิธีแก้ปัญหาไม่ใช่การขอให้คน “ร่วมมือ”เลิกเล่นการพนัน แต่การทำให้การพนัน “อยู่บนโต๊ะ”โดยมีกฎหมายรองรับ และมีการกำกับดูแล
ปัญหาสังคมเราคือ “บ่อนเถื่อน” ซึ่งเป็นที่มารายได้ของผู้มีอิทธิพล เป็นที่มาของการทุจริตคอร์รัปชั่นในวงการคนมีเครื่องแบบ การรั่วไหลเงินไปบ่อนถูกกฎหมายในต่างประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลบๆ ซ่อนๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาการแพร่เชื้อ COVID-19 ตามที่ปรากฏ
ดังนั้น ถ้าตั้งโจทย์ให้คนเลิกเล่นการพนัน เราเห็นด้วยกับนายกฯ ว่า.. ไม่ต้องร้อยนายกฯหรอกครับ - พันนายกฯ คนก็แก้ไม่ได้ แต่นี่คือโจทย์ที่ผิด โจทย์ที่ถูกคือ ทำอย่างไรให้การเล่นการพนันเป็นภัยต่อสังคมให้น้อยที่สุด
คำตอบคือ การพนันที่มีใบอนุญาตบนโต๊ะอย่างถูกกฎหมาย มีการกำกับดูแล และมีการเสียภาษีให้รัฐเข้าระบบ เพื่อนำเม็ดเงินกลับมาใช้จ่ายดูแลประชาชน แทนการเข้ากระเป๋ามาเฟีย
ถ้าตามนี้นายกฯ คนเดียวที่มีความกล้า ทำได้แน่นอนครับ”
วันเดียวกัน (14 ม.ค.2564) นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คว่า
“โควิดรอบนี้เห็นมีพูดกันเรื่องบ่อนการพนัน แรงงานเถื่อน เจ้าหน้าที่ผู้มีอิทธิพล แล้วก็ลามไปถึงเรื่องยาเสพติด ซ่องและของผิดกฎหมาย กลายเป็นเรื่องฝีแตก พุ่งเป้าไปที่ตำรวจ ทะลุไปถึงรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต พูดกันไม่หยุด ถึงขั้นมีการโยกย้ายตั้งกรรมการสอบ ลงโทษกัน ท่าทีขึงขังเอาจริงเอาจัง เสมือนหนึ่งว่าของผิดกฎหมายเหล่านี้ เพิ่งมีเพิ่งเห็นกัน และก็เพิ่งจะเกิดขึ้นในยุคโควิดรอบสองนี่
ถ้าจะพูดกันแล้วเรื่องบ่อน ซ่อง ยาเสพติด ของผิดกฎหมายต่างๆ มันมีมานานแล้ว ตั้งแต่ผมยังเด็กๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ใกล้จะแก่ตาย ทั้งบ่อน ทั้งซ่อง ทั้ง
ยาเสพติดก็มีกันให้เห็นอยู่ดาษดื่น จะกี่ยุคกี่สมัย ใครจะประกาศจัดการกันแข็งขันขนาดไหน ก็ไม่เคยเห็นหมดไปจากประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปกครองแบบใด ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ และรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือมาจากการปฏิวัติ ก็ไม่เคยเห็นมีชุดไหนที่จะจัดการให้หมดสิ้นไปได้ อย่างเก่งก็แค่ซุกอยู่ใต้พรม แต่แท้ที่จริงแล้วมันก็ยังมีอยู่
บางยุคบางสมัยเฟื่องฟูแบบออกหน้าออกตาเสียด้วยก็มี บางครั้งก็แยกไม่ออกว่าใครเป็นคนปราบปราม ใครเป็นคนร้าย เพราะมันอยู่ในตัวของคนคนเดียวกัน ความชั่วร้ายทั้งหมดนี้เป็นที่รู้กันว่าเกิดมาจากผู้มีอิทธิพลร่วมมือกับข้าราชการ และข้าราชการก็ร่วมมือกับนักการเมือง มันรู้เห็นเป็นใจกันทำเป็นขบวนการ มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องมหาศาล เป็นวงจรอยู่อย่างนี้ ไม่เคยเห็นมีใครตัดวงจรความชั่วร้ายนี้ได้ จะพูดจะทำอย่างไรก็เป็นไปในอีหรอบเดิม
ผมกล้ายืนยันว่าไม่ว่าจะมีโควิดหรือไม่มีโควิดก็แก้ไม่ได้ จะเปลี่ยนรัฐบาลกี่รัฐบาล หรือจะเปลี่ยนนายกฯกี่นายกฯ ก็แก้ไม่ได้ จะเลือกตั้งหรือจะปฏิวัติอีกกี่ครั้ง หรือจะมีโควิดอีกกี่รอบ ผมก็เชื่อว่าทั้งบ่อน ทั้งซ่อง ทั้งยาเสพติดก็ยังมีอยู่ มันฝังรากลึกมาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัยแล้ว เกินกว่าที่ใครจะทำอะไรได้... นี่เรากำลังดัดจริตอะไรกันอยู่หรือเปล่า...ก็รู้อยู่แล้วว่าเงินมันมีอิทธิพลอยู่เหนือการเมือง ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ”
ในความเห็นส่วนตัวของผม ข้อเสนอของนายกรณ์มีประโยชน์กว่าการพล่ามบ่นของ สว.วันชัย ที่ไม่ได้แนะทางออกอะไรเลย แค่บอกว่า อยู่มาจน “ใกล้จะแก่ตาย”ก็ยังเห็นบ่อนยังอยู่ ซึ่งสมควรจะเอาประสบการณ์“ใกล้จะแก่ตาย” นั้น มาเสนอแนะอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง นอกจากช่วยปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ ให้รอดไปจากการถูกตั้งคำถามครั้งนี้
1) ทั้งสองท่านไม่พูดกันตรงๆ ว่า ปัญหาเรื่องบ่อนนี้อยู่ที่ ไม่เคยมีใครจริงใจและจริงจังต่อการปราบปรามครับ เพราะมันคือ “แหล่งผลประโยชน์ร่วม” ของนายทุน มาเฟีย และผู้มีอำนาจ การเร่งรีบข้ามขั้นให้ยกบ่อนขึ้นมาบนโต๊ะ สุดท้ายก็เป็นคนกลุ่มเดิมนั่นแหละครับ ที่ได้ประโยชน์ก่อนคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่เขาควร “ถูกลงโทษ”
2) ผมจึงยังไม่คิดข้ามขั้นว่า ควรทำยังไงกับบ่อนในอนาคต แต่ก่อนจะอ้างว่า “ไม่มีใครปราบได้” ผมอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนพิสูจน์ข้ออ้างเฮงซวยนี้ก่อน เอาอย่างนี้นะครับว่า “หู-ตา” ของรัฐ ถ้ามันไม่หลิ่ว มันเหลือบ มันแล มันเล็ง บ่อนจะโผล่ขึ้นมาได้ไหม
3) พล.อ.ประยุทธ์ ครับ หากท่านใช้สรรพกำลังของรัฐทั้งหมด “สแกนพื้นที่” รัฐมีใครเป็นเครื่องมือบ้าง ระดับพื้นที่ในสังกัดมหาดไทย คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. นายอำเภอ ปลัดผู้ว่าราชการจังหวัด ในสายตำรวจ มี สน.ท้องที่ มีกองปราบฯ สันติบาล ในกระทรวงยุติธรรม มีดีเอสไอ ในฝ่ายความมั่นคง มีอีกไม่รู้กี่หน่วยงาน ใช่ครับ พวกเขาเหล่านี้มีงานอื่นๆ แต่มันอยู่ที่ “นโยบาย” ของท่านผู้นำไงครับ ว่าท่านผู้นำจะจัดการกับบ่อนจริงจังแค่ไหนด้วยกำลังคนทั้งหมดที่ว่ามา มด หนู งูเงี้ยว หลบอยู่รูไหนก็แทบจะเห็นหมด อย่าว่าแต่บ่อนเลย ดังนั้น ถ้าจะทำกันจริงๆ ไม่ต้องรอจน สว.วันชัยแก่ตาย เราก็เห็นผลได้ว่าบ่อนไม่อาจเกิด ยกเว้นวงไพ่ตองของผู้สูงอายุ แต่เรากำลังพูดถึงบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ของ “ผู้มีอิทธิพล” ตำรวจตัวเล็กตัวน้อยในท้องที่ ไม่มีปัญหาไปจัดการหรอกครับหยุดตอแหล หยุดทำเป็นโลกสวย แล้วเอาแต่ย้ายมดปลวกพวกนี้กลบเกลื่อนไอ้คนตัวใหญ่ที่ได้ประโยชน์
มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้จัดเสวนา เรื่อง“หยุดบ่อน (พนัน) ทำลายเศรษฐกิจ ทำร้ายสังคม” ขึ้นเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2564
พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการ สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ครั้งนี้ สะท้อนว่ามีปัญหามาจากรากเหง้ามาจากเรื่องใต้ดินผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเรื่องบ่อนการพนัน ซึ่งเชื่อว่าปัญหาที่ผุดขึ้นมาวันนี้ยังไม่หมด
“จริงๆ ตำรวจเองก็รู้รับรู้ถึงปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่ไม่ได้ทำอะไร พูดตรงๆบางแห่งตำรวจจัดให้มีด้วย ที่ตนพูดมานี่ยังเบาไปด้วยซ้ำ และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตำรวจระดับสูง ส่วนตำรวจตัวเล็กๆ ไม่ได้อะไร ปัญหาคือพอเกิดเรื่องแล้วใช้ระบบการเด้ง 5 เสือ ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ใช่การลงโทษด้วยซ้ำ บางคนได้เลื่อนขั้นด้วยซ้ำ”
พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ควรทำเพื่อเป็นการลงโทษคือ ย้ายแล้วตั้งกรรมการสอบถ้าจะให้เด็ดขาดก็คือสั่งสำรองราชการ ซึ่งเท่ากับทำงานย่อหย่อน ถ้าจะให้ดีกว่านี้คือต้องสั่งพักราชการ
“เมื่อวันนี้กฎหมายบอกว่าการเล่นการพนันผิดกฎหมาย ผู้รักษากฎหมายก็ต้องทำตามอย่างเข้มข้น การบอกว่าที่แล้วมาก็แล้วไป แล้วข้างหน้าอย่าให้มีแบบนี้ ไม่ถูกต้องเป็นภาวะจำนน แต่ไม่ลงโทษคนชั่ว เป็นการทำร้ายจิตใจคนดี ทำร้ายคนดี และต้องบอกว่าจริงๆ แล้ว ในกรมตำรวจนั้นมีการทำร้ายจิตใจตำรวจดีๆ อยู่ตลอดเวลา
ตำรวจที่ดี สอบสวนอย่างตรงไปตรงมาไม่ทำตามคำสั่งที่ไม่ชอบ แต่ถามว่าคนปฏิบัติแบบนี้จะอยู่ได้ในระบบแบบนี้หรือไม่ โดยเฉพาะมีการแต่งตั้งที่มีการวิ่งเต้น ใช้เส้นสาย”
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของการร่างพ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจ โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เปลี่ยนระบบการแต่งตั้งโยกย้ายให้มีทั้งอาวุโส คะแนนผลงานจากการประเมินของประชาชน และการประเมินของผู้บังคับบัญชา ดังนั้นขอให้ประชาชนร่วมกันผลักดันให้กฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในสภา และต่อต้านฉบับที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแก้ไข
ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมายแต่ก็มีอยู่ในสังคมไทยมานาน พูดกันจนเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงการทำบ่อนถูกกฎหมายอะไร เอาแค่วันนี้ กฎหมายบอกว่าห้ามเล่นการพนัน ตำรวจก็ต้องยึดตามหลักการนี้และบังคับใช้กฎหมายตามนี้ ส่วนอนาคตจะมีการหารือว่าจะต้องปรับแก้กฎหมายหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
วันนี้บ่อนเป็นปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่สิ่งที่รู้คือยังมีการรับส่วยเปิดบ่อน แล้วจะปล่อยให้เป็นแบบนี้อย่างนั้นหรือ
ทั้งนี้จากการติดตามเรื่องการปฏิรูปตำรวจ พบว่าปัญหามีการผูกโยงกับเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่มีต้นทุนจากการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง ลำพังเงินเดือน สวัสดิการคงไม่พอที่กับการลงทุนตรงนี้ จึงต้องการไปอยู่ในพื้นที่ทอง หรือพื้นที่ที่มีธุรกิจสีเทามาก ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาจนมีการบรรจุในรัฐธรรมนูญว่าต้องเร่งปฏิรูปตำรวจภายใน 1 ปี แต่ผ่านมา 3 ปีแล้วยังไม่สำเร็จ
นายคำนูณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ร่างพ.ร.บ.ตำรวจชุดนายมีชัย ได้แก้ไขให้การแต่งตั้งโยกย้ายตามหลักอาวุโสและความรู้ความสามารถ เพื่อเป็นกำลังใจให้ตำรวจทำงานรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริงเพราะประชาชนจะเป็นผู้ให้คะแนน แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการขอแก้ไข
“เราอยากให้มีการใช้ระบบการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจตามความรู้ ความสามารถ สัก 5 รอบการแต่งตั้งโยกย้าย จึงขอเรียกร้องนายกฯ และครม.ผลักดันร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ แม้จะแก้ปัญหาได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็ยังช่วยให้ผู้รักษากฎหมาย ดำเนินการรักษากฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยคนที่อยากจะเป็นคนดี เป็นตำรวจที่ดีสามารถทำได้จริง”
ส่วนเรื่อง “แรงงานเถื่อน” ให้ท่านนายกฯอ่านข่าวนี้ครับ
15 มกราคม 2564 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่าวันนี้จะสรุปรายงานการสืบสวนข้อเท็จจริงขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศในพื้นที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยและอาญากับตำรวจที่ร่วมขบวนการ โดยใช้กรรมการตรวจสอบจากส่วนกลาง คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหลัก เช่น จเรตำรวจ มีผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะกรรมการฯ มีตนเองกำกับดูแล ซึ่งคณะทำงานที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะตั้งขึ้น มีหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบซ้ำ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง และการกระทำผิดให้ได้มากที่สุด
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า คณะกรรมการที่ ผบ.ตร. จะตั้งขึ้น ซึ่งเป็นกรรมการชุดของตำรวจ ยังมีหน้าที่สนับสนุนข้อมูลการทำผิดของตำรวจ และผู้เกี่ยวข้องทุกคนต่อคณะกรรมการชุดที่นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง ซึ่งมีอำนาจในการเรียกดูข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับตรงมายังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ห้ามปกปิด หรือช่วยเหลือกันอย่างเด็ดขาด
“สำหรับการพิสูจน์หาต้นตอการแพร่ระบาดของโควิดรอบใหม่ที่เกิดจากแรงงานเมียนมาในตลาดกลางกุ้งนั้นจากการสืบสวนย้อนรอยจากกลุ่มแรงงานที่ป่วยโควิดในจังหวัดสมุทรสาคร พบว่า แรงงานผิดกฎหมายเกือบทั้งหมดที่นั่น มีขบวนการขนแรงงานเถื่อนกลุ่มที่มีตำรวจกว่า 20 นายและพลเรือน 8 คนอยู่ในนี้ เป็นคนนำพาเข้ามาจากทางด้านจังหวัดกาญจนบุรี” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้าจะเสนอศาลขอออกหมายจับพลเรือน 8 คนที่อยู่ในขบวนการขนแรงงานเถื่อน ในความผิด ฐานหลบหนีเข้าเมือง ทั้ง
ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น อำพราง ส่วนตำรวจกว่า 20 นายบางส่วนถูกพักราชการ และสั่งให้ช่วยราชการพ้นพื้นที่มาแล้ว แต่ระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ คาดว่าหลังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบฯ จะมีความชัดเจนที่จะดำเนินการกับตำรวจทำผิดกลุ่มนี้
รายงานข่าว แจ้งว่า จากข้อมูลเชื่อว่าตำรวจที่เกี่ยวข้องในการนำพาแรงงานเข้าประเทศ มี 25 นาย และมีพลเรือน 8 คน (ที่มา : แนวหน้าออนไลน์)
ข้อมูลชัดเจนขนาดนี้ นายกรัฐมนตรีจะทำยังไงไหมครับ และนี่คงเป็นแค่ “เสี้ยวเดียว” ของกระบวนการนำเข้าแรงงานเถื่อน ที่เดี๋ยวมีผลกระทบไปถึงประเด็น “ค้ามนุษย์” ความซวยก็จะไปตกกับ “ภาคการประมง” ที่ทุกวันนี้ เรือจอด กอดความฉิบหายกันทั่ว ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ไร้การเยียวยาแก้ไขจากรัฐ ที่ออกกฎหมายเข้มข้น จนภาคการประมง “ตายสนิท” ชนิดไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ลองสอบถามที่ปัตตานี กับที่ประแสร์ ระยอง ดูเป็นตัวอย่างก็ได้นะครับ เขารอ “ความเมตตา” จากรัฐกันมานานแค่ไหนแล้วดังนั้น หยุดบ่นว่าร้อยนายกฯ ก็แก้ไม่ได้นายกฯเดียว ที่จริงจัง จริงใจ ไม่ลูบหน้าปะจมูก ก็แก้ได้หลายเปลาะครับ ลอง “ลงมือ” ดูสิครับ โดยเฉพาะเรื่อง “การปฏิรูปตำรวจ” ที่ท่านเฉไฉมาหลายปีแล้ว!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี