ความจริงที่ต้องยอมรับร่วมกันก่อนในเวลานี้ คือ ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ แม้จะมีการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวในพื้นที่สีแดงเข้มก็ตาม
เพราะลำพังการล็อกดาวน์แต่ไม่มีการเดินหน้าคัดกรองคนมีเชื้อ เพื่อแยกออกจากคนไม่มีเชื้อล่าช้า และน้อยกว่าสถานการณ์ที่เชื้อ “เข้าบ้าน” แทบจะทุกบ้านไปแล้ว เพียงแต่บางบ้านมีอาการ บางบ้านยังไม่ออกอาการเท่านั้น
ยุทธศาสตร์ที่ว่างเปล่า ล้าหลัง ไม่มีแผนปฏิบัติการเชิงรุก คือ ปัญหา
ล็อกดาวน์ เหมือนยุคที่เชื้ออยู่ตรงไหน กระจายไปไหน-รู้และควบคุมได้ ในเวลาที่หาต้นตอเชื้อและพาหะไม่เจอแล้ว สิ่งที่ควรทำคือ ปูพรมตรวจ ที่ไม่ใช่ให้ประชาชนไปเข้าแถวรอชนิดที่ต้องไปนอนรออย่างที่ผ่านมา แต่ต้องแจกอุปกรณ์การตรวจ แล้วเอาผู้ติดเชื้อเบื้องต้นจากอุปกรณ์ที่ว่า มาตรวจด้วยระบบที่ละเอียดกว่า จากนั้นแยกคนมีเชื้อแน่ๆและยัง “อาการน้อย” ออกมา หาที่ให้อยู่สังเกตอาการ พร้อมยาและการดูแลเบื้องต้น จะเป็นระบบกักตัวอยู่บ้าน กักตัวในชุมชน จุดพักคอย หรืออะไรก็แล้วแต่ คนไข้ระดับมีอาการที่น่าห่วงขึ้น ก็เพิ่มโรงพยาบาลสนาม (แล้วมีบุคลากรกำกับโรงพยาบาลสนามให้ได้มาตรฐานเพียงใด?) เราทำอย่างนี้เพื่อหยุดการติดเชื้อไว้ที่อาการไม่รุนแรง ให้ยา รักษาตัวเองได้ ไม่กระจายเชื้อต่อ ไม่ใช่รอจนอาการหนัก ตายคาบ้าน ตายข้างถนน เพราะเตียงในโรงพยาบาลล้น รถรับส่งไม่มีแล้ว จนตามมาด้วยโศกนาฏกรรม “ลูกเฝ้าศพแม่” หรือถูกไล่ออกจากบ้าน
มาดูสัญญาณ หรืออาการที่ “ระบบไม่พร้อม” เพราะยุทธศาสตร์ไม่มี การจัดการเป็นไปตามยถากรรม ใครคิดอะไรได้ก็ทำ เป็นตัวอย่างกันสักหน่อย
1) ค่ำคืนที่เกิดเรื่องหดหู่ใจ เมื่อมีชาย 3 คน อายุ 93 ปี 63 ปี และ 42 ปี นั่งอยู่ข้างถนน ในสภาพอิดโรย มีกระเป๋าเดินทางคนละหนึ่งใบ บริเวณข้างวัดไผ่เงิน เขตสาทร โดยทั้งสามคน เป็นผู้ป่วยโควิด
26 ก.ค.2564 ญาติเปิดเผยว่า คุณตา (93) คุณพ่อ (63) และพี่ชาย (42) ได้รับประสานไปรักษาที่รพ.สนาม แต่ไม่มีรถไปทางครอบครัวจึงประสานหารถไปส่งรพ.สนาม แต่ปรากฏว่า จนถึงค่ำ ไม่สามารถเข้ารักษาได้ เพราะยังไม่มีการลงทะเบียน ทางรพ.แจ้งว่า คืนนี้ให้กลับไปนอนที่บ้านก่อนและให้มาใหม่ในวันที่ 27 ก.ค. และมีการประสานรถจากรพ.สนาม มาส่งกลับบ้าน แต่รถกลับไม่ส่งถึงบ้าน ให้ลงก่อนถึงบ้านเกือบ 1 กิโลเมตร (บางแหล่งข่าวรายงานว่าไกลกว่านี้) โดยบอกกับคุณตาว่า ส่งแค่นี้แล้วก็ไป จนต้องประสานกับกลุ่มอาสาเส้นด้ายเข้าช่วยเหลือ นำทั้งสามคนส่งถึงบ้านแล้ว และจะรับไปส่งรพ.สนามตามนัดอีกครั้ง ทั้งนี้ทางครอบครัว ไม่ขอโทษว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด แค่อยากถามว่า ทำไมถึงปล่อยคนแก่ที่เป็นผู้ติดเชื้อไว้ข้างทางแบบนี้
2) นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขตสวนหลวง พรรคกล้า กล่าวว่า ท่ามกลางความสูญเสียจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีหลายปัญหาที่ละเลยไม่ได้ หนึ่งในเรื่องที่น่าสะเทือนใจมากคือ การที่ประเทศของเรากำลังมีเด็กกำพร้ามากขึ้นทุกที เป็นความกะทันหัน จนแทบไม่มีเวลาให้เตรียมใจ และไม่มีกระทั่งเวลาให้อำลากันมากนัก ดังกรณีคำร่ำลาสุดท้ายของเด็กสองคนในวันที่รถขนศพมารับแม่ไป เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องชวนหดหู่อย่างมาก แต่ที่ทำให้รู้สึกแย่ไปกว่านั้น คือ การที่เราทุกคนรู้ดีว่านี่จะไม่ใช่กรณีสุดท้าย โดยเฉพาะหากรัฐบาลนี้ยังอยู่ และบริหารแบบเอ้อระเหยลอยชายไปตามระบบราชการเช่นนี้
“หลายคนคงได้เห็นคลิปนี้แล้ว เป็นคลิปที่น้องสองคนบอกกับแม่ก่อนลาจากกันเป็นครั้งสุดท้ายว่า “แม่ไม่ต้องห่วง...หนูโตแล้ว เดี๋ยวหนูจะดูแลน้องเอง” ผมดูแล้วน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นความอัดอั้นน่าเศร้าขนาดไหนที่สถานการณ์เดินมาถึงจุดนี้ได้ วัคซีนไม่พอ รุกตรวจไม่เร่ง ส่งต่อเตียงเต็ม โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ผู้ป่วยนอนรออย่างสิ้นหวังแต่ผมยังไม่เห็นถ้อยคำแสดงความเสียใจ ขอโทษหรือขอรับผิดชอบต่อเรื่องเหล่านี้จากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเลย ผมยังไม่เห็นการสั่งการเตรียมพร้อมช่วยเหลือเยียวยาบาดแผลเหล่านี้อย่างเป็นระบบ ซึ่งขอย้ำว่ากรณีแบบนี้จะมีขึ้นอีกอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนนี้ก็มาถึงสถานการณ์ที่ไม่มีใครในประเทศนี้รู้สึกถึงความหวังจากตัวผู้รับผิดชอบต่อระบบสุขภาพของประเทศนี้โดยตรง ซึ่งก็คือ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สธ.ได้เลย เพราะท่านเอาแต่หลบเลี่ยงปัญหา ไร้ความกล้าหาญในการออกหน้าทะลวงข้อจำกัดต่างๆ ในระบบราชการที่คนทำงานด่านหน้าและอาสาสมัครทุกคนรู้ดีว่าเป็นปัญหาแค่ไหน ท่านไร้ความรับผิดชอบและไร้ความสามารถอย่างสิ้นเชิง” นายอริย์ธัช กล่าว
นายอริย์ธัช กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีเคยเอ่ยปากถามว่า จะเอาอำนาจที่ถูกริบไปคืนไหม ก็ไม่กล้ารับ ท่านยังไปโกหกสร้างฝันหวานที่ไม่เป็นจริงกรณีวัคซีนถึงในสภา จนทำให้การบริหารวางแผนทุกอย่างพลาดไปหมด ผมคิดว่าถึงขั้นนี้ ท่านต้องตัดสินใจได้แล้ว เพราะผลงานของท่านเต็มไปด้วยชีวิตและคราบน้ำตาที่ร่วงหล่นของประชาชน กระทั่งอนาคตและความอบอุ่นของพ่อแม่ของเด็กๆ ก็ยังถูกท่านพรากไปเพราะความอวดเก่ง แต่บริหารบกพร่องอย่างร้ายแรงเรื่อยมา ท่านทำให้ประเทศที่เราเคยภูมิใจว่ามีระบบสาธารณสุขดีระดับโลกถูกปู้ยี่ปู้ยำจนพังพินาศได้ขนาดนี้ ผลงานแบบนี้หากท่านยังจะขออยู่ต่อก็หน้าด้านเต็มทนแล้วครับ ถึงตอนนี้ตนเชื่อว่าประชาชนทุกคนเห็นตรงกันว่าท่านไม่เหมาะกับตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุข
3) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ค ตำหนิ “วัคซีนเข็ม 3” ในพื้นที่อิทธิพลของพรรคภูมิใจไทย อย่าง จ.บุรีรัมย์ ว่า
“...ผมก็หงุดหงิดมากเมื่ออ่านเจอเรื่องวัคซีนเข็มที่3 ที่ฉีดให้ตำรวจที่บุรีรัมย์ แล้ว กลับไปเรียกกันอย่างหน้าไม่อายว่า “วัคซีนก้นขวด”
• ผมและคนไทยเห็นภาพคนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อฉีดวัคซีนเข็มแรก ผมและคนไทยเห็นภาพคนตายคาบ้าน ผมและคนไทยเห็นภาพคนตายบนถนนจากโรคระบาด เพราะไม่ได้ฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว ใครไม่ร้องไห้กับดวงวิญญาณเหล่านั้น ผมไม่เรียกเขาว่าเป็นมนุษย์ ซึ่งแปลว่า ผู้มีจิตใจอันประเสริฐ
• เราเสนอหน้ากันมาเป็นนักการเมืองทำไมกัน (วะ) เราต้องการเป็นนักการเมืองเพราะต้องการแบ่งทรัพยากรของชาติให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ไม่ใช่หรือ? ในภาวะที่ประชาชนเจ็บป่วยล้มตาย เราให้โอกาสคนสูงอายุ และคนมีโรคประจำตัวก่อนเพราะคนเหล่านั้นอ่อนแอกว่าคนทั่วไป การให้โอกาสคนอ่อนแอก่อน เขาไม่เรียกว่า “เลือกปฏิบัติ” แต่เขาเรียกว่า “หลักแห่งความเป็นธรรม” ไม่ใช่หรือ ?
• วัคซีนแม้เพียง 1 เข็ม มันป้องกันคนแก่และคนมีโรคประจำตัวไม่ให้ตายได้ไม่ใช่หรือ สองตาของคุณเห็นคนแก่คนพิการตายคาบ้านเพราะไม่ได้รับวัคซีนบ้างไหม ถ้าไม่เห็น คุณก็ตาบอด ถ้าเห็นแล้วคุณยังไม่มีความเป็นธรรมเรื่องการแจกจ่ายวัคซีนใจคุณมันมืดบอด โหดร้าย และอำมหิต
• ปกติเข็มที่ 3 เขาให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ก่อนไม่ใช่หรือ จากนั้นเขาจึงจะให้คนแก่และผู้มีโรคประจำตัว หากคนตาย 1 คน เพราะไม่ได้รับวัคซีนที่ควรได้ เพราะคุณเอาไปฉีดเป็นเข็มที่ 3 ให้ใครก็ไม่รู้ที่ไม่ควรได้ เท่ากับคุณกำลังหยิบยื่นความตายให้กับประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งก็รู้ไม่ใช่หรือว่า บางคนหากไม่ได้รับวัคซีนเขาจะตาย คุณกำลังพรากพ่อ-พรากแม่ ไปจากลูก คุณกำลังพรากพี่ไปจากน้อง คุณกำลังสร้างความล่มสลายให้คนไทยคุณ“เล็งเห็นผล”มิใช่หรือว่าความตายมันจะเกิดขึ้นกับเขา
ใครก็ตามพรากวัคซีนเข็มแรกไปจากแขนของประชาชน แต่นำไปเสียบเป็นเข็มที่ 3 ให้กับแขนของคนที่ไม่ควรได้รับ ผม..ผม..กล่าวหาคุณว่า “คุณคือฆาตกร” หากคุณเป็นผู้ถืออำนาจแห่งรัฏฐาธิปัตย์ แล้วไปทำอย่างนี้ผมกล่าวหาคุณว่า “เป็นการฆาตกรรมโดยรัฐ” ผมอยากจับคุณไปขึ้นศาล ผมอยากทดสอบกระบวนการยุติธรรมของเมืองไทยจริงๆ ว่า จะคุ้มครองประชาชน หรือ คุ้มครองฆาตกร
ผมถามรวมๆอย่างนี้แหละ ไม่ระบุว่าเป็นใคร ใครคิดว่าตัวเองมีหน้าที่ตอบ ก็ตอบเอาเองก็แล้วกัน #คืนวัคซีนก้นขวดให้ประชาชน
4) พิธีกร-นักแสดงสาว ได๋ - ไดอาน่า จงจินตนาการผู้ประสานงานช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 มาโดยตลอดตั้งแต่ตัดสินใจเปิดเพจ เราต้องรอด โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว เผยความในใจที่เธอว่าอาจจะดูใจร้าย แต่นี่คือความจริง ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ว่า “ขออนุญาตพูดตรงๆ นะคะ หากเป็นเวลาปกติคงจะดูใจร้ายเเต่นี่คือความจริง ตอนนี้ทุกคนต้องสตรองต้องช่วยตัวเองกันก่อนนะคะ เตียง-ไม่มีค่ะ ยังไงก็ไม่มี ก่อนหน้านี้ผู้ติดเชื้อหลักพันก็ไม่มีอยู่เเล้ว ตอนนี้หลักหมื่น....สมมติเราเสริมเตียง เพิ่มเตียงยังไงคุณหมอเเละพยาบาลก็มีเท่าเดิม
HOME ISOLATION กักตัว รักษาตัวเองอยู่ที่บ้านนะคะ ทานยาตามอาการ คอยหมั่นดู เเละวัดค่า OXYGEN ของตัวเอง ติดต่อลงทะเบียนได้ที่ 1330 กด 14 หรือ ที่ @1668.reg เพื่อขอยานะคะ
ตอนนี้ทุกคืนเจอคน OXYGEN DROP 80 70 ก็ต้องให้ oxygen อยู่บ้าน ในขณะที่ oxygen 50 40 30 ก็พยายามส่งทีมไปดูเเลเเละดัน oxygen ขึ้น เพื่อประทัง เเละให้เวลาทีมงาน เราต้องรอด ในการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอยาต้านไวรัส ซึ่งไม่สามารถให้ได้ในกรณีที่ อาการยังไม่หนัก .....
ขอเตียง - ไม่มีจริงๆ ค่ะ ใครมีช่วยบอกหน่อยนะคะจะรีบโทรให้เลย
ขอยาสามัญ ตามอาการ - ขอชื่อที่อยู่เบอร์โทร
ขอยาต้านไวรัส - ต้องลงทะเบียนเเละให้หมอสั่งจ่าย
สงครามโรคครั้งนี้ มันลุยเราไม่หยุด เราอย่ายอมมันนะคะ กินยาค่ะ สู้กับมันค่ะ บางคนถ่ายไม่หยุด อาเจียนไม่หยุด เเล้วไม่ยอมทานข้าว ญาติต้องนั่งให้กำลังใจ เเล้วเชียร์ให้จิบๆๆๆ ไปเรื่อยๆ นะคะ หากคุณหมอจ่ายยาก็ต้องกินตามที่คุณหมอเขียนนะคะ
ตอนนี้ทุกหน่วยงาน ทุกคนกำลังช่วยกันอยู่สุดความสามารถ เเต่เคสเยอะจริงๆ ล้นจริงๆ เข้าใจผู้ป่วย เข้าใจญาติทุกคนว่าร้อนใจ เเละสับสนไม่รู้ว่าจะทำยังไง ก็ถ้าหนทางเดียวตอนนี้คือดูเเลกันเอง เราก็ทำให้ดีที่สุด ช่วยกันเเละกันให้ได้มากที่สุด สถานการณ์มันหนักมากจริงๆ #เราต้องรอด
ปล: เเต่หากไม่ไหวเเล้วจริงๆ บางทีการที่เราได้อยู่กับพ่อเเม่เราในห้วงเวลาสุดท้ายก็ดีกว่า การจากกันไปโดยไม่ได้บอกลา เพราะนี่คือความจริง”
สรุป : ใครก็ได้ ส่งบทความนี้ให้นายกฯ อ่าน แล้วถามท่านให้หน่อยว่า ท่านเห็น “ช่องโหว่” หรือความไม่มียุทธศาสตร์ในการรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดในตอนนี้ แล้วหรือยัง? และท่านจะทำอย่างไรต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี