นโยบายที่เรียกว่า “รับจำนำพืชผลการเกษตร” อาทิ จำนำข้าว จำนำยางพารา จำนำมันสำปะหลัง ฯลฯ
ซึ่งแท้ที่จริง คือ การรับซื้อในราคาแพงกว่าราคาตลาด
เปิดช่องให้มีการโกงกันฉิบหายวายป่วง ทุกขั้นตอน
โดยเฉพาะเมื่อรับข้าว มันสำปะหลัง ยาง ฯลฯ จากชาวนาไปเก็บไว้ในสต๊อกแล้วก็โกงกินกันมโหฬาร ผ่านการขายราคาถูกกว่าราคารับซื้อมาจากเกษตร ถูกกว่าราคาตลาด โดยไม่เปิดประมูลแข่งขันราคา อาทิ ข้าวจีทูจีเก๊ มันสำปะหลังจีทูจีเก๊ เป็นต้น
มายุคนี้ นอกจากจะมีการดำเนินคดีกับนักการเมืองและพ่อค้าที่โกงกินในยุคที่ผ่านมาแล้ว ยังมีการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยวิธีการแบบเดิมๆ หรือไม่? ช่วยด้วยวิธีไหน? มากน้อยแค่ไหน?
1 ยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เลือกวิธีช่วยเกษตรกร โดยไม่แทรกแซงราคา
แต่เข้าไปโอบอุ้มรายได้ของเกษตรโดยตรง
ผ่านนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ คือ นโยบายประกันรายได้ ตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภา
พ่วงด้วยมาตรการคู่ขนาน เช่น ช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว สินเชื่อต่างๆ ฯลฯ
2.โครงการประกันรายได้เกษตรกร ดำเนินการโครงการปี 2 ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
ล่าสุด คณะกรรมการนโยบายสินค้าเกษตรพืช 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวมันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และยางพารา ได้เห็นชอบหลักการโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรและมาตรการคู่ขนาน ปี 2564/65 ในเบื้องต้นแล้ว
อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
3.ในปีที่ผ่านมา โครงการประกันรายได้และมาตรการคู่ขนาน ปี 2563/64 หรือโครงการปี 2
เกษตรกรที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการทั้ง 5 ชนิด รวม 7.87 ล้านครัวเรือน
วงเงินประกันรายได้ 5 ชนิด รวม 75,166 ล้านบาท
มีการโอนเงินชดเชยให้เกษตรกรแล้ว 6.964 ล้านครัวเรือน รวมเป็นเงิน 60,041 ล้านบาท
คิดเป็น 79.88% ของโครงการ
เกษตรกรพึงพอใจ เพราะเงินส่วนนี้จะได้รับเข้ากระเป๋าโดยตรง ส่วนสินค้าเกษตรของตนเองก็สามารถนำไปค้าขาย แปรรูป จำหน่ายเอง ได้รับเงินเข้ากระเป๋าตัวเองตามความสามารถของแต่ละคน หรือแต่ละกลุ่มเกษตรกรอีกต่างหาก
4.โครงการประกันรายได้ชาวนา ปีที่ 2
กำหนดราคาประกันรายได้ คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาทต่อตัน(ครัวเรือนละ 14 ตัน) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาทต่อตัน(ครัวเรือนละ 16 ตัน) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาทต่อตัน (ครัวเรือนละ25 ตัน) ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาทต่อตัน (ครัวเรือนละ 30 ตัน) ข้าวเปลือกเหนียว12,000 บาทต่อตัน (ครัวเรือนละ 16 ตัน)
มีเกษตรกรเข้าร่วม 4.686 ล้านครัวเรือน
วงเงิน 49,509.81 ล้านบาท
ได้ประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงครบแล้ว 30 งวด และโอนเงินให้เกษตรกรแล้ว 4.688 ล้านครัวเรือน จำนวน 48,177.32 ล้านบาท คิดเป็น 97.31%
จ่ายชดเชยสูงสุดให้เกษตรกรข้าวหอมมะลิ 42,830.62 บาทต่อครัวเรือน ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ 41,680.96 บาทต่อครัวเรือน ข้าวเปลือกเจ้า 36,670.80 บาทต่อครัวเรือน ข้าวปทุมธานี 26,674.00 บาทต่อครัวเรือน และข้าวเหนียว 33,349.44 บาทต่อครัวเรือน
5.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในปีที่ผ่านมา
กำหนดราคาประกัน 2.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ไม่เกิน 100 ตันต่อครัวเรือน
จ่ายทุกวันที่ 1 ของเดือน
จ่ายไปแล้ว 10 งวด จากจำนวน 12 งวด
มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 0.524 ล้านครัวเรือน
วงเงิน 9,570.97 ล้านบาท
โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว 0.484 ล้านครัวเรือน จำนวน 3,084.13 ล้านบาท
คิดเป็น 32.22%
มีการจ่ายชดเชยสูงสุดให้เกษตรกร 28,000 บาทต่อครัวเรือน
6.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีล่าสุด
กำหนดราคาประกัน 8.50 บาทต่อ กก. ไม่เกิน 30 ไร่ต่อครัวเรือน
จ่ายเงินชดเชยทุกวันที่ 20 ของเดือน จ่ายไปแล้ว 10 งวด จากจำนวน 12 งวด
เกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 0.452 ล้านครัวเรือน วงเงิน 1,867.92ล้านบาท
โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว 0.338 ล้านครัวเรือน จำนวน 1,233.51 ล้านบาทคิดเป็น 66.04%
มีการจ่ายชดเชยสูงสุดให้เกษตรกร 9,625.50 บาทต่อครัวเรือน
7.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ปีล่าสุด
กำหนดราคาประกันรายได้ 4.00 บาทต่อ กก. ไม่เกิน 25 ไร่ต่อครัวเรือนอายุ 3 ปีขึ้นไป
จ่ายเงินชดเชยทุกวันที่ 15 ของเดือน
ประกาศราคาอ้างอิงแล้วจำนวน 8 งวด
มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 0.370 ล้านครัวเรือน วงเงิน 4,500.00 ล้านบาท
แต่ราคาตลาดอ้างอิงงวดที่ 1-8 สูงกว่าราคาเป้าหมาย กก.ละ 4 บาทจึงไม่มีการจ่ายชดเชย
8.โครงการประกันรายได้ชาวสวนยางพารา ปีล่าสุด
ดูแลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมว.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) กำหนดราคาประกันรายได้
ยางดิบ 60 บาทต่อ กก. (ปริมาณ 20 กก.ต่อไร่ต่อเดือน)
น้ำยางสด (DRC 100%) 57 บาทต่อ กก. (ปริมาณ 20 กก.ต่อไร่ต่อเดือน)
ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23 บาทต่อ กก. (ปริมาณ 40 กก.ต่อไร่ต่อเดือน)
ไม่เกิน 25 ไร่ อายุ 7 ปีขึ้นไป
มีการจ่ายชดเชยทุกเดือน ครบแล้วทั้ง 6 งวด
มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 1.83 ล้านราย วงเงิน 10,042.82 ล้านบาท
โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว 1.454 ล้านราย จำนวน 7,546.994 ล้านบาทคิดเป็น 77.66%
มีการจ่ายชดเชยสูงสุดให้เกษตรกรยางแผ่นดิบ 3,610 บาทต่อรายน้ำยางสด (DRC 100%) 14,770 บาทต่อราย และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 13,400 บาทต่อราย
9.โครงการประกันรายได้ปี 3
โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 มติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2564 ได้เห็นชอบโครงการ โดยให้คงหลักการเดิม วงเงิน 89,306.39 ล้านบาท,
โครงการประกันรายได้มันสำปะหลัง มติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2564 ให้คงหลักการเดิม วงเงิน 6,811.28 ล้านบาท
โครงการประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 ให้คงหลักการเดิม วงเงิน 1,863.51 ล้านบาท
โครงการประกันรายได้ยางพารา มติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2564 เห็นชอบในหลักการเดิม วงเงิน 10,065.68
ล้านบาท
และโครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน มติคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 ให้คงหลักการเดิม วงเงิน 7,660 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างนำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอ ครม.พิจารณา
10.โดยสรุป โครงการประกันรายได้ปีล่าสุด ช่วยเกษตรกร ٧.٨٧ ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ
เกษตรกรได้รับเงินชดเชยส่วนต่างแล้วกว่า ٦ หมื่นล้านบาท
ยังไม่นับรวมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรงอื่นๆ และมาตรการเยียวยาโควิด-19 อีกต่างหาก
นโยบายเหล่านี้ล้วนแต่ใช้เงินแผ่นดินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้ขั้นต่ำตามเกณฑ์ แต่เกษตรกรจำนวนมากสามารถพัฒนาพืชผลและแปรรูป จำหน่ายเป็นสินค้าผ่านออนไลน์ มีรายได้เป็นของตนเองอีกต่างหาก นับเป็นแบบอย่างที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
ประการสำคัญ นโยบายประกันรายได้ ไม่เปิดช่องให้นักการเมืองโกงกินเหมือนในยุคที่ผ่านมา
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี