ตลอดระยะเวลาการบริหารประเทศของ “คณะทหารแก่–พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ภายหลังนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 แม้“ลุงตู่” จะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ตามความชอบธรรมที่ได้รับมาจากประชาชนทั้งแผ่นดิน รักษากระแสนิยมจากมหาชนได้ในระดับหนึ่ง แต่ “รัฐนาวาเรือแป๊ะ” ลำนี้ก็ฝ่าคลื่นลมมรสุมอย่างรุนแรง จนเกือบอับปางหลายครั้ง เพราะความจริงข้อหนึ่งว่ายุทธศาสตร์ของรัฐบาลมักจะสะบักสะบอมแพ้ภัยตัวเองสม่ำเสมอด้วยความอ่อนประชาสัมพันธ์
เราเคยเตือนและชี้นำหนทางหลายครั้งหลายหนว่า รัฐบาลต้องปรับยุทธศาสตร์แบบแผนการทำงานประชาสัมพันธ์ข้อมูลและผลงานของรัฐบาลต่อประชาชน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจและข้อเท็จจริง เพราะปฏิบัติการข่าวสารนี่เองที่ทำให้สังคมไทยเกิดอาการขาดความเชื่อมั่น หวาดระแวง แบ่งฝักฝ่ายอีกครั้ง จนถึงขั้นพันธมิตรเกิดความสงสัยในความสัมพันธ์อาทิ สถานเทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนต้องแถลงการณ์ผ่านสื่อโซเชียลในภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความช่วยเหลือระหว่างรัฐต่อรัฐ หลังนักการเมืองชังชาติบางกลุ่มบางคนพยายามด้อยค่าอาวุธในการต่อสู้สงครามชีวภาพผ่านข่าวสาร สนตะพายเยาวชนเยาวรุ่นสามกีบเป็นกองกำลัง ปลุกปั่นกระแสจนไอดอลสังคมไทยตกหลุมตกลูปกระโจนออกมาคอลเอาท์ให้สังคมไทยเกิดความสับสน ไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของผลผลิตที่รัฐบาลจัดหาให้ประชาชน ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งอาจารย์แพทย์, นักวิชาการ, ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา ต้องสลับผลัดเปลี่ยนออกมาสร้างความเชื่อมั่นให้ “ทีมไทยแลนด์ – ที่ประกอบด้วยทุกอณูของสังคมไทย” จนเกิดวาทกรรมในสังคม “เชื่อหมอไม่เชื่อหมา” อย่างแพร่หลาย
จำกันได้ไหมว่า “นักการเมือง จาก พรรคก้าวไกล” หยิบยกประเด็น “ปฏิบัติการไอโอ” (IO) มาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในรัฐสภา ทั้งที่ “เนื้อหาข้อความกล่าวหาใสร้ายและเอกสารที่นำมาแสดงกลางสภา” นั้นเป็นเท็จ และเมื่อความจริงถูกเปิดเผยนักการเมืองดังกล่าวหาได้มีสามัญสำนึกรับผิดชอบกับการกระทำนั้น รวมไปถึงพรรคการเมืองต้นสังกัด!?!?!
เฟคนิวส์ที่เผยแพร่มาในช่วงสงครามแย่งชิงอำนาจบริหารประเทศของนักการเมืองของพรรคการเมือง เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สร้างความหวาดระแวง สับสนให้สังคมไทย ย้อนมองเบื้องหลังกับพฤติกรรมนี้ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ปฏิบัติการข่าวปลอม, ปฏิบัติการไอโอ ต้องตระหนักว่าเป็นพฤติกรรมชั่วร้ายในสังคมไทย เหมือนบัณเฑาะก์ ในพระพุทธศาสนา ที่หมายถึง มนุษยชาติที่มิใช่ชายหรือหญิงมีกิเลสหนามีความกำหนัดกลัดกลุ้มไม่รู้จักสร่าง มีความกำหนัดเข้าครอบงำ พระพุทธองค์จัดบัณเฑาะก์เป็น บัณเฑาะก์ที่เป็นมนุษย์หนึ่ง อมนุษย์หนึ่ง สัตว์เดรัจฉานหนึ่ง ไว้ 5 กลุ่มคือ กลุ่มอาสิตตบัณเฑาะก์, อุสุยบัณเฑาะว์, โอปักกมิยบัณเฑาะก์, กลุ่มปักขบัณเฑาก์ และกลุามนปุงสกะบัณเฑาะก์ ภาษาบาลีใช้ว่า “วสฺสวโรปณฺฑโก”
ฉะนั้นไม่ว่าปฏิบัติการนี้เกิดจากฝ่ายใดก็ไม่ต่างไปจากธรรมเทศนาของ “พระราชธรรมนิเทศหรือพระพยอม กัลยาโณ”ที่เปล่งวาจาเทศนาสอนสั่งว่า “เสนียด (อัปปรีย์)ไป จัญไรมา” ทั้งสิ้น ดังนั้นสังคมไทยสมควรสั่งสอนนักการเมืองและพรรคการเมืองเหล่านี้ให้สาแก่ใจ
อย่าให้เสนียดอัปรีย์จัญไรสัมภเวสีเหล่านี้มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี