มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นอย่างน้อย 2 เรื่อง สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงที่คนมองว่ากำลัง “ดิ่งเหว”
หนึ่ง-นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนแทนนายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับมอบหมายกรณีนายกฯเป็นห่วงและให้กำลังใจหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลอย่างนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร หลังประสบปัญหาภายในพรรค โดยนายกฯตอบว่า ให้กำลังใจให้แก้ปัญหาภายในพรรคได้ ส่วนคำถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์เกิดเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคจะกระทบการทำงานโดยเฉพาะการปรับครม.หรือไม่ นายกฯตอบว่า ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังทำงานกันอยู่ต่อไป
สอง-กลุ่มอดีต สส.ภาคเหนือ พรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ อดีต สส. สุโขทัย นพ.เธียนชัย สุวรรณเพ็ญ อดีต สส.ตาก นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร อดีต สส.นครสวรรค์ นายนิคมเชาว์กิตติโสภณ อดีต สส.ลำปาง. นายยุพราช บัวอินทร์ อดีต สส.เพชรบูรณ์ นายขยัน วิพรหมชัย อดีต สส.ลำพูน และนายสมบัติ ยะสินธุ์ อดีต สส.แม่ฮ่องสอน ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้กำลังใจ และสนับสนุน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ ระบุว่า ขอให้นายจุรินทร์ และ นายเฉลิมชัย รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคทุกท่าน ได้อยู่ทำหน้าที่ต่อไป เนื่องจากสภาเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน ก็จะถึงวันเลือกตั้งใหญ่แล้ว จึงขอให้กรรมการบริหารพรรคทุกท่านช่วยกันนำพาพรรคไปสู่เป้าหมายที่สูงสุด นอกจากนี้กลุ่ม อดีต สส.ภาคเหนือทุกท่านยังมีความมุ่งมั่นที่จะอยู่กับพรรค ทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์มีความเข้มแข็งมี สส.เพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และขอให้กำลังใจคณะกรรมการบริหารทุกท่าน ให้มีความรักความสามัคคีกันไว้ เกาะกันให้เหนียวแน่น ช่วยกันนำพาพรรคให้เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนต่อไป
ประการแรกนั้น เป็นความน่ารัก เป็นมิตรจิตมิตรใจของท่านนายกฯ ที่ประชาธิปัตย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ก็พาลูกพรรคช่วยอุ้มท่านผ่านอุปสรรคมาแล้วหลายยก ท่านก็มีน้ำใจ ให้กำลังใจกันในยามยาก
ประการที่สองนั้น เป็นพลังใจอันสำคัญ เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีที่พรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือได้ทำ เพราะปัญหาใหญ่สุดของพรรคประชาธิปัตย์ คือ การแตกความสามัคคี บัดนี้ เมื่อเทียบจากทุกภาคแล้ว ทีมประชาธิปัตย์ภาคเหนือนี้ แนบแน่นและเป็นปึกแผ่นที่สุด รองลงมาคือทีมภาคตะวันออก กับกรุงเทพมหานคร แตกแยกที่สุดคือทีมภาคใต้
วันก่อนนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ฐานะประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้กล่าวถึงกรณีวิกฤตภายในพรรคประชาธิปัตย์ ว่า วันนี้ก็ต้องดูปัญหา และอย่าไปหนีปัญหา ยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นอย่างไร และก็ต้องแก้ไขกันไป อย่าไปหวั่นไหวเกินไปจนทำให้มีปัญหาตามมา จึงอยากให้สมาชิกที่อยู่ในพรรคและได้ประโยชน์จากพรรค มีตำแหน่ง เป็นสมาชิก เป็น สส. ให้ตระหนักว่าหากมีอะไรก็อย่าไปซ้ำเติม เราต้องช่วยเหลือกัน
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังคงสถานะพรรคต่อไปได้ และยังไม่ถึงขั้นวิกฤตสุดที่จะต้องแยกย้ายแตกไปเหมือนที่หลายคนเป็นห่วงใช่หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ตนเข้าใจคนห่วงใย ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้ที่ห่วงใย แต่ขอให้เชื่อว่าเมื่อทำงานแล้วเจอปัญหา ก็ขอให้สู้กับปัญหา วันหนึ่งก็ผ่านพ้นไปแต่จะแก้ไขได้มากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่เหตุการณ์ ตนก็ขอให้กำลังใจทุกคนรวมถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และตนช่วยสนับสนุนนายจุรินทร์จนชนะ อีกทั้งสมัยที่ตนจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องผ่านการแข่งขันมาเช่นกัน แต่สมัยนั้นความขัดแย้งไม่ค่อยมี แต่สมัยนี้แข่งขันกันเยอะ มีหลายกลุ่ม พอกลุ่มที่แพ้ไป บางคนก็หนีออกไป แต่บางคนก็ยังอยู่ แต่ว่าคนที่เป็นหัวหน้าก็จะเหนื่อยหน่อย ซึ่งตนรู้สึกเห็นใจและขอให้เป็นกำลังใจทุกคน
“ขอร้องสมาชิกพรรค หากไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรค ก็อย่าเป็นตัวถ่วงของพรรค หมายความว่าอย่าคอยวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิเพียงอย่างเดียว ต้องพยายามหาทางช่วยเหลือ เพราะแต่ละคนก็ได้ประโยชน์จากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะมีตำแหน่ง ขอให้คิดถึงคนที่เขาอยู่ในระบบเลือกตั้งบ้างและคิดถึงคนที่เขาสนับสนุนพรรคด้วยความยากลำบากและด้วยความศรัทธา คนเหล่านี้เราต้องคิดถึงให้มากจึงอยากให้กำลังใจและขอบคุณคนที่ให้กำลังใจ โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้กำลังใจพรรคมาหลายคน” นายชวน กล่าว
เหตุการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คง “ชุบชูใจ”นายจุรินทร์ได้เป็นอย่างดี
ส่งผลให้นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้กำลังใจในการทำหน้าที่ร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค และเพื่อนในพรรคทุกคน รวมถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะค่อยๆ คลี่คลายผ่านไปได้ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน ในทุกวิกฤตผมเชื่อว่ายังมีโอกาสเสมอ เพราะปัญหาสามารถเกิดขึ้นได้ แต่เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอีกทั้งเรายังมีภารกิจที่สำคัญรออยู่ข้างหน้าอีกหลายเรื่องที่เราจะต้องขับเคลื่อนและนำไปสู่ความสำเร็จที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) หรือการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดราชบุรี รวมทั้งภารกิจอื่นๆ ที่จะนำพาพรรคไปข้างหน้าต่อไป
เมื่อถามว่า แสดงว่าปัญหาที่เกิดขึ้นได้มีการหารือกันจนเป็นข้อยุติแล้วใช่หรือไม่ เพราะดูเหมือนจะมีบางคนไม่ค่อยเข้าใจ และยังมีความเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นายจุรินทร์กล่าวว่า ได้มีการทำความเข้าใจกันว่าเป็นอย่างไร ส่วนตัวคิดว่าสมาชิกพรรคทุกคนจะตระหนักดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า กดดันหรือไม่เพราะทุกอย่างดูเหมือนมาตกลงที่หัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะตนเป็นหัวหน้าพรรค เป็นผู้นำองค์กร ก็ต้องเป็นเบอร์ 1 ที่ต้องรับทุกภารกิจทุกอย่างและทุกปัญหาอยู่แล้ว ทราบตั้งแต่ต้นว่าเมื่อขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคก็หนีไม่พ้นอะไรที่เกิดขึ้น อะไรที่เกี่ยวข้องกับพรรค หัวหน้าพรรคต้องมีหน้าที่ที่จะต้องเป็นเบอร์ 1 ในการเข้าไปแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปให้ได้
เอาล่ะครับ ในพรรคก็ว่ากันไป หันมาดูเสียงจาก “นอกพรรค” กันบ้าง
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัดโพสต์เฟซบุ๊คระบุว่า บาดใจใครก็ขออภัยด้วย เพียงแค่สะท้อนความรู้สึกส่วนตัว
“ใครไม่รู้จักหุ้นที่ทำ New Low ให้ดูตัวอย่างของ ปชป. ที่ทำ New Low ได้ต่อเนื่องทุกวัน เก่งขั้นเทพเล้ย”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความ “อย่างนี้สิ! เลือดแท้ ประชาธิปัตย์” หลังจาก จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ประกาศไม่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีปริญญ์ พานิชภักดิ์ ดังต่อไปนี้
“หากจะรักษาพรรคประชาธิปัตย์ไว้ หัวหน้าพรรคต้องเสียสละ “ลาออก” แสดงสปิริต ในเมื่อสโลแกนพรรคบอก พรรคเลือกคน (ประชาชนเลือกพรรค)
“หากพรรค โดยหัวหน้าพรรค เลือกรองหัวหน้าที่มีผู้หญิงเรียงแถวมาแจ้งความทั้ง คดีอนาจาร ข่มขืน พรากผู้เยาว์แล้วหัวหน้าพรรคยังจะมีหน้าบอกว่า ต้องอยู่ต่อ ในเมื่อเกิดปัญหาในยุคเรา ก็ไม่อยากผลักความรับผิดชอบ
“มันไม่ได้เกิดปัญหาในยุคท่าน แต่มันเกิดปัญหาเพราะตัวท่าน แถมยังบอกอีกว่า เรามีหน้าที่แก้ไขปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปข้างหน้า ซึ่งอาจเป็นต้นแบบของพรรคการเมืองทุกพรรคต่อไปในอนาคต”
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุต่อไปว่า “อื้อหือ! นอกจากเอาดีเข้าตัว ยังเอาเรื่องชั่วของรองหัวหน้าพรรค มาเป็นข้อดีในการหาแนวทางแก้ไขเสียอีก บิดได้สวย เเต่คนรู้ทัน พรรคตกต่ำขนาดนี้ ยังมีหน้าจะมาเป็นต้นแบบให้พรรคอื่นๆ ในอนาคตได้อีกหรือ?”
“ฟังท่านแล้วชาวบ้านต้องรีบไปล้างหู! หากอยากอยู่เป็นหัวหน้าพรรค ก็อยู่ไปเถอะครับ สมกับคำขวัญพรรคประชาธิปัตย์โดยแท้ที่ว่า สจฺจํเว อมตา วาจา คำสัตย์แล เป็นวาจาไม่ตาย”
โดยสรุป :
1) คุณจุรินทร์ต้องแสดง “ภาวะผู้นำ” ที่ชัดเจนกว่าที่ผ่านมา เช่น ต้องพร้อมพูดคุยกับทุกคน ทุกฝ่าย อย่าใช้วิธีไม่พูด ไม่คุย ไม่เจรจา ยามเผชิญกับปัญหาอย่าหลบเลี่ยงต้องแสดงความเป็น “หัวหน้าพรรค” ให้ทันการณ์อย่างกรณีปริญญ์นี่ ท่านแสดงภาวะผู้นำช้ากว่าลูกพรรคหลายคน มีคนกดดันจนท่านต้องประชุมกลุ่มย่อย ท่านยังขอให้รองหัวหน้าพรรคท่านหนึ่งประมวลและประเมินสถานการณ์ให้ฟังอีก เล่นเอาคนในที่ประชุม “มองบน”
2) คนในพรรคต้องหัด “พูดกันเองในพรรค” ให้มากขึ้น อย่าเอามาพูดนอกพรรคจนพรรคได้รับผลกระทบ แต่ก็นั่นแหละ มันอยู่ที่ว่า ในพรรคมีที่ให้พูด รับฟังการพูดหรือไม่ หรือเอาแต่บ่ายเบี่ยง หรือปิดไมค์ หรือให้พูดผ่านคนอื่น ทั้งๆ ที่เขาอยากพูดกับหัวหน้าพรรค
3) อย่ามองคน “คิดต่าง” ในพรรคเป็นศัตรูจงได้ยินเสียงของ “ความห่วงพรรค” เป็นเสียง “ลาออก” หรือเสียงที่บอกให้ท่าน “ลาออก” ยิ่งต้อง “อยากคุยกับเขา”ให้มากยิ่งขึ้น
4) หากผู้นำนำใจคนได้ หากคนในพรรคลดความขัดแย้ง ลดการแบ่งพรรคแบ่งพวก แล้วมารวมพลังกัน เปิดโอกาสให้กันและกัน วางยุทธศาสตร์การสร้างความน่าเชื่อถือน่าเชื่อมั่น ระดมคน ระดมการสื่อสารที่ดี เวลาที่เหลืออีกราวๆ 1 ปี ก่อนการเลือกตั้งใหญ่จะมาถึง และยังต้องชู“จุรินทร์” เป็นแคนดิเดตนายกฯ
สภาพก็คงไม่ดิ่งเหวมากนัก อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี