วันที่ 14 พ.ค. 2565 - ที่ห้างสรรพสินค้า อิมพีเรียล สำโรง สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการจัดงาน “ครอบครัวเพื่อไทย สมุทรปราการ” นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรค พท. ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
นางสาวแพทองธาร กล่าวเปิดงานว่า กว่า 10 ปีที่ผ่านมา การเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ของประเทศไทย ได้ทำลายครอบครัวไปมากมาย พี่น้องประชาชนหลายสิบล้านคนต้องสูญเสียชีวิต สูญเสียกำลังใจ เจ็บปวด แต่ตนเชื่อมั่นว่า ทุกคนยังมีความหวัง เพราะพรรคเพื่อไทยยังมีพี่น้องคนเสื้อแดง พี่น้องคนเสื้อแดงมีพรรคเพื่อไทย เป็นครอบครัวคนเสื้อแดง ครอบครัวเพื่อไทย
นางสาวแพทองธารกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า อุดมการณ์ของพรรคไม่เคยเปลี่ยนแปลง จากพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน สู่เพื่อไทย คือต้องการให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องกลับไปมีศักดิ์ศรีอีกครั้ง ในวันนี้แม้ทุกอย่างจะดูเหมือนไม่มีทางออก แต่เชื่อมั่นว่าทางออกเดียว คือพรรคเพื่อไทยกลับมาชนะการเลือกตั้ง ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ประเทศชาติจะกลับมาเจริญอีกครั้ง
“ขอเชิญชวนให้พี่น้องเสื้อแดง กลับบ้าน มาร่วมกันกับพรรคเพื่อไทยในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ด้วยการทวงคืนอำนาจรัฐ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย เราไม่เคยทิ้งกันไปไหน ขอบคุณพี่น้องเสื้อแดงที่เป็นความเข้มแข็ง เราผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย และพรรคเพื่อไทยคงไม่มาถึงทุกวันนี้ หากไม่ได้รับพลังจากพี่น้องเสื้อแดงทุกคน ขอบคุณนะคะที่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน กลับบ้านเรากันค่ะ”
1) ทันใดนั้นเอง นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ปัจจุบันลี้ภัยที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ถึงเรื่องนี้ว่า “เสียงเรียกหา “เสื้อแดง” ให้กลับบ้าน (พรรคเพื่อไทย) ทำให้ชวนนึกถึงว่า ถึงคราวเลือกตั้ง ก็เรียกหากันที พอเลือกตั้งได้ ก็เปลี่ยนท่าทีเหมือนคราวเลือกตั้งชนะปี 2554 ทักษิณก็บอกให้เสื้อแดงว่าส่งแค่นี้พอแล้ว
“พี่น้องนี่ทำมาเยอะแล้ว แต่เมื่อทำมาถึงจุดหนึ่งก็หมายความว่า เหมือนกับผมจะว่ายน้ำ ผมจะข้ามฝั่ง พี่น้องแจวเรือพาผมข้ามฝั่งมา ถึงฝั่งเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเดินทางต่อขึ้นภูเขา พี่น้องจะแบกเรือมาขึ้นภูเขาทำไม ถึงเวลาที่ผมจะขอนั่งรถขึ้นเขา”
2) ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2555 ในการจัดการชุมนุมรำลึก 2 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทักษิณ ชินวัตร วีดีโอลิงก์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังเวทีแยกราชประสงค์ พูดคุยกับคนเสื้อแดงประมาณ 45 นาที โดยกล่าวหว่านล้อมให้คนเสื้อแดงยอมรับกระบวนการ “สร้างความปรองดอง” ที่รัฐบาล (ของเขา) กำลังจะผลักดัน
“...วันนี้ประเทศต้องเดินหน้า ต้องคิดถึงอนาคตลูกหลานของเรา ในยามที่เกิดสงคราม คนที่รบกันเจ็บทั้งคู่แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์คือ คนที่ค้าอาวุธ ซึ่งมีอยู่ทั้งสองฝ่าย จึงอยากให้คนเสื้อแดงยอมให้รัฐบาลเดินหน้าเพื่อความปรองดอง ให้ทำหน้าที่ตามที่ได้สัญญาไว้ คือการนำประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเดินหน้าเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปมากแล้ว...”
และตอนหนึ่ง ทักษิณกล่าวว่า
“พี่น้องนี่ทำมาเยอะแล้ว แต่เมื่อทำมาถึงจุดหนึ่งก็หมายความว่า เหมือนกับผมจะว่ายน้ำ ผมจะข้ามฝั่งพี่น้องแจวเรือพาผมข้ามฝั่งมา ถึงฝั่งเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเดินทางต่อขึ้นภูเขา พี่น้องจะแบกเรือมาขึ้นภูเขาทำไม ถึงเวลาที่ผมจะขอนั่งรถขึ้นเขา แต่ผมไม่เคยลืมคนที่ขับเรือมาส่งผม แล้วผมจะต้องหันกลับไปขอบคุณคนที่ขับเรือมาส่งผม เหตุการณ์มันเปลี่ยน พัฒนาการมันเปลี่ยน ก็หวังว่าพี่น้องคงจะเข้าใจว่าวันนี้เราได้ทำหน้าที่ของเรามาสุดทาง แต่ไม่ได้หมายความว่าเลิกทำหน้าที่ ต้องดูต่อไปว่า ใครเบี้ยว ใครมากระชากประชาธิปไตยเราอีก ใครกำลังจะยัดเยียดความไม่เป็นธรรมต่ออีก”
หลังจากนั้น ได้มีความพยายามที่จะออกกฎหมายเพื่อล้างผิดให้ตัวเอง โดยเริ่มจากการเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติพ.ศ. ... โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เสนอผ่านสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2555 ก่อนที่บรรดา สส.พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวม 7 ฉบับ
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณสไกป์มายังห้องประชุมพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีว่า ได้พูดขอบคุณกับ ร.ต.อ.เฉลิมแล้ว จะทำอะไรควรทำอะไรให้มันสุดซอย ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับของนายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ เหมือนเดินไปครึ่งๆ กลางๆ มันไม่สุดซอย เมื่อจะทำแล้วก็ทำให้มันสุดซอย แต่ถ้าจะให้เร่งเอาเข้าสมัยประชุมวิสามัญ 3 วาระรวด ไม่เห็นด้วย จะถูกฝ่ายค้านโจมตีอีก ขณะนี้ยังไม่มีการชี้แจงเหตุผลรายละเอียดทั้งหมด อยากให้เอาเข้าสมัยประชุมหน้า
“ไม่เป็นไร ผมรอได้ ขอให้ สส.สามัคคีกันไว้ให้แน่น ให้นึกถึงผมบ้าง ยังลอยคอในทะเล อย่าให้ลอยคอนาน มันหนาว จะเป็นปอดบวมตายอยู่แล้ว อยากกลับบ้าน ฝากบอกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องกังวล กลับมาแล้วไม่ได้ประสงค์อะไร ไม่ขอมีตำแหน่งอะไร ไม่เอาแล้ว ปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ยังแข็งแรงอยู่บริหารไป ท่านก็เก่งแล้ว ส่วนผมอายุมากแล้ว ขอใช้สมองช่วยงานอยู่ข้างหลัง อะไรพอช่วยได้ก็จะช่วยเพื่อบ้านเมือง หากมีปัญหาอะไรให้ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะเรามาจากประชาชน” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
ปรากฏว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งเสนอโดยนายวรชัยนั้น ที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทยมีมติสนับสนุน และจะไม่นำร่างกฎหมายอื่น รวมถึงร่างพ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม มาสอดไส้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 7 สิงหาคม 2556 มีมติ 300 ต่อ 124 เสียง ผ่านร่าง พ.ร.บ.ในวาระรับหลักการ แต่เมื่อเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต สส.มหาสารคาม รองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน กลับแปรญัตติโดยตัดเนื้อหาจากร่างเดิม และมีการเพิ่มเติมข้อความเข้าไป ซึ่งจะทำให้มีผลครอบคลุมถึงผู้ที่ถูกดำเนินคดีโดยเฉพาะนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็น “คดีทุจริตคอร์รัปชั่น”
หลังจากนั้นก็ใช้เสียงส่วนใหญ่รวบรัดตัดตอน จนผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยได้ในเวลาค่อนรุ่ง ดังที่ถูกเรียกว่า “กฎหมายนิรโทษกรรมลักหลับสุดซอย”
หัวใจสำคัญของกฎหมาย คือ คนเสื้อแดง ตำรวจ ทหาร ประชาชน สื่อมวลชนที่เจ็บและตายไม่ต้องสืบหาความจริง ไม่ต้องมีกระบวนการยุติธรรมพิจารณาคดี จบ ตายแล้วตายไป เลิกแล้วต่อกัน!! นั่นคือ นิติรัฐนิติธรรมที่พึงจะมี และเป็นสิ่งที่คนเสื้อแดงที่สู้เพื่อตระกูลชินวัตรควรจะได้อย่างนั้นหรือ?
3) นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย ในฐานะอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง โพสต์รูปภาพและข้อความในเฟซบุ๊ค
ว่า 19 พฤษภาคม วันคนเสื้อแดงถูกปล่อยทิ้ง หยุดวาทกรรมเก่าๆ ได้แล้วครับ อย่าเอาประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกต่อไปเลย สงสารประเทศไทย หยุดทำลายประเทศไทยเสียเถอะ
จำคำนี้ได้มั้ยครับ “ให้เสื้อแดงไปรวมตัวกันที่ศาลากลาง” แล้วสรุป สุดท้าย เสื้อแดงไปรวมตัว เผาศาลากลาง ถูกจับ ติดคุกกันเป็นร้อยคน หนีคดีอีกหลายร้อยคน ใครพูดครับ แล้ว พ.ร.บ.นิรโทษที่เห็นกันว่าเสื้อแดงจะได้ออกจากคุกกันซะที แต่กลับมีมือดีเอาสุดซอย พ่วงเข้าไปเพื่อให้คนต่างประเทศ รอดคดีด้วย แล้วก็ เละเทะ จนนายกฯยิ่งลักษณ์ฯต้องยุบสภา
พ.ร.บ.ที่เสื้อแดงจะรอดคุก โดนถอดออกเสื้อแดงในคุก คงต้องคอตก รับชะตากรรมต่อเพราะ “คนต่างประเทศ” นั่นเอง...คนเสื้อแดงในตอนนั้น สมัยนั้นต้องออกมาหาเงินเยียวยากันเอง”#เสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพล
4) นางนิตยา นาโล อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน เปิดเผยว่า มีนักการเมืองหลายคนมประสานงานขอให้กลับไปเป็นคนเสื้อแดง แต่ยืนยันไม่กลับแล้วไม่ต้องการรับใช้ประชาธิปไตยจอมปลอมแฝงด้วยเผด็จการ เพราะที่ผ่านมาพวกตนถูกหลอกมาหลายครั้งแล้ว ว่าไปเรียกร้องประชาธิปไตย แต่แท้จริงแกนนำและผู้อยู่เบื้องหลังกลับเป็นเผด็จการเสียเอง
อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน กล่าวต่อว่า ยิ่งพวกเราคนอีสานจะถูกแกนนำดูถูกเหยียดหยามไม่ยอมให้เป็นผู้นำ หรือขึ้นเวที และนำขับเคลื่อนมวลชน แม้ว่ามวลชนที่มาจำนวนมากๆ จะเป็นคนอีสานที่พวกตนนำมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่ผ่านมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552-2553 แต่สุดท้าย กับถูกเผด็จการที่เป็นแกนนำบางกลุ่มสกัด
“ถ้าคนเสื้อแดง มีจิตสำนึก ไม่เข้าข้างใครคิดดูสิว่า แกนนำ นปช.ที่โดดเด่นเป็นคนอีสานหรือไม่อย่างไร”
เธอกล่าวต่อว่า ส่วนแกนนำ นปช.ประจำจังหวัดที่ไม่ปากหวานหรือก้มหัวให้ ก็ไม่มีค่ารถ ค่าเดินทาง ต้องใช้งบตนเอง จนทำให้หลายครอบครัวต้องบ้านแตกสาแหรกขาด ติดหนี้ ไปเสียนามาเสียเมีย แต่แกนนำกลับร่ำรวยไปเรื่อยๆ เกือบทุกคน ถ้าคนไหนเป็นแกนนำคนอีสานหน่อย ทางแกนนำส่วนกลางจะต่อต้านทันทีแต่มวลชนที่มาร่วมชุมนุมกับเป็นคนอีสาน เพราะใคร เพราะนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังกันทั้งนั้น
นางนิตยากล่าวอีกว่า วันนี้พวกตนเข็ดมากแล้วเพราะหลายคนที่ติดคุกก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ บางครอบครัวบาดเจ็บและเสียชีวิตก็ถูกปล่อยทิ้ง ขณะที่แกนนำส่วนกลางที่ไม่เคยมีแม้แต่คนอีสานเลย กลับเสวยสุข หรือแม้แต่กระทั่งผู้อยู่เบื้องหลังก็ทำท่าทีเพิกเฉย ไม่ออกมาช่วยเหลือแต่อย่างใด แต่พอจะถึงเวลาเลือกตั้งก็จะมาบอกว่า ปลุกคนเสื้อแดงอีกครั้งหนึ่ง พี่น้องลองหลับตาคิดดูว่า ที่ผ่านมาพวกเราเจ็บปวดอย่างไรบ้าง
“ถ้าย้อนไปถึงการต่อสู้ ปี พ.ศ.2552-2553 แกนนำ นปช.ประจำจังหวัดพากันเงียบหายไปเลย หลังจากการเลือกตั้ง ปี พ.ศ.2554 เพราะคนที่ต่อสู้กันมาในช่วงต้นๆ กลับถูกปล่อยทิ้ง เอาใครไม่รู้มาเป็น สส. มาเป็นรัฐมนตรี หรือตำแหน่งต่างๆ ทางการเมือง เขาเหล่านั้นไม่เคยออกมาช่วยเหลือพวกเราเลย”
5) นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ กล่าวว่า ในช่วงที่พวกเราเดินสายเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง ผู้อยู่เบื้องหลังก็จัดเอาวิทยากรลงพื้นที่มาปราศรัยช่วย แต่ล้วนแล้วในการปราศรัยของวิทยากร มีแต่ประเด็นล้มเจ้าล้มแผ่นดิน จนพวกเราถูกตราหน้าว่าหมู่บ้านเสื้อแดงล้มเจ้า จะไปไหนมาไหนก็ถูกคนประณามยิ่งกว่าอะไร แต่วันนี้พวกเราเปลี่ยนมา “หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน” ได้รับคำสรรเสริญเยินยอ ได้รับเกียรติจากพี่น้องประชาชนผู้มีความจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“...ที่นักการเมืองออกมาเรียกร้องจะให้คนเสื้อแดงกลับไปรับใช้ประชาธิปไตยจอมปลอม ที่แฝงเอาไว้ด้วยเผด็จการ เอื้อเฟื้อต่อเพื่อนพ้องและญาติของตนเอง ผมรับไม่ได้ และจะไม่ขอพี่น้องคนเสื้อแดงที่อยู่กับผมกลับไปอย่างเด็ดขาด และขอวิงวอนอยากจะให้นักการเมืองยุติความคิดแบบเห็นแก่ตัวเสียเถอะ พอได้แล้ว อย่าเอาประชาชนไปเป็นตัวประกันต่อรองกับอำนาจของตนเอง ที่จะไปเป็นใหญ่ในประเทศไทยเลยครับ ผมขอร้องเถอะครับพอได้แล้ว”
อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือกล่าวว่าตอนนี้พวกเราได้เดินสายเปิดหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุขกับกิจกรรมที่พวกเราได้ทำ แม้ว่าจะไม่มีเงินหรือเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน พวกเราก็มีความสุขโดยเฉพาะชาวเขาชาติพันธุ์และประชาชนตามสถานที่ต่างๆ ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงทำให้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ ได้แผ่บุญบารมี ให้พวกเราได้ทำงานกันอย่างมีสุข และสุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แม้ว่าจะเจอวิกฤตกับโรคไวรัสโควิด-19 ระบาด ในการลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องแต่พวกเราก็ผ่านพ้นมาด้วยดี เพราะบารมีของพระองค์ท่าน
สรุป : อุ๊งอิ๊งกำลังหว่านล้อม ชักจูงคนเสื้อแดงไป“หาประโยชน์ทางการเมือง” ของตระกูลเธออีกแล้ว หวังว่าคนเสื้อแดงจะรู้เท่าทันและรู้จักเข็ดหลาบ เพราะ “เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วคนคือควาย” คนเสื้อแดงจะเลือกเป็นอย่างไหน จงแสดงออกและบอกกับเธอ!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี