วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อไม่กี่วันมานี้ในแวดวงวิชาการและนักคิดทางการเมืองไม่ว่าจะเป็น ดร.โภคิน พลกุล ดร.โคทม อารียา ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ธงทอง จันทรางศุซึ่งผมพอจะรู้จักมักจี่ ต่างได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับลู่ทางการที่จะขจัดเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารออกไปจากสารบบการเมืองการปกครองของไทยโดยเฉพาะการระบุไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ การประกาศสัญญาประชาคม และการลงประชามติ เป็นต้น
ผมเองจึงขอถือโอกาสนี้ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย และขอเท้าความย้ำถึงการที่กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับต่างๆ ที่มีมา รวมทั้งฉบับปัจจุบันที่ระบุไว้ว่า“องค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ” และก็ขอย้อนถึงเหตุการณ์ที่ พลเอกสุจินดา คราประยูร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง (คู่ขัดแย้งทางการเมืองในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ)เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งนำไปสู่การคลี่คลายปมปัญหาการขัดแย้ง การเผชิญหน้าทางการเมือง
นอกจากนั้นยังมีกรณีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา(ในฐานะแม่ทัพกองทัพบก และผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยของกรุงเทพฯ) เชิญประชุมหารือระหว่างฝ่ายรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับฝ่ายต่อต้านที่นำโดย คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะระหว่างวันที่ 21-22 พฤษภาคม 2557 เพื่อหาทางที่จะให้เกิดการรอมชอม และประนอมท่าทีกัน ซึ่งผลปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารครั้งล่าสุดในการเมืองไทย
จวบจนปัจจุบัน คำสั่งหลายฉบับจากคณะปฏิวัติต่างๆ (ที่มาจากอำนาจของบุคคลคนเดียว หรือคณะบุคคลไม่กี่คน) ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ แม้สังคมไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตยในหลายๆ ช่วงก็ตาม ฉะนั้นสิ่งแรกที่สังคมไทยควรจะร่วมดำเนินการกันได้อย่างแข็งขันเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็คือการยกเลิกคำสั่งคณะปฏิวัติทั้งหมดออกไปจากกฎหมายไทย เพื่อมิให้รากเหง้าของการทำลายระบอบประชาธิปไตย และความเชิดหน้าชูตาของระบอบเผด็จการคงอยู่ได้อีกต่อไป
ส่วนความปรารถนาที่จะไม่ให้การปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นอีกด้วยวิธีการทางตัวบทกฎหมาย แถลงการณ์สัญญาประชาคม หรือการลงประชามติ ก็ยังจัดได้ว่าเป็นการมุ่งดำเนินการไปที่จุดๆ เดียวคือ ฝ่ายกองทัพที่จะมีพละกำลังที่จะทำการปฏิวัติเท่านั้น ซึ่งคงจะเป็นการไม่เพียงพอ แต่จะต้องพินิจพิจารณาถึงสาเหตุที่มาที่ไปของการขัดแย้ง และการเข้ามาแทรกแซงของฝ่ายกองทัพด้วย นั่นก็คือพฤติกรรมของทางฝ่ายนักการเมืองและพรรคการเมืองว่า ได้แสดงบทบาทตามกติกาบ้านเมืองและตามหลักนิติธรรมด้วยหรือไม่? และเมื่อมีประเด็นปัญหาสมควรที่จะยืนกระต่ายขาเดียว หรือต้องยึดหลักการอะลุ้มอล่วยออมชอมเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง และเพื่อประคับประคองสังคมประชาธิปไตยให้ได้
อีกทั้ง อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะมีฉันทามติร่วมกันได้ก็คือ การห้ามการฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างเด็ดขาด ซึ่งจะต้องมีการประกาศให้เป็นที่แน่ชัดว่า หากใครฝ่าฝืน ดำเนินการฉีก และเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ รัฐธรรมนูญฉบับนั้นจะนำเสนอขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้เป็นอันขาด
จากกรณีตัวอย่าง การเข้าเฝ้าฯสมัยพฤษภาทมิฬ และการตัดสินใจยึดอำนาจหลังเวทีหารือ (โดยฝ่ายแม่ทัพบก) ดังกล่าวไม่สำเร็จ น่าจะเป็นบทเรียนและแบบอย่างอันสำคัญที่จะอำนวยให้คู่กรณีในอนาคต จะไม่ดำเนินการแบบสุดโต่ง โดยเมื่อเกิดวิกฤต / ขัดแย้งทางการเมือง ตัวแทนคู่ขัดแย้งจะต้องหันมาเจรจาหารือกัน และหากตกลงรอมชอมกันไม่สำเร็จ แทนที่ฝ่ายกองทัพจะดำเนินการยึดอำนาจ (ในทันที) ก็ควรจะกระทำตนเป็นตัวกลางนำเรื่องราวขึ้นทูลเกล้าฯถวายรายงาน เพื่อขอคำปรึกษาหารือ หรือเพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัย (ตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และเป็นจอมทัพไทย) โดยอนุญาตให้ฝ่ายกองทัพ ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายองค์กรอิสระ เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
ซึ่งการเข้าเฝ้าฯองค์ประมุข เพื่อขอพระราชวินิจฉัยเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งสามารถป้องกันมิให้กลุ่มผู้คนหนึ่งใด (โดยเฉพาะฝ่ายกองทัพ) อวยยศตนเองให้ขึ้นเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องอนาคตของประเทศ และสามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้ตามใจแม้จะสวนทางกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามกฎหมายแล้วถือเป็นการกระทำที่มีนัยของการละเมิดพระราชอำนาจ (หรือการดำเนินการแบบข้ามพระพักตร์ข้ามพระเนตรขององค์พระมหากษัตริย์)
ทั้งหมดนี้ ก็น่าจะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นปรึกษาหารือกันอย่างกว้างขวางลึกซึ้งในทุกวงการ เพื่อที่จะได้ตกผลึกซึ่งกระบวนการในทางปฏิบัติ ที่จะขจัดการปฏิวัติให้สูญหายไปจากประเทศไทยอย่างถาวร และที่สำคัญ สิ่งเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนพลเมืองทุกคน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’
ช็อกกันทั้งซอย กล้องหน้ารถจับภาพ ชายป่วยซึมเศร้าโดดตึก3ชั้นสาหัส
วางขายแล้ว! จาก‘ข้าวดอ’สู่‘ข้าวเม่า’ ขนมโบราณ ฝีมือชาวนาอำนาจเจริญ
ประเทศแรกในเอเชีย! ‘ฟีฟ่า’เลือก‘ไทย’ เจ้าภาพฟุตบอลหญิง รายการ FIFA Series 2026tm
‘สืบยโสธร’รวบเครือข่ายโจรกรรมรถ จยย.ข้ามชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี