วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในบ้านเรา กำลังเดือดร้อนจากการตัดสินใจของกรมประมง กระทรวงเกษตรฯ
เมื่อปล่อยให้มีการนำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดีย ทั้งๆที่ ประเทศไทยเองก็เป็นประเทศส่งออกกุ้ง!!!
1. ในปี 2564 ผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมในประเทศ 280,000 ตัน
ทั้งหมดส่งออกราว 80%
คาดการณ์ว่าปี 2565 ผลผลิตจะเพิ่มเป็น 300,000 ตัน
ที่เพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะปัญหาโรคระบาดกุ้ง เป็นปัจจัยสำคัญ
ก่อนหน้านี้ กรมประมงประกาศเป้าหมายเพิ่มผลผลิตกุ้งไทยให้ได้ 4 แสนตันในปี 2566
หากจริงใจกับการเพิ่มผลผลิต มาตรการหรือทิศทางที่จะต้องทำ คือ แก้ไขปัญหาโรคระบาดได้เบ็ดเสร็จ, มีรูปแบบแนวทางการเลี้ยงที่เหมาะสมกับเกษตรกรทุกกลุ่ม, ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงสินเชื่อจากแหล่งเงินทุน โดยภาครัฐและสถาบันการเงินสนับสนุนดอกเบี้ยพิเศษ,เพื่อเสริมสภาพคล่อง ปรับโครงสร้างฟาร์ม และโมเดลการเลี้ยงที่ตอบโจทย์สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน, สร้างช่องทางการขายและความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงการเจรจา FTA, สร้างระบบมาตรฐานการผลิตตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ฯลฯ
แต่ปรากฏว่า มีเพียงประกาศเป้าหมายใหญ่โต โดยไม่มีมาตรการใดออกมาสนับสนุนอย่างชัดเจน
.jpg)
.jpg)
2. ในทางตรงกันข้าม กรมประมงกลับดำเนินการสวนทาง โดยประกาศนำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดียนับหมื่นตัน
แม้จะเป็นการนำเข้าภายใต้หลักการ “คลังสินค้าทัณฑ์บน” หรือเป็นการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตและส่งออก 100% ซึ่งดูเผินๆ อาจเหมือนการป้องกันไม่ให้กุ้งเหล่านั้นเล็ดลอดเข้ามาปะปนกับกุ้งในประเทศ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็กำลังทำให้ภาพลักษณ์กุ้งไทยเสียหาย เนื่องจากที่ผ่านมา กุ้งสดและกุ้งแปรรูปของไทยใช้วัตถุดิบ Local content เกือบ 100% มีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารตกค้าง และตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงต้นทาง ที่ประเทศคู่ค้าเชื่อมั่นมาตลอด การประกาศว่ามีการใช้กุ้งต่างชาติเป็นวัตถุดิบแทน ย่อมขัดกับภาพลักษณ์อาหารปลอดภัยของประเทศไทยโดยสิ้นเชิง
ประการสำคัญ ปัจจุบัน วัตถุดิบกุ้งในไทยเอง “ไม่ได้ขาดแคลน” ถึงขนาดจำเป็นต้องอาศัยกุ้งนอก เพียงแต่ช่วงนี้มีราคาสูงขึ้นจากปริมาณที่น้อยกว่าความต้องการ รวมถึงการเปิดประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา จึงทำให้ราคากุ้งสูงขึ้นซึ่งเป็นไปตามปกติของกลไกตลาด
3. น่าคิดว่า การนำกุ้งจากต่างประเทศมาแปรรูปบรรจุใหม่ และนำไปส่งออกขายต่างประเทศในนามประเทศไทย อาจกระทบภาพลักษณ์กุ้งคุณภาพดีของไทยที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลกมายาวนาน
จะเข้าสำนวนไทยว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย หรือไม่?
ในเมื่อประเทศไทยมีการพัฒนาการเลี้ยงกุ้ง รัฐก็ส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง โดยเฉพาะด้านการผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน GAP (Good Aquaculture Practice) และมาตรฐานสากล รวมถึงการเจาะตลาดใหม่เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออก โดยที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ ระงับการนำเข้ามาโดยตลอด ทำให้เกษตรกรมุ่งมั่นพัฒนาระบบการเลี้ยงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต โดยมีราคาเป็นแรงจูงใจ พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
คาดว่า หากมีการนำเข้ากุ้ง ย่อมจะทำให้ราคาในประเทศตกต่ำ ทำให้เกษตรกรสูญเสียรายได้ ทำลายแรงจูงใจของเกษตรกรในการพัฒนาการผลิต เพิ่มความเสี่ยงของผลผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั้งระยะสั้นและระยะยาว
4. เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในประเทศกว่า 4 หมื่นราย คงต้องขอพึ่งบารมีนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯที่จะทบทวนและเข้ามาดูแลเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ให้รอดพ้นผลกระทบในครั้งนี้
นายอักษร ขจรกาญจนกุล ประธานชมรมกุ้งตรังพัฒนา ระบุว่า เกษตรกรประหลาดใจกับการตัดสินใจของกรมประมงในครั้งนี้มากที่อนุมัตินำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดียแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ผ่าน กรมฯ ปกป้องเกษตรกรมาตลอด เนื่องจากกุ้งที่นำเข้าจะทำให้ราคากุ้งในประเทศตกต่ำ ไม่มีเสถียรภาพ มีความเสี่ยงเรื่องโรคที่ติดมากับกุ้ง รวมถึงเกิดปัญหาคุณภาพความปลอดภัย การปนเปื้อนของสารเคมีต้องห้ามและยาปฏิชีวนะ จะสร้างความเสียหายกับผู้เลี้ยงและห่วงโซ่การผลิต
“เกษตรกรขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ ทบทวนนโยบายการนำเข้ากุ้งจากทั้งสองประเทศนี้อีกครั้ง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและอนาคตของเกษตรกรเลี้ยงกุ้งไทย ที่มุ่งมั่นพัฒนาการเลี้ยงจนเป็นที่่ยอมรับในระดับโลก ก่อนที่การนำเข้าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายห่วงโซ่การผลิตตลอดไป” นายอักษรกล่าว
5. น่าคิดว่า กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการตัดสินใจเช่นนี้ กลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ ห้องเย็น
เพราะห้องเย็นต้องการใช้วัตถุดิบราคาถูกลงเท่านั้น
แต่ไม่ได้คำนึงถึงภาพรวมและภาพลักษณ์การผลิตสินค้ากุ้งของไทยที่โดดเด่นในการใช้วัตถุดิบภายในประเทศทั้งหมดโดยสิ้นเชิง
ทั้งๆ ที่ สิ่งนี้ คือ ผลประโยชน์ของประเทศชาติส่วนรวมที่ยั่งยืนในแบบ “มั่งคั่ง ยั่งยืน” ใช้เวลาสร้างสมกันมานาน แต่จะถูกทำลายลงไปเพราะผลประโยชน์เฉพาะหน้าของคนบางกลุ่ม
สารส้ม

ชาวนนท์ระทึก! น้ำเจ้าพระยาหนุนทะลักจ่อท่วมหลายจุด
ซีลชายแดน! จุดตรวจช่องเม็ก-ปากแซง-เขมราฐ‘ตม.อุบลฯ’ตรวจเข้มบุคคลเข้า-ออก สกัด‘สแกมเมอร์’
'สรวงศ์' อวดภาพ 'อิ๊งค์' เซ็นหนังสือ '31 ผลงาน สางปัญหา สร้างโอกาส' ของนายกฯคนที่ 31
กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับมือพายุคัลแมกี เพื่อช่วยเหลือประชาชน
'พิสิษฐ์' ยัน 'วุฒิสภา' ไม่มียื้อถ่วง แก้ รธน. แจงองค์ประชุมกมธ.ฯล่ม เหตุไร้ความชัดเจน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี